หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (12 ธ.ค.) ได้มีการพิจารณาหาข้อยุติคำร้องกรณีเอกสารลับของพรรคพลังประชาชน และ กกต. มีมติ 4 ต่อ 1 เสียง ให้ยกคำร้อง โดย 1 เสียง คือนางสดศรี สัตยธรรม กกต. เห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจเข้าไปวินิจฉัยการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ส่วนอีก 4 เสียงที่ ให้ยกคำร้อง ก็มีเหตุผลที่แตกต่างกัน โดย 2 เสียงเห็นว่าการกระทำของ คมช. ได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเหมือนกับความเห็นของเสียงข้างน้อย ของคณะกรรมการสอบสวน ชุดที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน ส่วนอีก 2 เสียงเห็นว่า ยังไม่มีการกระทำที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรคการเมืองหรือผู้ใดนั้น
วันนี้ (13 ธ.ค.) นางสดศรี กล่าวว่า ตนได้แสดงความคิดไว้ว่า อำนาจของ 2 องค์กร ยังไม่ชัดเจน หรือ กกต.สามารถก้าวล่วงการทำงานจองคมช.ได้หรือไม่นั้น องค์กรที่จะวินิจฉัยได้คือ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนการไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่พอใจในคำตัดสินของ กกต.นั้น กกต.ได้วินิจฉัยตามเนื้อหาสาระในเอกสาร มีการสอบพยานว่า มีการปฏิบัติงานไปแล้วหรือไม่ พยานฝ่ายผู้ถูกร้องเรียน บอกยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ และยังไม่มีการของบประมาณในการปฏิบัติการในเรื่องนี้
"และทางผู้กล่าวหาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีการปฏิบัติไปจริงหรือไม่ เพียงแต่ว่า แผนอันนี้ทำให้ฝ่ายพรรคการเมืองนั้น ๆ เกิดความเสียหาย เท่านั้นเอง" กกต. กล่าว และว่า ส่วนที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์เอกสารจริงหรือปลอมนั้น ทางกกต.พิจารณาเฉพาะเอกสารเฉพาะของคมช.ที่นำมาว่า เป็นเอกสารต้นฉบับ เมื่อมีเอกสารนั้นจริง ได้มีการปฏิบัติในแผนงานนั้นจริงหรือไม่ ผู้มาให้ถ้อยคำบอกไม่ได้ปฏิบัติ ก็ถือว่า ไม่มีการปฏิบัติงานตามแผนการดังกล่าว
และเมื่อถามว่า สมมติมีการตรวจสอบแล้ว เอกสารลับของพรรคพลังประชาชนไม่ได้เป็นเอกสารจริง ใครจะคนฟ้องร้องกลับ นางสดศรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของ คมช. ซึ่งเอกสารของ คมช.และพลังประชาชน มีหลายส่วนที่แตกต่างกัน แต่กรรมการชุดนี้ไม่ได้ลงไปในเนื้อหาที่แตกต่างกัน ว่า เอกสารดังกล่าวเท็จ หรือต่อเติมข้อความหรือไม่ หากมีอะไรกัน ฝ่ายที่ได้รับความเสียหาย ต้องยื่นต่อศาลยุติธรรมได้ต่อไป กกต.ไม่ได้ก้าวล่วงไปวินิจฉัยในตรงนั้น
ติดตามความเคลื่อนไหวการเมือง เกาะติดการเลือกตั้ง 50 เตรียมตัวไปเลือกตั้งที่นี่ค่ะ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
