| • 'นภดล' อ้อนศาลหวังเป็นที่พึ่ง |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 16 ก.ค. 50 เวลา 10:23:10 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (15 ก.ค.) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ตกเป็นจำเลยในคดีต่างๆ ยินดีและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบพิจารณาของศาล โดยหวังเป็นที่พึ่งสุดท้าย เพราะเชื่อมั่นในความเป็นตุลาการ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาที่มีความรู้และประสบการณ์มาก แต่ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาล โดยข่าวที่ระบุว่า ตนอ้างว่ามีความพยายามใช้อำนาจศาลกดดันทักษิณนั้น ขอชี้แจงว่ามีความพยายามที่จะใช้อำนาจรัฐจาก คมช.และรัฐบาล เพื่อกดดัน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ใช่อำนาจศาลอย่างที่มีการนำเสนอไป สังเกตได้จากการใช้อำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ คตส. กรมสรรพากร รวมทั้งอัยการ โดยพยายามขมวดปม บีบรัด พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว บางครั้งจึงละเลยความเป็นธรรมที่จำเลยควรได้รับเหมือนเช่นคนทั่วไป โฉมหน้าการเมืองใหม่กำลังจะเกิด นายนพดลกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกตั้งใกล้จะมาถึงแล้ว โฉมหน้าใหม่ของการเมืองกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นควรหันหน้าเข้าหากันดีกว่าไม่ควรสร้างปัญหาแก่กัน รอให้ประชาชนออกฉันทานุมัติ ตามกลไกของประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณยังยืนยันว่า จะสามารถต่อสู้ได้มากกว่าหลังมีการเลือกตั้งไปแล้ว สำหรับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูก คตส.อายัดไปนั้น วันพุธนี้ทีมทนายจะขอพึ่งศาลแพ่ง ให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวลาทั้งชีวิต หามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อมีโอกาสนำเงินมาใช้จ่ายในทางที่เหมาะสมต่อไป ทุกคนทราบดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีก่อนอยู่แล้ว เมื่อ 13 ปีที่แล้วก็มีทรัพย์สินถึง 6 หมื่นล้านอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล ทนายตั้งแง่เล่นงาน “แก้วสรร-สัก” นายประเกียรติ นาสิมมา โฆษกคณะทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ถูกจับตามองมาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง เพราะเคยเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ มีรายได้มหาศาลอยู่แล้ว พอมาตั้งพรรคการเมืองเองเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ก็ถูกหยิบยกปัญหาเรื่องการครอบครองหุ้น และการโอนหุ้นให้กับภรรยาและบุตร จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดด้วยเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ก็ยังมีผู้ข้องใจในการลงคะแนนเสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกลุ่มอดีต ส.ว.จำนวน 28 คน นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิและนายสัก กอแสงเรือง คตส. ได้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยซ้ำอีกครั้งว่า ความเป็นนายกฯของ พ.ต.ท.ทักษิณสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 96 และ 209 หรือไม่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การจำหน่าย จ่ายโอนหุ้นธุรกิจ หรือทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แย้ง คตส.ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ นายประเกียรติกล่าวว่า แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยการยึดอำนาจของ คปค. จนมีการแต่งตั้งให้นายแก้วสรรและนายสักเข้ามาเป็น คตส. ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิด แต่ยังมีความฝังใจว่า พ.ต.ท. ทักษิณยังมีหุ้น และทรัพย์สินที่ต้องห้ามในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ จึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาให้เป็นคดีซุกหุ้นภาค 3 โดยที่ คตส.ได้ชี้มูลความผิดด้วยการสันนิษฐานว่า มีการซุกหุ้นเกิดขึ้น จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว รวมถึงคนใกล้ชิด ถึง 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวไม่ได้กระทำความผิด ไม่ได้ ทุจริตหรือประพฤติมิชอบ เตรียมส่งสำนวนฟ้องเอาผิดยกชุด นายประเกียรติกล่าวว่า จึงอยากให้ประชาชน นักกฎหมายและนักวิชาการทั้งหลาย ได้ช่วยกันพิจารณาว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.ที่มาจากอำนาจเผด็จการ หรือศาลรัฐธรรมนูญที่มาโดยชอบตามกระบวนการทุกอย่าง องค์กรไหนจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน และ คตส.กระทำโดยขัดแย้งต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เท่าที่ดูเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ถือเป็นสิทธิ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ที่จะใช้โต้แย้งและยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อขอพึ่งบารมีศาลสถิตยุติธรรมต่อไป เมื่อถามว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง คตส.เมื่อไหร่ นายประเกียรติตอบว่า ทีมทนายกำลงพิจารณาในรายละเอียดปลีกย่อย ที่ยังมีอยู่มากพอสมควร เพราะเมื่อเราได้ตรวจสอบข้อมูลลึกลงไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอความไม่ชอบมาพากลมากเท่านั้น เรื่องนี้เราใช้เวลาพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อถามว่ามีความมั่นใจว่าจะชนะคดีมากแค่ไหน นายประเกียรติตอบว่า ไม่อยากตัดสินว่าข้อมูลที่ทีมทนายมีอยู่กับคำสั่งของ คตส.สิ่งไหนจะถูกต้องกว่ากัน แต่อยากให้ดูข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไร สงสัยสั่งอายัดทรัพย์หวังเงินสินบน มุ่งกลั่นแกล้งทำลายล้าง “ทักษิณ” นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า การดำเนินการของ คตส.และกลุ่มผู้มีอำนาจที่ผ่านมา มุ่งกลั่นแกล้งทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวอย่างอยุติธรรม ป่าเถื่อนใช้อำนาจตามอำเภอใจ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มนักวิชาการและนักกฎหมายร่วมกันเรียกร้องเอาหลักนิติธรรม นิติรัฐของประเทศกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เพราะการใช้อำนาจโดยมุ่งทำลายล้างของ คตส. ถึงขนาดกล้าสั่งอายัดทรัพย์ก็มีสาเหตุมาจาก 3 เรื่องสำคัญคือ 1. เป็นการปฏิบัติตามแผนบันได 4 ขั้นของประธาน คมช. 2. รู้ว่าแม้จะดำเนินการโดยไม่ยึดหลักกฎหมาย แต่ก็จะได้รับนิรโทษกรรมให้ โดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นการสร้างเกราะกำบังให้แก่กลุ่มผู้มีอำนาจ และ 3. สำคัญที่สุดคือ คตส.ได้ออกระเบียบการให้สินบนแก่ผู้ที่แจ้งเบาะแส จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์ตามมาถึงกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยที่ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินสินบนถึง 25% ของเงินที่อายัดไว้ ขณะนี้ได้อายัดไปแล้วกว่า 6 หมื่นล้าน ถ้าคิด 25% ก็จะได้เงินสินบนถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ถือว่ามากพอสมควร เมื่อดูระเบียบของ คตส.ยังไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อน จะเห็นว่าในข้อที่ 6 จะแบ่งกลุ่มผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็น 2 กลุ่มคือ ผู้ที่แสดงตนโดยเปิดเผยและผู้ที่แจ้งเบาะแส โดยไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัว จี้ คตส.แจงจำนวนคนแจ้งเบาะแส นายวิชิตกล่าวว่า ทั้งสองกรณีนี้มีข้อสังเกตว่า หากแจ้งต่อประธาน คตส. และลงนามรับทราบ ก็ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอะไรอีก จึงเป็นห่วงว่าอาจจะมีการใช้นอมินีหรือตัวแทน มาแจ้งเบาะแสเพื่อรับเงินสินบนดังกล่าว ไม่ได้กล่าวหาว่านายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ออกระเบียบดังกล่าวมาเพื่อหาประโยชน์ แต่น่าจะทำให้เกิดนอมินีหรือกลุ่มตัวแทนขึ้นมาได้ และความจริงแล้ว คตส.มีอายุการทำงานเพียง 1 ปี ก็ไม่สมควรออกระเบียบดังกล่าวขึ้นมา เพราะ ป.ป.ช.เกิดมากว่า 10 ปี ยังไม่เคยออกระเบียบในลักษณะนี้ ทั้งๆที่มีอำนาจเต็มที่ ระเบียบดังกล่าวจึงมีอะไรที่น่าติดตาม และขอเรียกร้องให้ คตส.เปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้ได้มีผู้แจ้งเบาะแสมาแล้วกี่รายทั้งที่แสดงตนและไม่แสดงตน เพราะยังมีประเด็นสำคัญที่ว่าทายาทของผู้แจ้งเบาะแส มีสิทธิได้รับเงินสินบนส่วนนี้ได้ การดำเนินการส่วนนี้ทำให้มองได้ว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง บวกกับมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องเราจะตามเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ถูกสั่งอายัดไว้ เพราะเรื่องนี้ถึงแม้ คตส.จะพ้นหน้าที่ แต่ระเบียบดังกล่าวจะยังคงมีผลผูกพันจนกว่าคดีถึงที่สุด เมื่อถามว่านอมินีหมายถึงใคร นายวิชิตตอบว่า ก็อาจจะมีคนใด คนหนึ่งเกี่ยวข้องกับ คตส. หากสมมติว่ามีคำพิพากษาศาลจนถึงที่สุด เงินก็จะตกเข้าหลวง คนที่แจ้งเบาะแสไว้ก็จะได้สินบน 25 เปอร์เซ็นต์ ทันที พอถึงเวลานั้นก็อาจมีไอ้โม่งโผล่มารับเงิน
“สัก” ไม่สนคำพูด “ทนายทักษิณ” นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. กล่าวถึงกรณีที่ทีมทนายความทักษิณระบุว่า คำสั่งอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัวชินวัตร เป็นคำสั่งอายัดที่ใช้อำนาจจากการรัฐประหาร ไม่ได้มาจากประชาชนว่า คตส.มีคำสั่งอายัดไปตามกฎหมายของ ป.ป.ช. แต่ถ้าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เรื่องทุกเรื่องที่ตรวจสอบก็จะไม่สามารถส่งไปยังศาลได้ ส่วนกรณีที่ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยื่นหนังสือขอเพิกถอนการออกระเบียบของ คตส. ว่าด้วยการจ่ายสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ คตส. พ.ศ.2549 ว่า ถ้าหากทีมทนายความอยากจะมายื่นหนังสือเพิกถอนระเบียบ คตส. ก็เป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ แต่หากยื่นมาจริง คตส.ก็จะพิจารณาว่า สิ่งที่ยื่นมามีสำนวนอ่อนหรือไม่ ถ้าสำนวนไม่อ่อนก็ไปสู้กันที่ศาล แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสุดท้ายความจริงจะปรากฏให้ประชาชนเห็นเอง เมื่อคดีทุกคดีขึ้นศาลแล้ว “คราวที่แล้วทีมทนายความกลุ่มดังกล่าวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็เคยมายื่นโนติสให้ยุติการอายัดทรัพย์ภายใน 3 วัน สุดท้ายก็ยกเลิกไป ผมเข้าใจนะ มันเป็นธรรมดาที่ทีมทนายความเขารับงานมาแล้ว เขาจะต้องทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด คตส.ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ทำหน้าที่ของเราไปดีกว่า” นายสักกล่าว พร้อมชี้แจงการทำงานของ คตส. ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าระเบียบของ คตส.ที่ให้คนแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิด เผยชื่อนั้น สามารถตั้งเป็นนอมินีแจ้งแทนก็ได้ นายสักตอบว่า ถ้าหากใครตั้งนอมินีถือว่าผิดกฎหมาย และจะได้รับโทษในที่สุด แล้ว คตส.จะทำได้อย่างไร คนที่พูดอย่าคิดว่าคนอื่นจะทำเหมือนตัวเองที่กระทำอยู่ หากทาง คมช.และรัฐบาลเกรงว่าประชาชนจะสับสนในข้อมูลของทั้งทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการทำหน้าที่ของ คตส.แล้ว ถ้าอยากให้ คตส.ทำสมุดปกเหลืองชี้แจงประชาชนอีกรอบก็ยินดี ส่วนการประชุมใหญ่ของ คตส.ในวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.ว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีเรื่องเอ็กซิมแบงก์ นำเข้าที่ประชุมใหญ่ทันเพื่อตั้งไต่สวนหรือไม่ เพราะนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส.ในฐานะประธานอนุฯ มีภารกิจจะต้องเดินทางไปศาลอาญา เพื่อเป็นพยานในคดีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ในช่วงเช้า 09.00 น. หากนายวิโรจน์เข้ามาประชุมในชุดใหญ่ทันก็สามารถเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ได้ “แก้วสรร” เผยมีผู้แจ้งเบาะแสทุจริต นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.ในฐานะเลขานุการ คตส. กล่าวว่า นับแต่มีระเบียบ คตส.เกี่ยวกับ การแจ้งเบาะแสในคดีต่างๆ จะมีเงินรางวัลให้กับผู้แจ้งเบาะแส ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ ปรากฏว่ามีผู้แจ้งเบาะแสข้อมูลทางคดีให้กับ คตส.ตามระเบียบ ดังกล่าวแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ไม่มีในส่วนของคดีที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้คดีเดียว สำหรับการประชุมใหญ่ คตส.วันที่ 16 ก.ค.นี้ คาดว่าจะมี การนำเรื่องผลสอบคดีการปล่อยเงินกู้ของธนาคาร เพื่อการส่งออกและนำเข้า หรือเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลทหารพม่า 4 พันล้านบาทเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมด้วย “จารุวรรณ” ดัน คตส.อายัดรอบที่ 8 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่ คตส.วันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้ คณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบทรัพย์สินที่ คตส.ทำการอายัด ที่มีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธาน จะมีการเสนอให้ที่ประชุมมีมติอายัดทรัพย์และบัญชีธนาคาร ของคนในครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ เพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะเป็นการอายัดครั้งที่ 8 เนื่องจากการอายัดทรัพย์ของนายพานทองแท้ ชินวัตร เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการอายัดครั้งที่ 7 แม้นายนามได้ลงนามในหนังสือคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเสนอเข้าที่ประชุมอย่างเป็นทางการ สำหรับรายละเอียดคำสั่งการอายัดบัญชีเงินฝากนายพานทองแท้ ที่นายนามได้ลงนามเห็นชอบไปแล้วนั้น พบว่าเป็นเงินจำนวน 500 ล้านบาท ในบัญชีที่นายพานทองแท้โอนให้เข้าบัญชีของบริษัทประไหมสุหรี ที่ คตส.เคยอายัดไว้ก่อนหน้านี้จำนวน 800 ล้านบาท เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าได้มีการเคลื่อนย้ายเงินออกไปก่อนที่ คตส.จะมีคำสั่งอายัด 500 ล้านบาท ทำให้การอายัดครั้งที่แล้วอายัดได้เพียง 300 ล้านบาท ดังนั้นการอายัดครั้งนี้จึงเป็นการตามเงินที่นายพานทองแท้โยกเงินออกไปไม่ให้ คตส.ติดตามพบ โดยเงิน 500 ล้านบาทดังกล่าวอยู่ในรูปของแคชเชียร์เช็ค 3 ฉบับ ฉบับละ 200 ล้านจำนวน 2 ใบ ฉบับละ 100 ล้านจำนวน 1 ใบ ปชป.เชื่อ “อภิรักษ์W ไม่มีเอี่ยวทุจริตนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ว่า เราต้องการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และฝ่ายที่ตรวจสอบอยู่ในปัจจุบันคือ คตส.ทำความจริงในเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน อย่างไรก็ตาม พรรคมีความเชื่อมั่นว่าการบริหารงานของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ดำเนินการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักข้อกฎหมายและธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ ของส่วนรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของส่วนตัว ทั้งนี้พรรคได้ติดตามการทำงานมาตลอด และพบว่าในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงนี้ ถ้าดูจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เฉพาะที่เป็นฝ่ายการเมือง จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีเพียงนายอภิรักษ์เท่านั้น ที่ได้แสดงออกทักท้วง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยมีการสอบถามและพยายามหาทางออก หลังจากที่ผู้ว่าฯ กทม.คนที่แล้วได้เซ็นสัญญาไป ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ออกไปปกป้องใคร และต้องการเห็นการตรวจสอบที่ไปตามความจริง เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นที่คำพูด แต่เป็นเรื่องของเอกสารหลักฐานที่ปรากฏอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม. ระบุว่าถูกนายอภิรักษ์สั่งการให้ดำเนินการนั้น นายองอาจตอบว่า ผู้ว่าฯ กทม.คงบังคับใครไม่ได้ โดยเฉพาะคุณหญิงณฐนนท ที่อย่าว่าแต่บังคับเลย แค่บอกเฉยๆก็ยังไม่ปฏิบัติตาม คนทั้ง กทม.รู้อยู่แล้ว และเรื่องนี้ทุกอย่างมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ดังนั้น ไม่ว่าใครจะออกมาปฏิเสธอย่างไร คงไม่สามารถหักล้างได้ ปชป.จัดงานเลี้ยงระดมมันสมอง นายองอาจกล่าวว่า ในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก จะมีการจัดเวทีระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำนโยบายของพรรคต่อไปโดย ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จะสรุป ผลการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นทั้งหมด และในช่วงเย็นวันเดียวกัน พรรคจะจัดงานเลี้ยงระดมทุน ผู้สื่อข่าวถามว่า ในงานดังกล่าว จะมีการเปิดตัวผู้ที่คาดว่าจะลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะคนหน้าใหม่ที่จะมาร่วมงานกับพรรคด้วยหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงยังไม่ถึงขั้นจะมีการเปิดตัวบุคคลหน้าใหม่ที่จะมาลงสมัคร ส.ส.ของพรรค เพราะคนเหล่านั้นต้องการรอให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านการลงประชามติเสียก่อน ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดการเลือกตั้งต่อไป ข่าวจากไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1404 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 16 ก.ค. 50
เวลา 10:23:10
|
