| • 'เสนาะ' ย้ำจุดยืนพรรคเพื่อแผ่นดิน |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 13 ก.ย. 50 เวลา 08:44:16 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของบรรดานักการเมือง หลังจากที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายสุวิทย์ คุณกิตติ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ แกนนำกลุ่มฟิวเจอร์ รวมทั้งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ประกาศจับมือตั้งกลุ่มเพื่อแผ่นดินนั้น วันเดียวกัน นายเสนาะให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินว่า หลังจากนี้ทุกกลุ่มที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ ร่วมกันต้องมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาราช จากนั้น จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อรับรองสมาชิกใหม่ แล้วจึงจะประชุมกันอีกครั้งว่า จะเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ได้เป็นการยุบพรรคประชาราช แต่เมื่อมารวมกลุ่มกันแล้ว และต้องการจะเปลี่ยนชื่อ ตนก็พร้อม การรวมกลุ่มกันครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองกลุ่มต่างๆเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ยืนยันว่าการรวมกันครั้งนี้ไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่ได้รวมกันเพื่อผลประโยชน์ และเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไปรวมกลุ่มร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน เรื่องเป็นนอมินีเลิกคิดได้เลย และไม่มีการสืบทอดอำนาจให้กับ คมช. อย่างแน่นอน
หวังชู “ศุภชัย” เป็นแกนตั้งรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทาบทามนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังก์ถัด มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายเสนาะตอบว่า นายศุภชัยเป็นคนที่เราอยากได้ในยามนี้ และเป็นคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนี้นายกร ทัพพะรังสี เพื่อนร่วมโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นผู้ไปชักชวน ขอสงวนไว้ก่อนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร แต่แนวโน้มมีเปอร์เซ็นต์สูง อย่างไรก็ตาม คงต้องให้เกียรติการตัดสินใจของนายศุภชัย เพราะอาจมีภารกิจงานในตำแหน่งเลขาธิการอังก์ถัดเป็นส่วนในการพิจารณา แต่ เชื่อว่าการรวมพลังกันครั้งนี้น่าจะทำให้ดึงนายศุภชัยเข้ามาได้ และถ้านายศุภชัยมา เราจะได้ตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย บอกว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ แต่นายเสนาะกลับไปร่วมประกาศตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินเสียก่อน นายเสนาะ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิดว่าตนจะยุบพรรคประชาราชเข้ากับกลุ่มอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งที่บอกเพียงว่าจะไปร่วมการประชุมด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปร่วมกัน แต่ก็สามารถทำงานเป็นพันธมิตรกันได้
“เชษฐา” รับเป็นหัวหน้ารวมใจไทย
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวได้รับทาบทามให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมใจไทยว่า ก็คงจะเป็นไปตามข่าว แต่ต้องขอไว้ให้รอในวันที่ 13 ก.ย. ตนถึงจะพูดอะไรได้ชัดเจน ตอนนี้ยังอยู่ ในขั้นตอนกระบวนการจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ที่ผ่านมาได้คุยกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย ที่รู้จักสนิทสนมกันมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดจาทำความเข้าใจกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช หรือยัง ในฐานะ ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาราช เคยทำงานร่วมกับนายเสนาะ พล.อ.เชษฐาตอบว่า ไม่เป็นไร เรื่องนั้นผ่านไปแล้ว และก็ได้พูดคุยกับนายเสนาะมาตลอด ไม่มีปัญหา สบายใจได้
การันตี “บิ๊กจิ๋ว” ช่วยงานพรรค
ต่อข้อถามว่า หากมาอยู่พรรครวมใจไทยแล้วจะยังทำงานเป็นพันธมิตรร่วมกับกลุ่มเพื่อแผ่นดินต่อไปหรือไม่ พล.อ.เชษฐาตอบว่า ได้แน่นอน ไม่มีปัญหาเลย ยังรักกันเหมือนเดิมทุกประการ สำหรับการทำงานกับกลุ่มรวมใจไทยนั้น มีการพูดคุยและได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่หลายคน เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายก�รัฐมนตรี ก็จะมาช่วยพวกเราทำงาน คงจะเข้ามาในลักษณะเป็นประธานสภายุทธศาสตร์ของพรรค หรือจะเรียกชื่ออย่างไรก็อยู่ที่คณะทำงานกำลังพิจารณากันอยู่ เมื่อถามว่า ทิศทางหรือจุดยืนของพรรครวมใจไทยเป็นอย่างไร พล.อ.เชษฐาตอบว่า พรรครวมใจไทยจะเป็นพรรคที่เป็นกลาง แต่พร้อมที่จะไปร่วมมือกับทุกพรรคที่มีแนวทาง และอุดมการณ์ในแนวเดียวกันที่จะมุ่งทำงานเพื่อบ้านเมือง
“ประดิษฐ์” หารือทาบทาม “สุวัจน์”
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย กล่าวว่า วันที่ 13 ก.ย. กลุ่มรวมใจไทยจะไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรครวมใจไทย โดยไม่ควบรวมกับใคร และก็ไม่ได้ รู้สึกถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง ซึ่งจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานก่อน เมื่อทำงานและนำเสนอนโยบายแล้ว กลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดเห็นว่ามีแนวความคิดตรงกันที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง ก็มาร่วมมือในอนาคตได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายประดิษฐ์ มีนัดหารือกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำกลุ่มชาติพัฒนา เพื่อพูดคุยถึงแนวทางในการทำงานร่วมกัน ภายหลังจากที่ทั้ง 2 กลุ่มตัดสินใจไม่ไปร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยจะหารือกันว่ารูปแบบการทำงานจะออกมาในลักษณะควบรวมกัน หรือเป็นเพียงแค่พันธมิตรทางการเมือง อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่านายสุวัจน์ได้ตัดสินใจเชิญ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต รมว.แรงงาน มาเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เป็นการขัดตาทัพไปก่อน เพื่อรองรับกรณีที่นายสุวัจน์อาจจะนำทีมอดีต ส.ส.ในกลุ่มเดินหน้าทางการเมืองด้วยตัวเอง
ปชป.วางแม่ทัพคุมโซนเลือกตั้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งว่า ขณะนี้มีความพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในด้านผู้สมัคร ส.ส. แต่ยังไม่สามารถกำหนดตัวผู้สมัคร ส.ส.ให้ลงเขตเลือกตั้งได้ เพราะ กกต.ยังไม่ได้กำหนดเขต เลือกตั้งให้ชัดเจน ทำให้เกิดความล่าช้าในการกำหนดตัว ผู้สมัคร ซึ่งอาจมีผลในการรณรงค์หาเสียงได้ จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ให้เร่งประกาศเขตเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ส่วนการวางตัวแกนนำพรรครับผิดชอบเขตเลือกตั้ง 8 โซนในระบบสัดส่วนนั้น ขณะนี้ได้กำหนดตัวผู้รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่น โซน 6 กทม. และปริมณฑล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค รับผิดชอบ โซน 8 ภาคใต้ รวม 12 จังหวัด มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ
สั่งทำโพลความนิยมอดีต ส.ส.ใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์กำลังมีปัญหา โดยเฉพาะในภาคใต้และ กทม. เพราะมีผู้เสนอตัวที่ลงสมัครเป็นจำนวนมาก ทำให้ อดีต ส.ส.หลายคนเริ่มไม่มั่นใจว่าจะได้ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคหรือไม่ โดยในการประชุมภาคใต้ครั้งล่าสุดที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน ได้มีมติให้ทำโพลสำรวจความนิยมอดีต ส.ส. ภาคใต้ทุกเขต เนื่องจากมีประชาชนในหลายเขตเลือกตั้งเขียนจดหมายร้องเรียนมาที่พรรคมีใจความคล้ายๆกันว่า อดีต ส.ส.ในพื้นที่ไม่มีคุณภาพ จึงอึดอัดใจที่จะเลือกอดีต ส.ส.คนเดิม ดังนั้น เมื่อพรรคมีนโยบายวาระประชาชนต้อง มาก่อน ก็ขอให้ฟังเสียงประชาชนโดยทบทวนตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้ จังหวัดที่ถูกประชาชนร้องเรียนว่าอดีต ส.ส.ของพรรคไม่มีคุณภาพคือ จ.ชุมพร 1 คน จ.สงขลา 2 คน จ.สุราษฎร์ธานี 2 คน จ.นครศรีธรรมราช 3 คน
“บรรหาร” จุกไม่วิจารณ์ “เสนาะ”
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ยืนยันพร้อมเป็นพันธมิตรทางการเมืองแม้จะไปตั้งพรรคแผ่นดินไทยว่าไม่ติดใจอะไร และไม่มีปัญหา ยังร่วมงานกันได้ แต่การเมืองครั้งนี้ค่อนข้างยุ่ง เอาไว้ให้ จัดตั้งเป็นพรรคการเมืองที่ชัดเจนก่อน จึงจะให้ความเห็น เพราะตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ การทำงานร่วมกันของกลุ่มการเมืองต่างๆ ไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพของอดีต 3 พรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ขอไม่วิจารณ์หรือประเมินว่ากลุ่มขั้วที่ 3 จะมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ และเชื่อว่าอดีต 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ 100 กว่าที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยจะใช้ยุทธศาสตร์ การหาเสียงอย่างไร นายบรรหารตอบว่า เลือกตั้งครั้งนี้จะไม่ใช้ม้าสีหมอกแล้ว แต่ขอเป็นม้าไม่มีสีดีกว่า
เตือน “สนธิ” อย่ารับเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อแผ่นดินจะดึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. เข้าร่วม โดยวางตัวให้เป็น รมว.กลาโหม นายบรรหารตอบว่า ไม่ขอวิเคราะห์เรื่องนี้ แต่เคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่า หาก พล.อ.สนธิต้องการลงสนามการเมืองก็ไม่ควรเป็นหัวหน้า ควรเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมือง และเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง หรือ รมว.กลาโหม แต่ถ้าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องดูด้วยว่าจะอยู่พรรคไหน เพราะต้องดูจำนวน ส.ส.และความยินยอมของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เชื่อว่า พล.อ.สนธิคงมีทิศทางที่ชัดเจนในใจแล้ว และหลังเกษียณอายุราชการแล้วคงไม่สามารถ สกัดกั้นไม่ให้ลงเล่นการเมืองได้ แม้จะเป็นผู้รัฐประหารมาและถูกกล่าวหาว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะที่ผ่านมานายทหารต่างลงเล่นการเมืองมากมาย แต่จะประสบความสำเร็จแค่ไหน คงไม่สามารถตอบได้
แขวะ ก.ม.ลูกกำหนดโทษรุนแรง
ต่อข้อถามว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ได้กำหนดโทษให้หนักขึ้น พรรคชาติไทยยอมรับได้หรือไม่ นายบรรหารตอบว่า มีหลายข้อที่คณะกรรมาธิการฯร่างและแก้ไขไป ซึ่งต้องระวังกันมาก เพราะกฎหมายลูกออกมาต้องเขียนเป็นข้อๆไว้ที่ห้องนอน ห้องทำงาน โดยเฉพาะข้อที่หัวหน้าพรรคอาจต้องติดคุก ต้องดูให้ละเอียด เนื่องจากบางครั้งหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่สมาชิกเป็นผู้กระทำ จุดนี้เป็นปัญหา ยอมรับว่ากฎหมายไม่ได้ล้วงลูกพรรคการเมือง แต่ต้องการให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ในส่วนของพรรคชาติไทย เมื่อออกมาแล้วก็ต้องรับได้
ข่าวจากไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1429 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 13 ก.ย. 50
เวลา 08:44:16
|
