หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ เครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวการเมือง
เว็บบอร์ด » ข่าวการเมือง
รายละเอียดของห้อง : ข่าวการเมือง ประเด็นร้อนน่าจับตา ตนเหนือเราต้องมีส่วนร่วม
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
ท้านักขอจับหมด 9 หัวโจก วีระยันหมอเหวง

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
ท้านักขอจับหมด 9 หัวโจก วีระยันหมอเหวง
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 26 ก.ค. 50 เวลา 00:26:09 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

หลังจากที่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก ขณะที่ทางตำรวจก็ประกาศเร่งดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่  

“สนธิ” ถก  ครม.ผู้ชุมนุมถล่มป๋า

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม. ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. เข้าร่วมประชุม ครม.นอกรอบในช่วงการประชุมลับด้วย ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ได้หยิบยกสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปก.เมื่อวันที่ 22 ก.ค. จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมมาหารือกับ ครม. โดยระบุว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขอหมายศาลเพื่อจับกุมตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อความไม่สงบจำนวน 16 คน ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวทาง คมช.มีมติชัดเจนแล้วว่า ต่อไปนี้จะใช้ กฎหมายดำเนินการขั้นเด็ดขาด จะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมละเมิด หรือมีการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมายอีก การชุมนุมนั้นมีสิทธิชุมนุมได้ แต่ไม่มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปก่อความวุ่นวายตามสถานที่สำคัญต่างๆ และคงต้องขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันเอาภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กลุ่มม็อบทำร้ายเจ้าหน้าที่และทำลายทรัพย์สินของทางราชการไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายกฯบอกว่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเราคงจะต้องขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันชี้แจงถึงเหตุการณ์การชุมนุมไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสถานการณ์ความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามและอดทนในการดูแลอย่างดีที่สุดแล้ว 

“สิทธิชัย” ชง ครม.เข้าขอโทษป๋า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที ได้กล่าวกับ ครม.ว่า เหตุการณ์ชุมนุมของ นปก.ภาพออกไปมันเสียหาย ไม่เป็นผลดีต่อภาพพจน์ ของประเทศชาติ เรื่องนี้ ครม.จะมาทำเป็นลอยตัวอยู่ เหนือปัญหาคงไม่ได้ คงต้องแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ท่านได้ทำบุญคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติไว้มากมาย แต่จะปล่อยให้ กลุ่มคนเพียงไม่กี่คนออกมาโจมตี โดยใช้คำพูดที่หยาบคายรุนแรงอย่างนั้นคงไม่ถูกต้อง เราจะอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว เพราะพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก็ไม่มีใครออกมาปกป้องท่านเลย ดังนั้นนายกฯ และ ครม. ควรที่จะต้องเดินทางไปเข้าพบ พล.อ.เปรมเพื่อไปเป็นกำลังใจและขอโทษ แสดงความรับผิดชอบที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปทำในลักษณะก้าวล่วงถึงหน้าบ้านท่าน

ฉุนทีไอทีวีกระพือข่าวผู้ชุมนุม

นอกจากนี้ นายสิทธิชัยยังได้ตำหนิสถานีโทรทัศน์ ทีไอทีวีด้วยว่า จนถึงขณะนี้ทางทีไอทีวียังคงเสนอและเผยแพร่ข่าวกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะยังมีการเผยแพร่ภาพข่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก แต่ขณะที่ภาพกลุ่มม็อบที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำลายทรัพย์สินแทบไม่เอามาออกเลย แถมวันที่ผ่านมาทีไอทีวียังเผยแพร่ภาพข่าว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในระหว่างเปิดตัวหนังสือที่ฮ่องกงเสียยาวมาก ดังนั้น อยากให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลช่วยไปกำกับดูแลอย่าให้เกิดปัญหา 

“ทิพาวดี” สวนทีวีเสรีคุมยาก 

จากนั้น คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ได้ชี้แจงว่า การที่ทางรัฐบาลจะเข้าไปสั่งการ หรือควบคุมการนำ เสนอข่าวทีไอทีวีคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะทีไอทีวีถือเป็นสื่อเสรีที่จะต้องมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ หากไป ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งจะถูกข้อครหาว่าไปแทรกแซงสื่อ อย่างไรก็ตาม คงจะมีการไปพูดคุยกับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ต่อไป ส่วนเรื่องที่ ครม.จะไปเข้าเยี่ยมคารวะให้ กำลัง พล.อ.เปรมนั้น ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อาจ จะตกเป็นเป้าให้ถูกโจมตีได้อีก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดนายกฯ ได้กล่าวสรุปว่าคงไม่เป็นไร ถ้ารัฐมนตรีคนใดไม่ติดภารกิจ ก็ขอเชิญชวนให้เดินทางไปเข้าพบ พล.อ.เปรมพร้อมๆกัน 

“ป๋า” แย้มเตรียมดำเนินคดี

กระทั่งเวลา 14.00 น. หลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น พล.อ.สุรยุทธ์ก็ได้นำ ครม.เดินทางไปพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งหลังจากที่นายกฯได้กล่าวรายงานในฐานะ ตัวแทน ครม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว พล.อ.เปรมได้กล่าวกับ ครม.ในช่วงหนึ่งว่า เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มดังกล่าว ที่เกิดขึ้น ตนได้รับการดูแลจากทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอย่างดีมาก และเข้าใจดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้ เป็นความบกพร่องของทางรัฐบาล เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมได้ เคลื่อนขบวนเข้ามาอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าพวกเขา จะทำอย่างนี้ ซึ่งตนโดนกล่าวหากล่าวโทษว่าเป็นผู้อยู่เบื้อง หลังการทำปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. โดนโจมตี อยู่นาน 6 ชม. ตั้งแต่บ่าย 3 โมง ถึง 3 ทุ่ม ก็นั่งฟังเฉยๆ ทั้งที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากล่าวหาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจ คือว่าผู้ที่มาพูดในวันนั้นใช้คำพูด ที่เป็นคำหยาบบ่อยครั้ง และมีลักษณะอาการของคนที่ไม่ ชอบกัน โกรธกัน จึงต้องการใช้คำพูดที่ยั่วยุท้าทาย บอกได้เลยว่าสิ่งที่เขากล่าวหาทั้งหมดเป็นเท็จ และก็เป็นการ กล่าวหาซ้ำซาก กล่าวหาว่าตนอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติครั้งนี้ ครม.เองอาจจะทราบเบื้องหลังว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เพราะอาจจะมีข้อมูล แต่ตนไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ แต่ ที่แน่ๆคือเขาไม่ต้องการให้เกิดความสงบสุขเกิดขึ้น สำหรับ การดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำกลุ่มที่ก่อความไม่ สงบ คิดว่าเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้ดำเนินการไปตามหน้าที่ของเขา ส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องของตนจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัว

ลั่น ไม่เครียด ไม่ท้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เปรมยังกล่าวด้วยว่า การ ที่นายกรัฐมนตรีได้พา ครม.มาพบในวันนี้ดีใจมากๆ เพราะมากันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งการที่นายกฯพา ครม.มาพบเป็น ครั้งแรกที่นำ  ครม.มาพบด้วยเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีต่อชาติบ้านเมือง ต้องขอบคุณและต้องขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เสียสละเข้ามาดูแลทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองใน ขณะนี้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นการตอบแทน บุญคุณประเทศชาติครั้งยิ่งใหญ่ ที่ท่านอาสาสมัครเข้ามาทำ งานเพื่อชาติในครั้งนี้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอะไร เพียงแต่ หวังจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ในตอนท้าย พล.อ.เปรมยังกล่าวด้วยว่า “เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผมไม่ท้อแท้ ไม่เครียด ไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้นอนไม่หลับ อะไรเลย และไม่ได้ถือว่าเป็นความบกพร่องของรัฐบาล” 

นายกฯเสียใจปกป้องป๋าไม่ได้

หลังจากนายกรัฐมนตรีพา ครม.เข้าพบ พล.อ.เปรม แล้ว ในเวลา 14.30 น. นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงบรรยากาศการเข้าพบว่า เป็นไปด้วยดี เมื่อไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ ครม.ทั้งหมดก็เข้าไปในห้องรับแขกภายในบ้าน โดยยืนเรียงกัน 3-4 แถว และนั่งที่เก้าอี้ 3-4 แถวเช่นกัน เพื่อรอ พล.อ.เปรม เมื่อ พล.อ.เปรมมาถึง ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นตัวแทนกล่าวถึงความรู้สึกของ ครม. ว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมามากมาย เป็นผู้มีความดีงามอย่างมาก จึงไม่ควรถูกกระทำแบบนี้ ในฐานะรัฐบาลมีหน้าที่ต้องคุ้มครองดูแลบุคคลสำคัญด้วย เมื่อนายกฯพูดจบ ก็เป็นตัวแทน ครม.ทุกคน มอบช่อดอกไม้ให้ พล.อ.เปรม และ พล.อ.เปรมก็ได้นั่งคุยกับ ครม.โดยนายกฯ พูดทำนองว่า เสียใจที่ไม่สามารถปกป้องไม่ให้กลุ่มคนเข้าไปที่หน้าบ้านท่านได้ และยังกระทำการอุกอาจนานาประการ 

จวกผู้ชุมนุมกล่าวหาเท็จซ้ำซาก 

ขณะที่ในเวลาต่อมา นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าให้กำลังใจกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า พล.อ.เปรมได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นห่วง และที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากทหารและตำรวจเป็นอย่างดี ซึ่งเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นความบกพร่องของรัฐบาล เพราะกลุ่มที่เคลื่อนไหวได้เดินทางมาที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.

ที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการกระทำเช่นนั้น กลุ่มคนเหล่านั้นยังใช้คำพูดที่ ค่อนข้างหยาบคายบ่อยครั้ง และใช้ลักษณะการพูดท้าทายรวมทั้งกล่าวหาในประเด็นต่างๆ ใช้คำพูดที่เป็นเท็จซ้ำซาก โดยเฉพาะคำกล่าวหาที่ว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ซึ่ง พล.อ.เปรมยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเท็จ และมีการนำมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก

“สนธิ” สั่ง ครม.แพร่ภาพผู้ชุมนุมตีตำรวจ 

นอกจากนี้ ก่อนหน้านั้น นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงการประชุมนอกรอบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ทาง พล.อ.สนธิได้เสนอให้มีการแพร่ภาพวีดิโอบันทึกเหตุการณ์ที่กลุ่ม นปก.ปะทะกับตำรวจหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งในที่ประชุม ครม.หลายคนก็เห็นด้วย โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง เพราะจุดยืนรัฐบาลใช้หลักเหตุผล และใช้กฎหมายบ้านเมืองในการ บริหารราชการแผ่นดิน คิดว่าเรื่องนี้เป็นจุดที่สังคมรับได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีการว่าร้ายจาบจ้วง และมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการต่อไป คือการใช้ กฎหมายอย่างเข้มงวดเด็ดขาด เพราะเสรีภาพในการชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ละเมิดเสรีภาพคนอื่น เพราะขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง 

เย้ยผู้ชุมนุมป่วนหนักหวังสร้างราคา

เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบเหตุผลของกลุ่ม นปก. ที่สร้างความรุนแรงหรือยัง นายธีรภัทร์กล่าวว่า ยังไม่ ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งได้พูดใน ที่ประชุม ครม.ว่า ขณะนี้กระแสสังคมเน้นในเรื่องของการไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะเราต้องการให้มีรัฐธรรมนูญโดยเร็วและมีการเลือกตั้ง ในขณะที่ความสนใจของการชุมนุมของประชาชนที่ท้องสนามหลวงก็ลดลงตามลำดับ ก็อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอาจพยายามสร้างกระแสขึ้นมาให้คนสนใจ จึงใช้วิธีการดังกล่าว สวนตัวคิดว่าถ้าเรากลับมายืนอยู่บนครรลองประชาธิปไตย สังคมโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกประเทศก็จะยอมรับ

เมื่อถามว่า ประธาน คมช.ประเมินเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปว่าจะมีความรุนแรงถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายธีรภัทร์กล่าวว่า ไม่มีการประเมินไปล่วงหน้า แต่จะใช้ มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด และคาดว่าในบ่ายวันนี้ก็คงสามารถออกหมายจับแกนนำได้ ผู้ที่ถูกจับกุมก็สามารถต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้ ส่วนการชี้แจงให้ต่างประเทศทราบข้อเท็จจริงนั้น นอกจากกระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงแล้ว ทาง คมช.ก็จะใช้ทูตทหารช่วยชี้แจงอีกทางหนึ่ง รวมถึงการเชิญทูตทหารจากประเทศต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทยมาชี้แจงด้วย

มทภ.1 หวั่น นปก.ตัดต่อภาพ

ต่อมาในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะกันของ นปก.และตำรวจ เมื่อค่ำวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ที่มณฑลทหารบกที่ 11 ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่ ประเทศชาติเสียประโยชน์ และยืนยันเจ้าหน้าที่พยายามทำ เต็มที่แล้วในการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบให้มากที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียน ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมทั้งกล่าวถึงกรณีแกนนำพีทีวีจะนำภาพบันทึกการปะทะไปฟ้องศาลโลกว่า เกรงว่าจะมีการตัดต่อภาพ ซึ่งเกรงว่าภาพต่างๆ จะหลุดไปต่างจังหวัด จึงขอฝากถึงประชาชนในต่างจังหวัด ขอให้พิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร และย้ำว่ายังไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ  

เมื่อถามว่า ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ท่านได้แสดงความเป็นห่วงอะไรบ้าง พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.อ. เปรมฝากว่าให้ช่วยดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ท่านพยายามอดทนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องช่วยดูแลสิทธิของคนอื่นเขาด้วย ประชาชนคนอื่นเขาเดือดร้อนหรือไม่ และประเด็นสำคัญคือการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าใช้ความรุนแรงหากไม่จำเป็น 

บัวแก้วสั่งทำความเข้าใจทั่วโลก 

ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวง การต่างประเทศ กล่าวถึงท่าทีของต่างชาติที่มีต่อเหตุการณ์ ความรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาในระดับรัฐบาลจากชาติใดๆ รวมทั้งสถานทูตต่างประเทศในไทยก็ไม่ได้เกิดข้อสงสัย และตั้งข้อสังเกตใดๆ ต่อเหตุการณ์นี้เลย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งข้อมูลไปยังสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติ หากมีข้อสงสัยเกิดขึ้นแล้ว  

ส่วน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด สมาชิก คมช. ให้สัมภาษณ์ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด ถึงการทำความเข้าใจกับต่างประเทศกรณีที่ม็อบพีทีวีชุมนุมขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้ลาออกจากตำแหน่งว่า ได้ให้ เจ้ากรมข่าวทหารติดต่อประสานงานด่วนไปยังสำนักงานผู้ช่วยทูตทั่วโลก และสำนักงานผู้ช่วยทูตของต่างประเทศในประเทศไทย และผู้ช่วยทูตของไทยในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงให้เขาเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่ชี้แจงให้ดีต่างประเทศจะคิดว่าทางการใช้อำนาจรัฐทำร้ายประชาชน 

เลขาฯ คมช.ให้กำลังใจ ตร.ที่เจ็บ


สำหรับความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่จากเหตุปะทะกันนั้น เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ รพ.ตำรวจ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคมช. พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าเยี่ยม จ.ส.ต.สุเทพ วารีหลัง ผบ.หมู่ สน.บางยี่เรือ และ ด.ต.นรา วังมะนาว ผบ.หมู่ ป.สน.ตลาดพลู ซึ่งพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู โดยมี พล.ต.ท.พญ.พจนีย์ สุนทรเกตุ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. และ พล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ ให้การสรุปอาการของตำรวจทั้ง 2 จากนั้น พล.อ.วินัย ได้กล่าวว่า พล.อ.สนธิห่วงใยตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสลายการชุมนุม และเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จากที่ผ่านมาพยายามอดทนและใช้ไม้นวมมาตลอด ส่วนมาตรการป้องกันเหตุความรุนแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.ได้สั่งห้ามผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ทั้งนี้ ทาง คมช.มั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างดีเยี่ยม ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้วว่ากลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติไม่เหมาะสมอย่างไร และยืนยันว่าไม่มีทหารเข้าไปยั่วยุให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด 

อาการ ตร.โดนอิฐยังตาพร่า

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษาที่ รพ.ตร.จำนวน 16 นาย ขณะนี้เหลือ 2 นาย คือ ด.ต.นรา ซึ่งอยู่ในแถวหน้าและมีอาการโรคหัวใจ ทำให้มีอาการหายใจไม่ออกแน่นหน้าอกและเป็นลมหมดสติ ขณะที่จ.ส.ต.สุเทพได้รับบาดเจ็บถูกอิฐบล็อกตัวหนอนปาเข้าที่ใบหน้าด้านขวา ทำให้ตาขวาพร่ามัว แพทย์ต้องรักษาตัว 2-3 วัน จะหายดี ส่วนเรื่องการปูนบำเหน็จให้ทั้ง 2 นายเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแล เพราะปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว 

ขณะที่ พล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ กล่าวว่า อาการล่าสุดของ จ.ส.ต.สุเทพนั้น ประสาทตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากการถูกอิฐบล็อกตัวหนอนกระแทก ทำให้การมองเห็นพร่ามัว ยังโชคดีที่สมองและกะโหลกไม่ได้รับการกระทบกระเทือน แพทย์ ได้ทำการรักษาแล้วเชื่อว่าอาจอนุญาตให้กลับบ้านได้ ขณะที่ ด.ต.นรามีอาการของโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ขณะเกิดเหตุการณ์ได้ยืนอยู่แถวหน้า ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกเป็นลมหมดสติ ซึ่งแพทย์ได้ทำกราฟหัวใจพบว่าเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตต่ำ ขณะนี้ได้ให้ยาเพิ่มความดันยาสลายลิ่มเลือด ซึ่งอาการล่าสุดดีขึ้นตามลำดับ ต้องรอดูอาการฟื้นตัวของหัวใจอีกครั้ง หากไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนคาดว่า 2-3 วัน ก็จะสามารถออกจากห้องไอซียูได้

อีกรายแฉอิฐกระแทกดั้งหัก

วันเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร.เดินทางไปยังหอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย ชั้น 5 รพ.รามาธิบดี เข้าเยี่ยม ส.ต.ท.ประเสริฐ แท่นกระโทก ผบ.หมู่ จร.สน.ตลิ่งชัน ที่ได้รับบาดเจ็บถูกก้อนอิฐขว้างใส่จมูกจนดั้งจมูกหัก โดยได้นำเงินมอบให้ ส.ต.ท.ประเสริฐ ซึ่งกล่าวว่า วันเกิดเหตุได้รับคำสั่งให้ตั้งแถวเป็นครั้งที่ 2 โดยมีเพียงโล่กับหมวก ไม่มีกระบอง ให้เข้าไปปิดเครื่องเสียง เนื่องจากเสียงดังมาก หลังจากตั้งแถวได้ออกไปจากสโมสร ทบ.มีม็อบออกมาต้าน ระหว่างนั้นมีก้อนอิฐลอยข้ามหัวตลอดเวลา และเมื่อกลุ่มม็อบดันเข้ามามาก ทำให้ ต้องถอยร่นกลับเข้าไปในสโมสรใหม่ และจังหวะที่กำลังจะหันหลัง ปรากฏว่ามีก้อนอิฐลอยผ่านมาโดนจมูกจนดั้งจมูกหัก เบื้องต้นรู้สึกวูบและพยายามจะลุกขึ้นลุกไม่ไหว เพื่อนตำรวจได้ช่วยกันพยุงกลับเข้าไปก่อนที่รถกู้ชีพวชิรพยาบาลจะพานำส่งโรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลวชิระมีตำรวจได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว 29 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำส่งโรงพยาบาลรามาฯ และเมื่อมาถึงหมอได้ผ่าตัดดั้งจมูกที่เอียงผิดรูป และให้พักรอดูอาการอีก 1-2 สัปดาห์ 

พระราชินีพระราชทานของเยี่ยม ตร.

จากนั้น พล.ต.อ.วิเชียรได้กล่าวว่า หลังจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ กลับจากเยือนประเทศยุโรป และทรงรับทราบเหตุการณ์ ปะทะของกลุ่มผู้ชุมนุม นปก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก พระองค์ท่านได้ทรงให้ราชเลขาส่วนผู้แทนพระองค์ พระราชทานของเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ท่ามกลางความปลาบปลื้มของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ

ช่วยนักข่าวอาชญากรรมโดนลูกหลง

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก ตร.-ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.แล้ว ยังมีนักข่าวโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยนายสุทิน บัวตูม ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม นปก. ที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมประท้วงได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน ปรากฏว่าในจำนวนนี้มีผู้สื่อข่าวหลายแขนงที่ไปรายงานข่าวถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บด้วยจำนวนหนึ่ง ในจำนวนนี้มีผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม 2 คน คือนายพานิช บัญฑราภิวัฒน์ สังกัด นสพ.เดลินิวส์ ถูกก้อนหินขว้างใส่ที่เข่าขวาและต้นแขนขวาบาดเจ็บ และนายสุชาติ กุลบุศราคัม สังกัด นสพ.เดลินิวส์ ถูกแก๊สน้ำตาจนอาเจียน และดวงตาอักเสบ ดังนั้น ในนามสมาคมฯจะมอบเงินช่วยเหลือเพื่อเป็นค่าทำขวัญและกำลังใจแก่สมาชิกทั้ง 2 ราย รายละ 2,000 บาท  

หลักฐานเพียบเอาผิดผู้ชุมนุม

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มนปก.นั้น ที่ บช.น. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขออนุมัติหมายจับแกนนำ 4-5 คน ซึ่งใช้เครื่องขยายเสียงอยู่บนรถ มีหลักฐานจากเทปบันทึกภาพจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากสื่อมวลชนมาประกอบในสำนวน ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าถูกตำรวจทำร้ายนั้น ทราบว่าจะเข้าแจ้งความ บก.ป.เป็นสิทธิที่พึงกระทำอยู่แล้ว สำหรับตำรวจที่บาดเจ็บสาหัสประมาณ 20 นาย เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ และยังมีบาดเจ็บเล็กน้อย ได้สั่งการไปยัง ผกก.ทุก สน.ที่ตำรวจมาช่วยปฏิบัติงาน ปลอบขวัญและให้กำลังใจเพื่อนำเสนอเป็นความดีความชอบต่อไป 

ผบช.น.ยังกล่าวอีกว่า ผู้ชุมนุมยังมีการปราศรัย อยู่บริเวณท้องสนามหลวงเช่นเดิม หากมีการเคลื่อนขบวนตำรวจจะไม่อนุญาต หรือผ่อนปรนอย่างเด็ดขาด แม้ที่ผ่านมาจะอ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ตามรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น มีการใช้ความรุนแรง และยังมีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการด้วย ซึ่งก็เป็นความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่แรกแล้ว

ขอหมายศาลจับ 9 แกนนำ 

จากนั้น ที่ศาลอาญาในช่วงบ่าย พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีม็อบ นปก.ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ ก่อเหตุความวุ่นวายหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาศาลอาญา เพื่อนำคำร้องขอออกหมายจับ 9 แกนนำม็อบ นปก. พร้อมด้วยพยานหลักฐานยืนยันการกระทำความผิด ประกอบด้วยคำให้ การพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไประงับเหตุ และประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งภาพนิ่ง ภาพวีดิโอจำนวนหนึ่ง ไปยื่นต่อศาลขอให้พิจารณาออกหมายจับบุคคลรวมทั้งสิ้น 9 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพยานเดินทางไปให้ศาลดำเนินการไต่สวน อาทิ พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.น.6 และโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.อาคม จันทราช รอง ผกก.สน. ปทุมวัน พนักงานสอบสวนคดีนี้ เป็นต้น

ตั้ง 2 ข้อหา มั่วสุม-ปลุกระดม

ภายหลังเข้ายื่นคำร้องเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ พล.ต.ต.เจตน์กล่าวเพียงสั้นๆว่า คำร้องได้ระบุขออนุมัติหมายจับแกนนำม็อบ นปก.รวมทั้งสิ้น 9 คน ส่วนข้อหาที่แจ้งประกอบด้วย 2 ข้อหา คือมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาสั่งการหรือยั่วยุปลุกระดมให้กลุ่มบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ 9 แกนนำ นปก.ที่ถูกขอหมายจับในครั้งนี้ประกอบด้วย 1. นายวีระ มุกสิกพงศ์ 2. นายจตุพร พรหมพันธ์ 3. นายจักรภพ เพ็ญแข 4. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 5. นพ.เหวง โตจิราการ 6. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย 7. นายอภิวัน วิริยะชัย 8. นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย และ 9. นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ 

แกนนำขอซักค้านพยานทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบ นปก. เดินทางมาพร้อมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของ นปก.ประมาณ 4-5 คน เพื่อยื่นคำร้องต่อนางจิรวรรณ สุญาณวนิชกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขอซักค้านพยานของพนักงานสอบสวนดังกล่าว โดยคำร้องมีใจความว่า ตนทราบจากข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับและสื่อมวลชนหลายแห่งว่าจะมีตำรวจมาขอให้ศาลอาญาออกหมายจับตนกับพวกรวม 8 คน ในฐานะเป็นแกนนำของ นปก.ข้อหาเป็น หัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่นๆนั้น ตนขอแจ้งว่า ตนต้องการมาใช้สิทธิทางศาลในฐานะที่จะต้องตกเป็นผู้ต้องหา เพื่อซักค้านพยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ศาลได้ทราบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายโดยละเอียดทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย และมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวได้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมทั้งแจ้งวันนัดไต่สวนคำร้องให้ตนทราบด้วย

อ้าง ตร.เร่งสอบหวั่นไม่เป็นธรรม

นายมานิตย์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มายื่นคำร้องขอให้เลื่อนการออกหมายจับออกไปก่อน และตนมาเตรียมพร้อมเพื่อแถลงด้วยวาจาต่อศาลว่า ตนพร้อมจะยื่นพยานหลักฐานเป็นเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ในวันนั้น และพยานบุคคลว่าพวกตนไม่ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่และก่อความวุ่นวายตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด แต่พวกตนถูกเจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงเสียมากกว่า ซึ่งการที่พนักงานสอบสวนมาเร่งขอออกหมายจับพวกตนนั้น เป็นการงุบงิบ ไม่มีความเป็นธรรม

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นนายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาได้ออกนั่งบัลลังก์ ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ดำเนินการไต่สวนการขอหมายจับดังกล่าวอยู่ โดยมีนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ 1 ในผู้ต้องหา ที่เป็นอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ร่วมซักค้านด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ 

ฝากขัง “นพรุจ” พร้อมพวก 

ขณะเดียวกัน ตำรวจได้นำผู้ต้องหาชุดแรกรวม 6 คน มาขออำนาจศาลฝากขังเป็นครั้งแรก โดย พ.ต.ท.นิตย์ น้อยนา พนักงานสอบสวน สน.สามเสน นำตัวนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อายุ 26 ปี นายบรรธง สมคำ อายุ 40 ปี นายวีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อายุ 44 ปี นายสราวุฒิ หลงเส็ง อายุ 26 ปี นายวีระศักดิ์ เหมธุริน อายุ 59 ปี และนายวันชัย นาพุทธา อายุ 40 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 6 ตามลำดับ มาขออำนาจศาลฝากขังโดยคำร้องสรุปความได้ว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 23.30 น. ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ไว้โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ข้อหามั่วสุมกันและเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแต่ไม่ยอมเลิก ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ข้อหาใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงานโดยมีอาวุธ ตามมาตรา 138, 140, 215, 216 โดยร่วมกันกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตาม ม.83 พร้อมกันนี้ ยังขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 เพราะเป็นแกนนำ และผู้ต้องหาที่ 3 นายวีระยุทธได้ปกปิดชื่อตัวหากปล่อยตัวไปจะไปก่อการชุมนุมไม่สงบอีก ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 6 ได้ให้การปฏิเสธ 

ห้ามประกันตัว ส่งนอนคุก 

ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ญาติของนายนพรุจ นายสราวุฒิ และนายวันชัย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสดคนละ 1 แสนบาท ขอประกันตัว ต่อมาศาลได้ พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 6 คน แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มที่ร่วมกันปลุกระดม จนนำไปสู่ความวุ่นวาย ก่อเหตุ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ตลอดจนมีการทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติการตามหน้าที่ บ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ไม่มีความคิดยำเกรงหรือเคารพและเกรงกลัวต่อกฎหมาย ดังที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมตัวจำเลยที่ 1 กับพวก บางส่วนหลังจากก่อเหตุในสถานที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ปรากฏว่าในขณะนี้เหตุการณ์ชุมนุม ก็ยังมิได้ยุติโดยมีการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงสืบเนื่องต่อไป ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว กรณีจึงมีเหตุผลน่าเชื่อว่าหากมีการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกอาจหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งกระทำความผิดก่อเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีกได้ จึงให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป 

นปก.เอาบ้างแจ้งจับ “เสรีพิศุทธ์”

ด้านการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก.ในวันเดียวกัน ก็รวมตัวเข้าแจ้งความเอาผิด จนท.ที่เข้าสลายการชุมนุมเช่นกัน โดยที่กองปราบปรามในช่วงบ่าย นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปก. ได้นำตัวนายประสิทธิ์ นิเวศน์ทอง อายุ 27 ปี และนายองอาจ กองแสง อายุ 39 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่บริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ ศรีวิจิตร พงส.(สบ 3) กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และข้อหาทำร้ายร่างกาย 

จี้ทำคดี ตร.ทำร้าย ปชช.ด้วย

ทั้งนี้ นพ.เหวงกล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำคดี และยืนยันว่าประชาชนถูกปราบปรามก่อน ดังนั้นการกระทำของประชาชนจึงเป็นการป้องกันตนเอง ส่วนตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่น่าจะเป็นตัวเลขหลอกลวง และฝ่ายประชาชนได้รับบาดเจ็บนับพันคน การกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. เป็นการกระทำผิดตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 มาตรา 3 ว่าด้วยเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกคำสั่งห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากท้องสนามหลวงนั้น ไม่สามารถกระทำได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะเท่ากับเลือกปฏิบัติ หากเปรียบเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สามารถเคลื่อนการชุมนุมไปยังจุดอื่นๆได้ 

“จักรภพ” โวยคนรถโดนอุ้มหาย 

ด้านนายจักรภพกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา นายอนุกรณ์ ไวถนอมศักดิ์ หรือเร่ คนขับรถยนต์ ของตนถูกชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ใส่เสื้อสีดำ สวมกางเกง ยีน 4 คน ใช้อาวุธปืนจี้บังคับพร้อมกับใช้ถุงดำคลุมศีรษะก่อนอุ้มตัวขึ้นรถยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากขับรถมาส่งตนที่บ้านพักแล้วเดินทางกลับ อย่างไรก็ดี ตนเพิ่งติดต่อนายอนุกรณ์ได้ก่อนหน้าจะเดินทางมายังกองปราบปราม ทราบว่าถูกพาตัวออกจากกรุงเทพฯ ระหว่างทางนายอนุกรณ์ถูกซ้อม และบอกให้ห้ามเถียงห้ามพูดไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย จากนั้นจึงถูกนำตัวไปขังไว้ในบ้านพักแห่งหนึ่ง ซึ่งรู้เพียงว่าคล้ายกับอยู่ในไร่ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะหลบหนีไป ขณะนี้นายอนุกรณ์ก็ยังถูกขังตัวอยู่อย่างไม่ทราบชะตากรรม

ยัน “ทักษิณ” ไม่มีเอี่ยวผู้ชุมุนม

ส่วนนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวชินวัตร ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันถึงกรณีมีผู้กล่าวหาว่า พ.ต.ท. ทักษิณมีส่วนรู้เห็นกับการชุมนุมหน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าจากที่คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ยืนยันว่าท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนที่จ้องหาเรื่องก็จะดิสเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณด้วยเรื่องพวกนี้ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาซ้ำๆ อาศัยความคลุมเครือทางการเมืองกล่าวหากัน วันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะถูกอายัดเงินทั้งหมดแล้ว คนที่เขาไปชุมนุม เขาไปกันด้วยใจ 

นปก.พร้อมรับมือหมายจับ

ในส่วนการชุมนุมของกลุ่ม นปก.ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งบรรยากาศคึกคักขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เวลา 18.00 น. เมื่อบรรดาแกนนำ นปก.ที่ถูกเสนอชื่อขอหมายจับ ทยอยเดินทางมาถึงเวทีปราศรัยกัน อย่างพร้อมหน้า อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย เป็นต้น พร้อมขึ้นเวทีประกาศท้าทายให้ตำรวจมาจับที่บนเวที ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยกันแน่นลานชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลรายงานว่า มีมากกว่า 3 พันคน

“จักรภพ” แฉซ้ำเหตุอุ้มคนขับรถ

จากนั้นเวลา 18.40 น. นายจักรภพเปิดแถลงข่าวหลังเวที ถึงกรณีนายอนุกรณ์ ไวยถนอมศักดิ์ หรือ โอเล่ พนักงานพีทีวี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ตน ถูกอุ้มไปจากบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ข้างศูนย์การค้าย่านปิ่นเกล้า โดยชายฉกรรจ์ 4 คน สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า ซึ่งมีความคืบหน้ามาแล้วว่านายอนุกรณ์ ถูกชายกลุ่มที่ลักพาตัวไปปล่อยตัวกลับมาแล้ว ดังนั้น ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ตนจะนำนายอนุกรณ์เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยืนยันว่า นายอนุกรณ์ไม่มีศัตรู การถูกอุ้มครั้งนี้ เป็นเรื่องทางการเมืองแน่ๆ ทั้งยังถูกกระทำหลังจากที่ นปก.เดินทางไปที่หน้าบ้านสี่เสาฯ ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใครไม่ทราบ แต่เหมือนต้องการส่งสัญญาณกับแกนนำ นปก.ว่าเมื่อทำกับลูกน้องได้ก็ทำกับแกนนำได้เหมือนกัน  

รอให้มาจับที่สนามหลวง 

นายจักรภพกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องหมายจับนั้น แกนนำ นปก.มีมติแล้วว่า จะพร้อมกันอยู่ที่เวทีสนามหลวง เพื่อรอให้มาจับกุม ส่วนจะประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่วิจารณญาณของแกนนำแต่ละคน เบื้องต้นแกนนำที่เป็นส่วนของพีทีวี คือตน รวมทั้งนายวีระ นายจตุพร นายณัฐวุฒิ จะไม่ขอ ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ในชั้นศาลอาจต้องพิจารณาอีกที และหากตำรวจจะเข้ามาจับแกนนำบริเวณเวที ก็จะไม่ปลุกเร้าให้ประชาชนมาช่วย แต่จะทำความเข้าใจกับประชาชนแทน กระบวนการต่อสู้ของ นปก. เดินทางมาถึงที่สุดแล้ว อยากให้การจับแกนนำไปขังคุกครั้งนี้ เป็นภาพที่ชี้นำออกไปทั่วโลก นปก.ไม่เคยสร้างความรุนแรง จนกระทั่งเมื่อเคลื่อนขบวนไปที่บ้านป๋า การถูกจับไม่ถือว่า นปก.จะยอมแพ้ แต่เป็นวิธีการที่จะสู้ต่อไป 

“เหวง” หวั่น ตร.ปะทะกับมวลชน

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า ตนก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะไม่ขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนโดยจะยอมให้จับตัวเข้าคุกในระยะแรกก่อน แต่จะพิจารณาอีกครั้งว่า อะไรที่จะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะหากแกนนำถูกขังคุกหมด แล้วเวทีต้องดับวูบไปก็จะประกันตัวออกมาปราศรัยต่อ อย่างไรก็ตาม หากตำรวจจะมาจับแกนนำ นปก.ที่เวทีปราศรัยนั้น ขอร้องว่าให้แจ้งก่อนล่วงหน้าซัก 1 ชั่วโมง ค่อยมาจับ เพื่อเราจะได้เตรียมการรอให้จับ ทั้งจะชี้แจงกับประชาชน โดยเตรียมใช้หน่วยสันติวิธีป้องกัน ไม่ให้มีประชาชนบุกไปทำร้ายตำรวจ ทั้งขอด้วยว่าให้มานอกเครื่องแบบและอย่าจัดกำลังมามากจนเกินไป แต่หากจู่โจมเข้ามาจับเหมือนกับการเข้าสลายการชุมนุมที่บ้านสี่เสาฯ แบบนี้ไม่รับประกัน ส่วนเหตุที่ไม่ไปมอบตัวด้วยตัวเองนั้น เพราะข้อหานี้เป็นข้อหาทางการเมือง ทั้ง นปก.เองมั่นใจว่าไม่ผิดด้วย  

คนถูกอุ้มแฉกลางวงสื่อ

กระทั่งเวลา 20.00 น. ทีมงานของพีทีวีนำตัวนายอนุกรณ์ ไวยถนอมสัตย์ หรือโอเล่ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้านหลังเวที มีนายจักรภพนั่งประกบอยู่ข้างลูกน้องตลอด ทั้งนี้ นายอนุกรณ์สวมเสื้อสีดำ และอยู่ในสภาพอ่อนเพลีย ได้เล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ถูกจี้ระหว่างขับรถโตโยต้าฟอจูนเนอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ชช 3139 กรุงเทพมหานคร ไปซื้อของเข้าบ้านตอนค่ำวันที่ 23 ก.ค. ระหว่างกลับมาขึ้นรถ มีชายชุดดำ 4 คน ใช้หมวกไหมพรมคลุมหน้า นำปืนมาจี้ให้ขึ้นรถ แล้วนำถุงมาคลุมหัว จึงไม่เห็นเหตุการณ์ระหว่างรถวิ่งไป รู้แต่มาอยู่ในบ้านหลังหนึ่งจนหลับไปแล้วตื่นมาช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.ค. คนที่อุ้มตัวจงใจทิ้งโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวด้วย จึงพยายามติดต่อกลับมาหานายจักรภพ จากนั้นก็ถูกยึดโทรศัพท์ไป หนึ่งในชายที่จับมา ซึ่งสวมถุงไหมพรหมคลุมหน้า นำน้ำมากรอกปาก คาดว่าเป็นยาสลบ เพราะจากนั้นก็ง่วงและหลับไป กระทั่งตื่นมาอีกครั้งพบว่าถูกนำตัวมาไว้บนรถคันที่ขับมา ซึ่งมีการนำมาจอดไว้ที่ปั๊ม ปตท.ใกล้ศูนย์การค้าบิ๊กซี บางบัวทอง โดยระหว่างที่ถูกจับก็พยายามถามว่าจับตัวมาทำไม แต่คนที่จับมาไม่ยอมบอก แค่สั่งให้อยู่เฉยๆ และขู่ว่าอย่าพูดมาก ถ้าไม่อยากตาย 

ไต่สวนไม่จบ-ยังไม่ออกหมาย 

สำหรับการไต่สวนกรณีหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 คนนั้น ปรากฏว่าฝ่ายผู้ร้องได้นำพยานเข้าไต่สวนทั้งสิ้น 7 ปาก โดย 2 ปากแรก ได้แก่ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน และ พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ รอง ผบช.น. เข้าเบิกความไต่สวน โดยลำดับเหตุการณ์ที่ฝ่าย นปก. เดินขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.เปรมลาออก โดยระหว่างทางมีการทำลายรั้วเหล็กกั้นและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บหลายราย ภายหลังพยานทั้ง 2 ปากเบิกความเสร็จสิ้น โดยใช้เวลาไปประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ ศาลจึงมีคำสั่งให้นัดไต่สวนพยานที่เหลืออีก 5 ปากในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ก่อนจะมีคำสั่งว่าจะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอหรือไม่ต่อไป 

รก.ผบ.ตร.กร้าวห้ามผู้ชุมนุมเคลื่อน

ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. เดินทางไปที่กองกำกับการ 2 (กองกำกับการป้องกันและปราบปรามจลาจล) บางเขน เพื่อตรวจเยี่ยมกำลัง ปจ. และตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับม็อบ นปก. จำนวนทั้งสิ้น 46 นาย พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาท จากนั้น เปิดเผยว่า มาให้กำลังใจและนำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรีและประธาน คมช.มามอบให้แก่ตำรวจทุกคน ส่วนเรื่องที่ศาลเลื่อนการอนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาออกไป ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ ตนอยากจับจะตาย แต่การออกหมายจับศาลต้องมีข้อมูลเพียงพอจึงจะออกได้ ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบครอบ ต่อไปนี้ตนจะไม่ยอมให้มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น หากจะชุมนุม ก็ให้ชุมนุมที่สนามหลวงอย่างเดียว 

แฉทหารแฝงตัวร่วมก่อเหตุ

ส่วนบรรยากาศการปราศรัยของ นปก.ในช่วงค่ำ ยังคงมีประชาชนเดินทางมาร่วมชุมนุมกันมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่แกนนำ นปก.สลับกันปราศรัยกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม อย่างดุเดือด โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า เหตุวุ่นวายเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่หน้าบ้านสี่เสาฯนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่า มีนายทหาร 6 คน คือ จ.ส.ท.จักรพงศ์ ศรีทอง สังกัด ร.1 รอ. จ.ส.อ.สำรวย เกตุปาน จาก ร.1 รอ. จ.ส.อ.ไพโรจน์ สุขคล้าย ร.1 พัน 3 จ.ส.อ.เสน่ห์ สุขสงวน ร.1 พัน 4 ส.อ.นรินทร์ รัตนพล พัน สห.มทบ.11 ร.ท.สมหวัง ปิงสูงเนิน ร.1 พัน 2 คนเหล่านี้เข้ามาปะปนด้วยการแต่งกายคล้ายกลุ่มผู้ชุมนุมของ นปก. จากนั้นก็ยั่วยุประชาชน สร้างความวุ่นวายและกระทำการรุนแรงต่อตำรวจ ทั้งยังจัดหาอาวุธต่างๆมาให้ประชาชนทุบตีตำรวจ ขณะเดียวกัน ทหารทั้งหมดก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ตำรวจเข้ามาปราบปรามประชาชนด้วย อยากให้ทหารทั้งหมด รวมทั้งผู้บังคับบัญชาออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็ยินดีที่จะไปร่วมชี้แจงด้วย พร้อมจะนำภาพหลักฐานที่พีทีวีบันทึกได้ไปแสดงด้วย 

ผู้ชุมนุมไม่สนยันเคลื่อนขบวน 

นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลเลื่อนการพิจารณาการออกหมายจับว่า ถือเป็นดุลพินิจของศาล ซึ่ง นปก.เองก็เคารพ เพราะหากออกหมายจับจริงๆ แกนนำก็จะไม่หลบหนีอยู่แล้ว และยินดีให้มาจับกุมตัวได้ทุกเย็นที่มีการเปิดปราศรัยที่สนามหลวง แต่ถ้าไม่มีการอนุมัติหมายจับ นปก.ทุกคนก็จะเดินหน้าต่อสู้กับเผด็จการต่อไป สำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป นปก.ยืนยันว่า ยังจะมีการเดินขบวนเรียกร้องต่อไป แต่ที่ยังไม่เคลื่อนในช่วง 1-2 วันนี้ ไม่ใช่ว่ากลัวคำสั่งของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ต้องการให้ประชาชนได้พักผ่อน และรักษาตัวหลังจากที่ถูกตำรวจทุบตี แต่หลังจากนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ข่าวจาก ไทยรัฐ

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1329

แสดงความคิดเห็น โดย กรรมกรข่าว IP: Hide ip , วันที่ 26 ก.ค. 50 เวลา 00:26:09
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี