หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ เครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวการเมือง
เว็บบอร์ด » ข่าวการเมือง
รายละเอียดของห้อง : ข่าวการเมือง ประเด็นร้อนน่าจับตา ตนเหนือเราต้องมีส่วนร่วม
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
'อัยการ' สั่งฟ้อง ทักษิณ-อ้อ ยึดที่ดิน 772 ล้าน

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
'อัยการ' สั่งฟ้อง ทักษิณ-อ้อ ยึดที่ดิน 772 ล้าน
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 19 มิ.ย. 50 เวลา 10:16:28 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

คมช.เดินหน้าไล่บี้ทุจริต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สวนกระแสการจ่ายเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อขอเจรจาสงบศึก โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธาน คมช. ระบุชัดเจนว่า กลุ่มอำนาจเก่าไม่มีทางหวนคืนมามีอำนาจอีก เพราะ คมช.ได้วาง 4 ขั้นตอนเพื่อล้างบางกลุ่มอำนาจเก่าไว้แล้ว และในเร็วนี้จะมีการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯอีกหลายคดี 

“สนธิ” ประกาศอำนาจเก่าไม่มีทางกลับ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (18 มิ.ย.) ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ดอนเมือง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้บรรยาย พิเศษเรื่อง “ความมั่นคงในโครงการเพื่อผลิตพยาบาลวิชาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่า แม้ว่าแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อขับไล่เผด็จการที่ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง จะโจมตีรัฐบาลและ คมช.อย่างไร ก็ถือว่าเป็นการโจมตีเพื่อแก้ตัว เพื่อให้วัฏจักรหมุนกลับไปสู่ที่เดิม ปัญหาบ้านเมืองมาถึงขณะนี้เดินไปถึงจุดที่ใกล้สำเร็จแล้ว พยายามพูดกับข้าราชการเสมอว่าอย่าใส่เกียร์ว่าง ถ้าใส่เกียร์ว่างเพราะกลัวอำนาจเก่าจะกลับมา อยากบอกกับทุกคนว่ามันกลับมาไม่ได้ เพราะขั้นวางไว้ในการปฏิรูปการปกครองจนถึงวันสุดท้าย จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนคือ 1.การยุบพรรคจะต้องเกิดขึ้น เพราะคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้จักทุกคน มันเป็นความผิดทางกฎหมายเห็นๆ 2.คดีที่ผิดเรื่องการโกงกิน และการคอรัปชันจะปรากฏ 3.พรรคจะเริ่มแตกและวิ่งกระจัดกระจาย และ 4. เรื่องของคดีก็จะสิ้นสุด และไปสู่การลงประชามติของร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง 

“การเลือกตั้งคราวหน้า จะต้องเป็นพรรคที่ทุกคนอยู่ในฝ่ายบริหาร จะต้องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประเทศไทยและสถาบัน ขณะนี้เป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ และผลผลิตของทาง คตส.กำลังจะบรรลุเป็นขั้นๆ วันที่ 19 มิ.ย.นี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะเห็นการตัดสินครั้งสำคัญ การประกาศการทุจริตครั้งสำคัญอีกวันหนึ่ง ทั้งหมดจะนำไปสู่คดีอาญา” พล.อ.สนธิกล่าว 

19 มิ.ย.นี้ รอฟังข่าวใหญ่จากนายกฯ

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ขณะนี้งานด้านการเมืองเดินไปแล้วไม่ต้องกังวล  ทุกคนจะดีใจถ้าใครยังมีความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ขอให้ทุกคนสบายใจว่าจุดสำเร็จจะมาถึงแล้วในเร็วๆนี้ เมื่อถึงการเลือกตั้งเราจะได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย  ตรงนี้เราจะต้องเลือกนักการเมืองที่ดีเข้าไปบริหารประเทศชาติเสียที ขอให้ มั่นใจว่าเราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นการสร้างอุดมการณ์ว่าเรามีจุดยืนข้าราชการทั้งหมดถือเป็นข้าของแผ่นดิน  ต้องรักกันสามัคคีกัน ข้าราชการเราเป็นตัวจักรที่หมุนไปพร้อมๆกัน อย่าให้เฟืองใดขบกัน เชื่อว่าประเทศจะเดินไปได้ไม่มีอะไรยาก ถ้าการทุจริตไม่มีการเข้ามาแทรกแซง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมร่วมกับนายกฯ ได้หารือเรื่องสถานการณ์การเมืองหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ขบวนการและแผนงานทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ ไม่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ ในอนาคต ผลจากการดำเนินการของ คตส.และดีเอสไอเริ่มชัดเจนขึ้น จะทำให้ทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนที่มีการระบุว่าจะมีข่าวดีจาก คตส.นั้นคืออะไร ผบ.ทบ.ตอบว่า บอกตรงนี้ก็ไม่ดี เมื่อถามต่อว่า เป็นข่าวเกี่ยวกับกลุ่มอำนาจเก่าใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ไม่ใช่ เดี๋ยวคอยฟังวันที่ 19 มิ.ย.นี้ นายกฯจะเป็นผู้แถลงเอง เมื่อถามย้ำว่าการประชุมร่วมกับนายกฯ เกี่ยวโยงถึงข่าวดีในวันพรุ่งดีด้วยหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า คนละเรื่องกัน ให้รอคอยในวันพรุ่งนี้ เมื่อถามอีกว่า เป็นเรื่องที่ให้หน่วยงานต่างๆไปดำเนินการ พล.อ.สนธิตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะนายกฯ ไม่ได้ให้รายละเอียด

เงินสองพันล้านไม่รู้จะเอาไปเก็บที่ไหน

เมื่อถามว่า ข่าวดีที่ว่าเกี่ยวโยงถึงการล้มล้างรัฐบาลและ  คมช.ด้วยการจ่ายเงินหรือไม่  พล.อ.สนธิตอบว่า มันเป็นเจตนา สถานการณ์จากนี้ไปความชัดเจนในเรื่องของรูปคดีจะชัดเจนมากขึ้น เรื่องพรรคการเมืองต่างๆ มีความชัดเจน จะทำให้นำไปสู่การเคลื่อนไหว สนับสนุนอาจจะมีมากขึ้น ส่วนหมายความว่าข่าวดีที่ว่าจะมีการสนับสนุนมากขึ้น พล.อ.สนธิตอบว่า อาจจะยกเว้นว่าทุก อย่างชัดเจนและลงตัวประชาชนก็เข้าใจ เมื่อถามว่า กระ-แสข่าวที่มีการนำเงินจำนวน 2 พันล้านบาท จากอดีตนายกฯมาให้  คมช. เพื่อเจรจายุติปัญหา พล.อ.สนธิตอบว่า เรื่องนี้ต้องถามนักข่าวที่มาถาม ไม่รู้และไม่ได้ยินเหมือนกัน ส่วนจะเป็นขบวนการปล่อยข่าวหรือไม่ ผบ.ทบ. ตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่อวานนักข่าวได้เดินมาถามได้ข่าวว่าได้เงินมา 2 พันล้านบาท ถามว่าจะเอาอะไรมาใส่ เมื่อถามอีกว่า ส่วนตัวท่านเงินไม่สามารถมาซื้อได้ พล.อ.สนธิตอบว่า แค่ 2 พันล้านบาท แค่คิดก็ไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามต่อว่า กระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะขอเจรจากับ  คมช.และรัฐบาล พล.อ.สนธิตอบว่า เจรจากับใครไม่รู้ ทาง  คมช.ไม่มี เราไม่รู้เรื่อง เมื่อถามย้ำที่ผ่านมามีการเจรจากันหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ทางเราไม่มี ไม่รู้เรื่อง แต่ทางอื่นเราไม่ทราบ  

นายกฯมั่นใจต่างชาติเข้าใจการเมืองไทย 

ทางด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “พบสื่อทำเนียบฯ” ว่า การประชุมร่วม กับหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านต่างๆ โดยนายนิตย์ พิบูลสงคราม รมว.ต่างประเทศ ได้พูดถึงการทำความเข้าใจกับบรรดาประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่าขณะนี้เราอยู่ในห้วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน และมีความจำเป็นที่จะต้องเดินไปตามครรลองของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ขั้นตอนของร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ อาจจะทำได้เร็วกว่าห้วงเวลาที่กำหนด เพราะสิ่งที่ต่างประเทศเพ่งเล็งเราอยู่ ในขณะนี้คือว่าเราสามารถดำเนินการเลือกตั้งในปลายปีนี้ได้หรือไม่ ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ของบริษัท ที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น กระ-ทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงว่าคงเป็นเรื่องที่บริษัทได้ ทำตามหน้าที่ที่รับเงินไปแล้ว เขาก็ต้องทำหน้าที่ประ-ชาสัมพันธ์อย่างนั้น แต่ผลที่ออกมาคงไม่ได้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศแต่อย่างใด เพราะว่ามุมมองอย่างที่ได้บอกว่ามุมมองของรัฐบาลประเทศต่างๆ นั้น มองเพียงว่าเราจะก้าวไปสู่ขั้นตอนของการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 

เผยดีเอสไอเตรียมยื่นฟ้อง “ทักษิณ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้ประเมินถึงความรุนแรงของม็อบต่อต้านรัฐบาลและ  คมช.หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า ได้หารือกันก็เห็นว่าในขณะนี้เมื่อสถาน-การณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการตรวจ สอบทรัพย์สินและในเรื่องของสิ่งต่างๆที่จะตามมาอีกก็ตาม เท่าที่ทราบทางดีเอสไอจะมีการชี้แจงเรื่องที่จะยื่นฟ้องต่อทางอัยการสูงสุดและเข้าสู่ศาลในที่สุด ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ดำเนินการในลักษณะที่ผิด พ.ร.บ.ของตลาดหลักทรัพย์ จะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจน แล้วสิ่งที่ทางผู้ชุมนุมได้นำไปอ้างว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้งอะไรต่างๆ จะค่อยๆเห็นชัดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่มีการกล่าวอ้าง ไม่ได้เป็นไปตามที่ปรากฏ คงจะต้องมีการต่อสู้กันในชั้นศาล นั่นเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะพิสูจน์กัน ดังนั้น การชุมนุมคงจะไม่ขยายใหญ่ เนื่องจากว่าแทนที่จะเป็นการชุมนุม ก็จะเป็นการต่อสู้คดีในชั้นศาลกันต่อไป เป็นไปตามกระบวนการยุติ-ธรรม และนั่นจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกๆเรื่อง ถ้าเราตกลงกันไม่ได้ ไม่มีข้อยุติ เราก็ต้องไปต่อสู้กันใน กระบวนการในชั้นศาล เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่กรมสอบสวน คดีพิเศษที่นายกฯกล่าวถึงคือเรื่องบริษัทเอสซีแอสเสท ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า “ครับ ใช่ครับ”

ถามกลับ “ทักษิณ” กลัวอะไรหรือเปล่า

ต่อข้อถามว่ากลุ่มพลังเงียบที่ขณะนี้เริ่มจะออกมาเคลื่อนไหว คัดค้านการชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน คมช. และรัฐบาล กังวลหรือไม่จะขยายวงออกไปจนกลายเป็นกระทบกระทั่งกันได้ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้ได้มีการหารือกันเช่นเดียวกันว่า สิ่งใดที่จะทำให้เกิดความสงบในบ้านเมืองควรจะกระทำ และคิดว่าทางฝ่ายความมั่นคงเองได้ระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้อย่างดี ที่จะไม่ให้ เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น เมื่อถามว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาสู้คดีจะพิจารณาอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า อยู่ที่ขั้นตอน ถ้าหากว่าเป็นเรื่องคดีอาญา แล้วจำเป็นจะต้องมารับทราบข้อกล่าวหาก็ต้องเป็นไปตามนั้นทางรัฐบาลคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ขอให้เป็นอำนาจของกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องทำตามกฎหมาย เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวว่ามาได้หรือไม่ได้ คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น คงอยู่ที่กฎหมายว่าระบุไว้อย่างไร เมื่อถามว่าถึงวันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องเข้ามาต่อสู้คดีอาญาอยู่ดี ทำไมรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาตั้งแต่วันนี้ รัฐบาลกลัวอะไร พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า “ผมพูดตั้งนานแล้วครับว่าเราไม่ได้ห้าม คุณทักษิณมีสิทธิ์ที่จะเข้ามา ถ้าถามว่ากลัวหรือไม่กลัว ผมคงไม่ได้ กลัวอะไรครับ ต้องถามคุณทักษิณว่ากลัวอะไรหรือเปล่า” 

งงตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแนะให้กลับมาสู้คดี 

ต่อข้อถามว่านายกฯมีท่าทีอย่างไร หาก พ.ต.ท. ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มั่นใจว่าคำถามนี้หมายถึงอะไร ว่าจะไปตั้งรัฐบาลในลักษณะไหน คือการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คงจะต้องมองให้ชัดว่า การที่จะไปดำเนินการอย่างนั้นได้ จะต้องเป็นเรื่องราวทางการเมืองที่ประเทศหนึ่งประเทศใด ที่ พ.ต.ท. ทักษิณอาจจะเข้าไปลี้ภัย และยินยอมให้มีการดำเนินการในส่วนเหล่านั้นขึ้น แต่คิดว่าประเด็นตรงนี้ คงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มีการติดต่อมาบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มี รัฐบาลพร้อมที่จะทำความเข้าใจพูดคุยกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปโดยสันติวิธี

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.สนธิได้นำปัญหาที่ได้จากการลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนมาหารือหรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า คงเป็นเรื่องที่ พล.อ.สนธิอยากจะพบปะกับพี่น้องประชาชนแถวบางลำพู ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะให้ท่านได้มีโอกาสได้รับทราบข้อมูลอย่างจริงจังจากชาวบ้านจริงๆ แต่ยังไม่ได้มีการพูดกันในเรื่องเหล่านี้ คิดว่าการที่จะได้มีการพบปะพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม ผมคิดว่าในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิด ได้มีความเชื่อถือ ได้มีความไว้วางใจกันมากขึ้น เมื่อถามว่านายกฯจะไปบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า “ผมคงไม่ไปบางลำพู”

อัยการสั่งฟ้อง “ทักษิณ-พจมาน”

นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด กล่าวความคืบหน้าการสั่งคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกว่า หลังจากที่ได้รับรายงานความเห็นจากคณะทำงานอัยการ ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน ที่ได้ตรวจสำนวนพยานหลักฐานคดีที่ คตส.กล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา กระทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 และ 122 ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐหรือคู่สมรส เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วน ได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานรัฐ ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 83 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ ดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเองและผู้อื่น ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท วันนี้จึงมีคำสั่งให้ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ตามสำนวนชี้มูลความผิดของ คตส. โดยมอบหมายให้นายเศกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่าย คดีพิเศษ นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 21 มิ.ย. นี้ เวลา 10.00 น. โดยท้ายคำฟ้องอัยการจะขอให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินรัชดาฯ ที่เป็นข้อพิพาท จำนวน 33 ไร่ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 772 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย 

ไม่มาให้การนัดแรกออกหมายจับ

นายประพันธ์ ทรัพย์แสง ประธานแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดเผยว่า หากอัยการสูงสุดยื่นฟ้องจำเลยในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษกมาฟ้องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 21 มิ.ย. นี้ ก็ให้เขายื่นฟ้องเข้ามา จะมีตัวจำเลยมาพร้อมคำฟ้องหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่โดยหลักแล้วควรเอามา ส่วนในวันนัดพิจารณานัดแรกเป็นวันที่ถามคำให้การ วันนั้นจำเลยต้องมา ถ้าไม่มาก็ให้ออกหมายจับ และจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของคนที่ไม่มา สำหรับจำเลยที่มาศาลในวันนัดพิจารณานัดแรกก็ให้ยื่นประกันตัวเข้ามา ศาลจะพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป 

ดีเอสไอเตรียมสรุปคดีเอสซีแอสเสทฯ

ส่วนกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวน หลังตรวจสอบพบว่าบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีการปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น ในแบบการแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ เมื่อปี 2546 และผู้ถือหุ้นใหญ่ มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพราง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น วันเดียวกัน นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องจาก ก.ล.ต. ทางดีเอสไอได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีเอสซีแอสเสทฯ เพื่อมายืนยันผลการสอบสวนเบื้องต้นของ ก.ล.ต. ในการแถลงข่าววันที่ 19 มิ.ย. นี้ จะแถลงข้อเท็จจริงตั้งแต่การรับคดี การสอบสวนและผลสรุปของพนักงานสอบสวนรวมถึงแนวทางการดำเนินการต่อไปของคดีนี้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีฝ่ายการเมืองมาสั่งการอะไรได้ ใครทำถูกผิดก็ดำเนินไปตามข้อเท็จจริงและตามพยานหลักฐาน 

นัดสืบพยานปากแรกคดีภาษีหุ้นชินฯ 

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ปากแรก ในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ฟ้องนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และ ป.หมายอาญามาตรา 83 และ 91

 โจทก์นำนายสุวิทย์ มาไพศาลศิลป์ เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ขึ้นเบิกความถึงขั้นตอนที่นายบรรณพจน์ซื้อหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้นของกลุ่มชินวัตร ที่มี น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้คุณหญิงพจมานเป็นผู้ครอบครอง มูลค่าประมาณ 741 ล้านบาท ต่อมานายบรรณพจน์ได้ชำระค่าหุ้นโดยสั่งจ่ายเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน จำนวน 741 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของเช็คเป็นชื่อคุณหญิงพจมาน จากนั้นบริษัทได้สั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมลงวันที่ 12 พ.ย. 40 ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ระบุชื่อ น.ส.ดวงตา เป็นเงิน 734 ล้านบาท หลังจากหักค่านายหน้าแล้ว 

ทนาย “โอ๊ค-เอม” แจงกรมสรรพากร 

นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ทนายความตัวแทนของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ได้มาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวน 6,500 ล้านบาท กับฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทนายความของบุคคลทั้งสอง ได้ขอเลื่อนการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดมาถึง 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. มาเป็นวันที่ 30 พ.ค. จนถึงวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งทนายความมาชี้แจงรายละเอียด แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายที่ต้องไปดำเนินการตามกระบวนการต่อไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า วงเงินที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา กรรมการบริษัทแอมเพิลริชฯ ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบด้วยภาษีบุคคลธรรมดาของทั้งสองคน 5,600 ล้านบาท และเงินเพิ่มที่ต้องรับผิดชอบแทนบริษัทแอมเพิลริชฯ จากการไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งให้กรมสรรพากรกว่า 800 ล้านบาท วงเงินทั้งหมดยังไม่นับรวมค่าเบี้ยปรับและดอกเบี้ย ที่หากมีการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไปอาจมีวงเงินอาจสูงขึ้นตามระยะเวลาในการพิจารณาของชั้นศาล 

ธปท.พร้อมสอบเส้นทางโอนเงิน “ทักษิณ”

นายสุชาติ สักการโกศล ผอ.ฝ่ายกำกับการแลก เปลี่ยนเงิน และสินเชื่อ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โอนเงินผ่านธนาคารพาณิชย์ออกไปต่างประเทศ จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2,000 ล้านบาท โดยไม่ได้ข้ออนุญาต ธปท.ว่า หากเป็นการโอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ในลักษณะการลงทุนโดยตรง เช่น ไปลงทุนหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งเกิน 10% โดยมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ธปท.ได้ให้อำนาจธนาคารพาณิชย์สามารถโอนเงินออกไปต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต ธปท.ในวงเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อคนต่อปี แต่หากเกินกว่าวงเงินดังกล่าวต้องทำหนังสือเพื่อขออนุญาต ธปท. และการอนุญาตโอนเงินออกไปต่างประเทศทุกราย ธนาคารจะต้องมีหลักการผู้ส่งเงิน และเอกสารการไปลงทุนเก็บไว้ย้อนหลัง 3 ปี ดังนั้น หาก คตส.สงสัยประเด็นนี้ หรือมีความสงสัยบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการแทน สามารถส่งเรื่องให้ ธปท.ตรวจสอบได้

คตส.ตามอายัดทรัพย์อีก 7 บัญชี

วันเดียวกัน นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรม-การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงหลังการประชุม  คตส.ว่า จากการติดตามของคณะอนุกรรมการติดตามการอายัดทรัพย์ ที่มีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธาน ได้พบการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีระหว่างวันที่ 4-11 มิ.ย. ก่อนที่  คตส.จะมีมติอายัดทรัพย์จำนวน 21 บัญชี โดยมีการยักย้ายถ่าย โอนไปยังบัญชีอื่นเป็นเงิน 8 พันล้านบาท ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้อายัดบัญชีเพิ่มเติมอีก 7 บัญชี ที่มีการถ่าย โอนเงินจาก 21 บัญชีที่  คตส.ได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย 1. บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชีบริษัทเอสซีออฟฟิส พลาซ่า จำกัด 2. บัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชีบริษัทพีทีคอร์ปอเรชั่น จำกัด 3. บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชีบริษัทเวิร์ธ ซัพพลาย จำกัด 4. บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชีบริษัทโอไอเอ เมนเนจเมนท์ จำกัด 5. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชดา ชื่อบัญชี น.ส.ชิณ-นิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ 6. บลจ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชีบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และ 7. ธนาคารกรุงเทพ สาขารัชดา ชื่อบัญชีที่ปรึกษากฎหมายธีรคุปต์ โดยจะอายัดเฉพาะเงินที่มีการเคลื่อนย้ายถ่ายโอนระหว่างวันที่ 4-11 มิ.ย.เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับยอดเงินฝากเดิม ส่วนเงินที่หายไปจากบัญชีอีก 2.1 หมื่นล้านบาท ก่อนวันที่ 4 มิ.ย. นั้น คตส.กำลังติดตามอยู่  

ไม่เชื่อมีไส้ศึกล้วงข้อมูลให้ “ทักษิณ”

นายสักกล่าวว่า กรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุตั้งข้อสังเกตว่าใน  คตส. มีไส้ศึกที่นำข้อมูลภายในไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้รู้ ข้อมูลล่วงหน้าเป็นเหตุมีการยักย้ายถ่ายโอนเงินในบัญชีรวม 2.9 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะมีคำสั่งอายัดทรัพย์ว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการพูดถึงการอายัดทรัพย์ ก็สามารถอยู่ในความคาดหมายมานานพอ สมควรแล้ว เพราะมีแนวคิดที่เสนอต่อ  คตส.ให้ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้น การตรวจสอบของ  คตส.ไม่น่าจะมีอะไรที่แพร่งพรายออกไป และไม่อยู่เหนือการคาดหมาย เพราะการตรวจสอบช่วงหลังค่อนข้างเข้มข้น โดยเฉพาะจากสถาบันการเงินต่างๆ โอกาสที่จะทราบข้อมูลจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ในบัญชีต่างๆ ของทุกธนาคาร อยู่แล้ว จึงมั่นใจใน  คตส.ทั้ง 11 คน เพราะการประชุมเป็นการประชุมลับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการประจำห้องประชุมเอง ก็ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมในช่วงที่ประชุมลับ ส่วนการเรียกคุณหญิงพจมานเข้าชี้แจงการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือขอเลื่อนการเข้าชี้แจงจากคุณหญิงพจมาน ดังนั้น ถือว่าคุณหญิงพจมานคงจะมาตามนัด หากไม่มาอนุกรรมการฯก็จะนำเรื่องนี้พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นและจะดำเนินการอย่างไรต่อไป  

อนุฯหุ้นชินปรับลดตัวเลขภาษีขายหุ้น 

นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) กรณีการซื้อขายระหว่างบริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์ กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร โดยนายวิโรจน์แถลงว่า ที่ประชุมมีมติตาม ที่เสนอคือให้ปรับลดตัวเลข การเรียกเก็บภาษีจากบริษัทแอมเพิลริช หลังจากที่  คตส.เคยเสนอไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา ครั้งนั้นได้เรียกเก็บในอัตรา 21,706,817,662.76 บาท แต่พบว่ามีการคำนวณที่ซ้ำซ้อน เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่นำเอาเงินปันผลมาคำนวณประเมินภาษี จนทำให้เกิดความซ้ำซ้อน ดังนั้น จึงต้องมีการประเมินใหม่ โดยผมเป็นคนประเมินเองกับมือ รับรองไม่ ผิดพลาดอย่างแน่นอน โดยผลการประเมินใหม่พบว่า บริษัทแอมเพิลริชต้องจ่ายภาษีทั้งหมด 20,923,998,301.92 บาท ลดลง 782,819,360.88 บาท 

“โคทม” ขอเป็นกลางถกแก้ไขวิกฤติ 

นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบางคนแล้ว เชื่อว่าคงไม่มี แนวโน้มที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองรุนแรง แต่อยากให้ทุกฝ่ายขานรับข้อเสนอของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ ที่ให้มีการพูดคุยกัน จึงจะนำเรื่องนี้เข้าปรึกษาในสภาที่ปรึกษาฯ เพื่อรับเป็นตัวกลางในการที่จะใช้เวทีสภาที่ปรึกษาฯ เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศเราก้าวล่วงวิกฤติครั้งนี้ไปสู่ภาวะปกติทางการเมืองต่อไปได้ อยากเสนอให้ใช้สภาที่ปรึกษาฯ เป็นเวทีของการพูดคุยกันอย่างตั้งใจที่จะรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน เพราะเวทีที่แล้วมามีการถกเถียง เอาแพ้ เอาชนะ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นไปได้ก็น่าที่จะคุยกันตามกติกาที่แต่ละฝ่ายตกลงกัน น่าจะเป็นผลดีมากกว่า ต่อข้อถามว่า ทาง คมช.ระบุว่าไม่ใช่นักการเมืองที่จะมานั่งเจรจากัน นายโคทมตอบว่า ข้อเสนอครั้งนี้ไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นการพูดคุยกัน เชื่อว่าสามารถคุยกันได้หากมีความเห็นไม่ตรงกัน และถ้ามีบางเรื่องที่เห็นตรงกันว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงก็ถือว่ามีประเด็นร่วมกันที่สามารถคุยกันได้ ก็จะทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง การที่สภาที่ปรึกษาฯ เสนอแนวทางดังกล่าว เพราะเวลาที่มีความตึงเครียดทางการเมือง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย ทำให้คนไม่กล้าลงทุน จึงอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบทุกฝ่ายคำนึงถึงในจุดนี้และหาทางช่วยกันดีกว่า 

เรื่องเจรจากับ “ทักษิณ” ให้ถามนายกฯ

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สมาชิก สนช.และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดทางพร้อมจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องนี้ต้องถาม พล.อ.สุรยุทธ์ แต่จะมีการเจรจากันหรือไม่ต้องแล้วแต่เขา เพราะเขาก็เป็นนักเรียนรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ส่วนกรณีที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ สมาชิก สนช.และอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอให้ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้แก่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดียุบพรรคว่า ต้องไปดูในรายละเอียดก่อน ถ้ายังไม่ได้ดูและยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้แล้วตอบไปอาจจะผิด การที่เสนอกฎหมายเข้าสู่ สนช. จะต้องมีรายละเอียดว่ามีความประสงค์อย่างไร หรือจะเกิดผลดีอย่างไร เมื่อถึงตอนนั้นเราก็พิจารณาทัน เมื่อถามว่า เหตุผลของนายสุรพลเพื่อจะลดแรงกดดันทางการเมือง พล.ต.จำลองตอบว่า ต้องดูรายละเอียดอีกทีแล้วใช้เวลา ไม่นานที่จะตัดสินใจว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ยังไม่ได้คุยกับนายสุรพลด้วย

โยนรัฐบาลหน้าออก ก.ม.นิรโทษกรรม 

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นความหวังดีและเจตนาดีของนายสุรพล ที่เสนอให้ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ถามก็เห็นว่าต้องเคารพคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยการจะแยกว่าใครผิดใครถูก จะใช้เวลาทำทันทีทันใดไม่ได้ ถึงไม่ทัน สนช.ชุดนี้ รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาก็สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ หรือแม้แต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ 

นายสุริชัย หวันแก้ว สมาชิก สนช. กล่าวว่า การที่นายสุรพลเสนอความเห็นออกมาถือเป็นสิ่งที่ดี คงเป็นความพยายามที่จะหาทางลดกระแส แก้ปัญหาเฉพาะในเรื่องการเมือง แต่เห็นว่ามันเร็วเกินไปที่จะมาพูดเรื่องการนิรโทษกรรม ทำไมเราต้องไปเต้นแร้งเต้นกาผลักดันเรื่องการให้นิรโทษกรรม ทั้งๆที่คนที่ถูกตุลาการรัฐธรรม�นูญตัดสินว่าผิด ยังไม่เห็นว่าจะมีใครที่สำนึกว่าตัวเองผิดแล้วหรือไม่ ผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยได้คิดหรือยัง ว่าตัวเองมีส่วนผิดหรือพรรคบกพร่องอย่างไร นอกจากนี้ ตามหลักการของการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม จะต้องมีการลงโทษผู้กระทำผิดไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วถ้าผู้กระทำผิดเขาสำนึกผิด ค่อยมาคิดพิจารณาการผ่อน หนักเป็นเบา แต่ไม่ใช่หมึกยังไม่ทันแห้ง ก็จะมาผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมกันแล้ว มันเร็วไปหน่อย

“ทักษิณ”โวยข่าวจ่าย คมช. 2 พันล้าน 

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ไม่เคยมีความคิดที่จะใช้เงินล้มคดี เพียงแค่ต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องต่างๆอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมเท่านั้น แม้วันนี้จะถูกกระทำอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าจะไปเกี้ยะเซี้ยะ แน่นอน ส่วนตัวได้บอก พ.ต.ท.ทักษิณถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านก็บอกว่าเป็นการปล่อยข่าว เป็นเท็จเยอะมาก และเป็นการปล่อยข่าวทำลายความน่าเชื่อถือตนเอง อาจตั้งใจให้ เกิดความเสียหาย สืบเนื่องมาจากการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณกับกลุ่มผู้มีอำนาจ นายนพดลตอบว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ พล.อ.สนธิและ พล.อ.สุรยุทธ์ด้วยว่ามีความจริงใจ อย่างไร ส่วนรูปแบบการเจรจาจะเป็นอย่างไรก็ได้ เปิดหรือลับก็ยินดี กลไกรายละเอียดต่างๆ คงต้องให้ คมช.คิด

ฟ้อง คตส.อายัดทรัพย์สัปดาห์นี้

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณประเมินน้ำหนักความเป็นไปได้การเจรจาอย่างไรบ้าง นายนพดลตอบว่า พ.ต.ท. ทักษิณพูดว่าท่าทีของ พล.อ.สุรยุทธ์และ พล.อ.สนธิเป็นทางบวกมากขึ้น แต่ก็ต้องดูในทางกลับกันว่าคำพูดทั้ง 2 คน เชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อถามถึงการฟ้องดำเนินคดีคตส. กรณีที่ทำการอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ นายนพดลตอบว่า ตอนนี้ได้เขียนสำนวนทางแพ่งและอาญาเรียบร้อย แล้ว กำลังรอหนังสือมอบอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ และเมื่อได้ก็จะไปฟ้องทันที คาดว่าจะมีการยื่นฟ้องได้ ในสัปดาห์นี้ เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ นายนพดลตอบว่า ก่อนหน้านี้บอกว่าจะทราบผลในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่านี้ ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ที่กรุงลอนดอน ก็ไม่ทราบว่ามีการเจรจาเรื่องนี้หรือไม่ 

“จาตุรนต์” ไม่เชื่อ “ทักษิณ” ซื้อ คมช.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานกลุ่มไทยรักไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย เป็นประธานประชุมหารือแกนนำกลุ่มไทยรักไทย โดยมีแกนนำเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายปองพล อดิเรกสาร นายสุธรรม แสงประทุม นายจำลอง ครุฑขุนทด นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นต้น นายจาตุรนต์แถลงภายหลังการประชุม ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามส่งเงินให้ คมช. วงเงิน 2,000 ล้านบาท ว่า ควรจะต้องไปถาม คมช.ว่าได้รับหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าใครจะไปให้เงิน คมช. และไม่เชื่อว่าประธาน คมช.จะรับเงินดังกล่าว เมื่อถามถึงกรณี ที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า คตส.มีไส้ศึกในเรื่องการอายัดทรัพย์ของอดีตนายกฯ นายจาตุรนต์ตอบว่า ไม่ทราบ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการย้ายเงินไปทำธุรกิจใดๆ เป็นสิทธิ ที่ทำได้ แต่ส่วนตัวไม่มีความเชื่อถือในการทำงานของ คตส. ควรจะปรับเปลี่ยนการทำงานโดยยึดหลักนิติธรรมมากกว่า

ข่าวจาก ไทยรัฐ

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1190

แสดงความคิดเห็น โดย กรรมกรข่าว IP: Hide ip , วันที่ 19 มิ.ย. 50 เวลา 10:16:28
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี