| • พปช.จับมือ4พรรค จัดรัฐบาล สมัครผงาดนายกฯ |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 24 ธ.ค. 50 เวลา 10:19:20 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
|
หลังจากที่บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายหาเสียงแข่งขันอย่างหนัก เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.มากๆ เข้ามาจัดรัฐบาล จนกระทั่งผลการเลือกตั้งปรากฏชัดว่าพรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียงมากเกินกว่า 200 เสียง และ เป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่ง ก็ทำให้พอเห็นเค้าลางของรัฐบาลใหม่ โดยพรรคพลังประชาชนเริ่มเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลทันทีด้วยการเชิญชวนพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกันมาร่วมงานและนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนประกาศอย่างมั่นใจว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
เอ็กซิทโพลชี้ พปช.คะแนนท่วมท้น
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. เวลา 15.00 น. ภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ทุกช่องที่รายงานผลการเลือกตั้งก็เริ่มรายงานข่าวผลการสำรวจเอ็กซิทโพล ประมาณการตัวเลข ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้รับ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคพลังประชาชนที่โพลหลายสำนักชี้ว่าจะได้คะแนนอย่างถล่มทลายนั้น ทำให้การเจรจาจับขั้วตั้งรัฐบาลเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์พรรคพลังประชาชนไม่น่าจะได้เสียงเกินครึ่ง พรรคการเมืองอื่นจึง ส่งสัญญาณจับขั้วกันไว้หลวมๆ โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ แต่เมื่อผลสำรวจเอ็กซิทโพลออกมาเหนือความคาดหมาย บรรดาแกนนำพรรคการเมืองก็เริ่มพลิกเกมและต่อสายเจรจากันจับขั้วกันใหม่ ถือว่าเป็นการชิงไหวชิงพริบครั้งสำคัญทางการเมือง
“สมัคร” อารมณ์ดีบอกเป็นไปตามคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบรรยากาศจากพรรคพลังประชาชนว่า ทันทีที่ปิดหีบลงคะแนนเลือกตั้งในเวลา 15.00 น. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำคนแรกที่เดินทางเข้ามาที่ที่ทำการพรรค อาคารไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรี เพื่อรอลุ้นผลการนับคะแนน ส.ส. ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ตามเข้ามาที่พรรคเมื่อเวลา 15.20 น. ภายหลังนั่งรถตู้โตโยต้า อัลพาด สีดำ หมายเลขทะเบียน ชม 333 กรุงเทพมหานคร เดินทางตระเวนไปทั่ว กทม.หลังไปหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งในช่วงเช้า โดยนายสมัครกล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่จะขอรับฟังผลคะแนนก่อนแล้วจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเวลาประมาณ 20.00 น.
วางแผนตั้งรัฐบาล 300 เสียง
ต่อมาเวลา 16.00 น. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงว่า พรรคพลังประชาชนขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิ จากจำนวนผู้มา ใช้สิทธิชี้ให้เห็นว่าประชาชนตื่นตัวกับการเลือกตั้ง เปรียบ เหมือนดอกไม้ประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบาน และจะเป็นการเฉลิมฉลองประชาธิปไตย พรรคพลังประชาชนจะยึดจุดยืนคือไม่เป็นศัตรูกับใคร และอยากให้ทุกพรรคมีความปรองดอง สำหรับผลเลือกตั้งเบื้องต้นที่ออกมาจากโพลสำนักต่างๆ ระบุว่าพลังประชาชนจะมาเป็นอันดับหนึ่งนั้น ขณะนี้ พรรคยังไม่ตัดสินใจดึงพรรคการเมืองใดมาร่วมรัฐบาล หลังจากนี้หัวหน้าพรรคจะพิจารณาแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลและการบริหารพรรค แม้เราจะได้เสียงเกินครึ่งก็ตาม แต่หากจะให้รัฐบาลเข้มแข็งก็ต้องได้ประมาณ 300 เสียง ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องดึงพรรค การเมืองอื่นมาร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่จะไม่ให้มากเกินไป เพราะจะถูกหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ส่วนจะเป็นพรรคใดนั้นก็ต้องดูจากนโยบาย และต้องใช้เวลา อย่างไร ก็ตามคงไม่ได้เห็นภาพการพูดคุยตามเซฟเฮาส์ตอนห้าทุ่มเที่ยงคืน อย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุคการเมืองแบบเก่า
บีบ ปชป.แสดงสปิริต-หยุดสู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า โพลที่พรรคทำใกล้เคียงกับโพลสำนักต่างๆ หรือไม่ นพ.สุรพงษ์ตอบว่า เอ็กซิทโพลแต่ละสำนักมีความใกล้เคียงกัน และใกล้เคียงกับโพลที่พรรคทำไว้ก่อนเลือกตั้งที่ได้ประมาณ 220 เสียง เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่านายสมัครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หากพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ตอบว่า พรรคจะดำเนินการตามกติกาของสังคมโลก ที่หัวหน้าพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งจะต้องเป็นนายกฯ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากพรรคพลังประชาชนได้เสียงไม่เกินครึ่ง พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งรัฐบาลแข่ง นพ.สุรพงษ์ ตอบว่า การเลือกตั้งเหมือนการแข่งกีฬา ผู้แข่งต้องมีสปิริต ทุกประเทศ เช่น ออสเตรเลีย พรรคที่แพ้ก็จะแสดงความยินดีกับผู้ได้รับมติจากประชาชน หากพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง ก็อยากเห็นพรรคที่ได้อันดับสองแสดงสปิริต
บิ๊ก ปชป.รวมพลหารือเครียด
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน แกนนำพรรคเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาที่พรรค นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ซึ่งเดินเหยียบพรมสีแดงขนาด 1 ตารางเมตร ที่วางอยู่หน้าประตูทางเข้าออก มีความหมายถึงความรุ่งโรจน์และชัยชนะตามที่ได้ปรับฮวงจุ้ยไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เหรัญญิกพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ตามเข้ามาสมทบ โดยทั้งหมดขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกควง อภัยวงศ์ เพื่อลุ้นผลการเลือกตั้งผ่านทางรายงานข่าวโทรทัศน์ช่องต่างๆ และหารือทางการเมืองเพื่อรับสถานการณ์ ปรากฏว่าทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดภายหลังทราบผลเอ็กซิทโพล
“อภิสิทธิ์” ยอมแพ้ถ้า พปช.ชนะเยอะ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภายหลังทราบผลการสำรวจเอ็กซิทโพลหลายสำนักที่ชี้ว่าพรรคพลังประชาชนชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างถล่มทลายว่า ถ้าเป็นไปตามโพลสวนดุสิตก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถ้าเป็นไปตามโพลของเอแบค ถือว่าต้องพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ไม่ว่าผลโพลจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ขณะนี้ต้องรอผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ส่วนกรณีถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ลำดับ 2 และพรรคพลังประชาชนชนะเยอะขนาดนั้น เป็นหน้าที่ของพรรคที่เหลือว่าจะตัดสินใจอย่างไร คงต้องไปถามพรรคเหล่านั้นเอาเอง
“เทพเทือก” มีข้อแม้ต้องได้เกินครึ่ง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ค่อยตื่นเต้นกับผลโพลที่ออกมา และไม่เชื่อผลคะแนนของเอ็กซิทโพล เพราะเคยมีประสบการณ์จากโพลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่ จ.สงขลา โดยผลการสำรวจระบุว่าพรรคไทยรักไทยชนะพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผลปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์กลับชนะถล่มทลาย ดังนั้น ขณะนี้พรรคยังไม่ขยับอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนจะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. เกินครึ่ง เมื่อถามถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล นายสุเทพตอบว่า พรรคประชาธิปัตย์จะดูคะแนนของพรรคพลังประชาชนเป็นหลัก หากพรรคพลังประชาชนได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่ถึงครึ่ง แสดงว่าประชาชนปฏิเสธไม่เอาพรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งรัฐบาลขึ้นมาแข่ง คาดว่าความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลจะชัดเจนภายใน 2 วัน
ฮึดสู้หลังรู้คะแนนดีเกินคาด
จนกระทั่งเวลา 18.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่หารือกันเคร่งเครียดเริ่มอารมณ์ดีขึ้น และมีรอยยิ้มได้ หลังจากติดตามผลการนับคะแนนทางโทรทัศน์ พบว่าคะแนนของพรรคดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก ประกอบกับผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศโทรศัพท์เข้ามารายงานผลการนับคะแนนในพื้นที่ให้ที่ประชุมแกนนำพรรคทราบ ปรากฏว่าผลคะแนนของหลายเขตสวนทางกับผลสำรวจเอ็กซิทโพล ทำให้แกนนำพรรคออกอาการกระชุ่มกระชวยอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดอนุญาตให้ช่างภาพจากสื่อแขนงต่างๆขึ้นไปถ่ายภาพบรรยากาศภายในห้องประชุมได้ โดยนายสุเทพกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า วันนี้เปิดให้สื่อเต็มที่เลย เพราะอารมณ์ดี และในที่ประชุมคุยกันว่าถ้าพรรคพลังประชาชนได้ไม่ถึง 240 เสียง พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลแข่ง ขณะเดียวกัน มีสมาชิกพรรคและประชาชนประมาณ 200 คน มารอลุ้นผลคะแนนผ่านจอทีวียักษ์ที่ทางพรรคจัดเตรียมไว้ที่หน้าลานแม่พระธรณีบีบมวยผม ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อเห็นรายงานความคืบหน้าของคะแนนผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนำคู่แข่ง กองเชียร์ก็จะตะโกนโห่ร้องพร้อมชูมือด้วยความสะใจเป็นระยะ
“สุวิทย์” เปิดโทรศัพท์รอสาย
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงข่าว พร้อมกรรมการบริหารพรรคว่า ในนามของพรรคเพื่อแผ่นดินขอขอบคุณประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรพรรคเพื่อแผ่นดินจะยอมรับผลการ ตัดสินใจของประชาชน เท่าที่ฟังผลเอ็กซิทโพลแล้วน่าตกใจ แต่จากการลงพื้นที่ยังคิดว่าไม่ใช่ตัวเลขแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคที่ได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ควรเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุวิทย์ตอบว่า ต้องถามพรรคที่ได้เกินครึ่ง ต่อข้อถามว่ายังยืนยันหรือไม่ว่าพรรคที่ได้เสียงอันดับสองสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน นายสุวิทย์ตอบว่า การเมืองขณะนี้ไม่ปกติ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่ากำหนดเงื่อนไขอะไร เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองมากขึ้น ต่อข้อถามว่าจะเปิดโทรศัพท์รอการติดต่อจากพรรคขนาดใหญ่ในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุวิทย์ตอบว่า ไม่เคยปิดโทรศัพท์อยู่แล้ว
ชาติไทยเครียดได้ต่ำกว่าเป้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการพรรคชาติไทยว่า เมื่อ 16.30 น. ภายหลังทราบผลเอ็กซิทโพลของสวนดุสิตที่ออกมาว่าพรรคชาติไทยจะได้ ส.ส.ทั้งหมด 29 คน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พรรคที่เฝ้าจับตาดูผลเลือกตั้งต่างมีสีหน้าเครียดไปตามๆกัน โดยเฉพาะนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค และ ผอ.พรรคชาติไทย ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ได้โทรศัพท์รายงานผลโพลดังกล่าวให้แกนนำที่อยู่ต่างจังหวัดทราบ และได้สั่งเจ้าหน้าที่เปิดเว็บไซต์ของ กกต.ดูการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 บุตรชายนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ยังไม่เชื่อว่าพรรคชาติไทยจะได้ ส.ส.แค่ 28-29 ที่นั่งตามเอ็กซิทโพลรายงานออกมา เพราะคาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 30 ที่นั่ง ขณะนี้กำลังเดินทางเข้าตัวเมืองสุพรรณบุรีเพื่อเช็กผลคะแนน ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 7 เพราะเกรงว่าจะได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ พวกเราทำกันแทบตาย ไม่อยากเชื่อเลย
แนะจับตาตอนโหวตเลือกนายกฯ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคที่มีคะแนนนำจะได้จัดตั้งรัฐบาลเสมอไป เพราะมีปัจจัยหลักที่เป็นตัวแปร 3 ด้าน การจับมือเพื่อตั้งรัฐบาลในคืนนี้อาจเป็นการจับมือกันอย่างหลวมๆ เพราะเป็นผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ และขึ้นอยู่กับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสาม เปิดทางให้การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีว่าต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.ไม่ต้องยึดมติพรรคการเมือง หรือเรียกว่าเป็นฟรีโหวต จุดนี้เป็นตัวแปรสำคัญที่สุด นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่ที่ว่าจะมี ส.ส.ของพรรค การเมืองใดที่ กกต.จะให้ใบเหลืองใบแดงมากน้อยเท่าไร
“เชษฐา” เรียกแกนนำหารือด่วน
ที่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค เรียกแกนนำพรรคอาทิ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ร.ต.ประพาศ ลิมปะพันธุ์ และนายสมคาด สืบตระกูล เข้าหารือภายหลังทราบผลเอ็กซิทโพล โดยก่อนการประชุม พล.อ.เชษฐาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เอ็กซิทโพลประเมินว่าจะได้จำนวน ส.ส. 19 ที่นั่งว่า เมื่อผลคะแนนออกมาอย่างไรก็ต้องพอใจ เชื่อว่าผลเลือกตั้งเป็นทางการคงไม่หนีไปจากนี้ อาจจะบวกลบเล็กน้อย ยอมรับว่าพรรคเสียที่นั่งไปมาก เนื่องจากการต่อสู้บางสนามแข่งกันหนักมาก สำหรับการจับขั้วตั้งรัฐบาลนั้น พรรคมอบให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค กับ ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ประสานงานการเจรจา พรรครวมใจไทยฯสามารถร่วมงานได้กับทุกพรรค หากมีความคิดเห็นและนโยบายไปในทางเดียวกัน คาดว่าจะทราบผลการจับขั้วตั้งรัฐบาลภายในคืนนี้
เชื่อมือ “ประดิษฐ์” เจรจาสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมแกนนำพรรครวมใจไทยฯครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยมีการติดตามผลการนับคะแนนอย่างใกล้ชิดผ่านรายงานข่าวทางโทรทัศน์ และหารือถึงการจับขั้วตั้งรัฐบาล เบื้องต้นทางแกนนำพรรคมั่นใจว่าจะได้ร่วมทีมจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างสูง เพราะนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค กำลังเจรจารายละเอียดกับพรรคพลังประชาชนอยู่ จากนั้นจะนำผลการเจรจามาแจ้งให้ที่ประชุมทราบในช่วงค่ำ
เชียร์ พปช.จัดตั้งรัฐบาล
นายเกษมสันต์ วีระกุล รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวถึงผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งพรรคได้รับคะแนนต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้เป็นจำนวนมากว่า ยอมรับว่าค่อนข้างจะผิดหวังกับผลคะแนนที่ออกมา แต่ไม่ใช่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเพียงพรรคเดียวที่ได้คะแนนต่ำกว่าเป้า เพราะพรรคขนาดกลางทุกพรรคก็ได้ คะแนนน้อยทั้งสิ้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่ง ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชนว่าได้ตัดสินใจเลือกข้างแล้วว่า จะให้พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง ทุกพรรคจึงควรยุติการแย่งจัดตั้งรัฐบาล ควรให้พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
“ประชัย” ออกลีลา 2 อารมณ์
ส่วนนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ด้วยอาการหน้าถอดสี ภายหลังทราบผลเอ็กซิทโพลของสวนดุสิตที่ระบุว่าพรรคมัชฌิมาธิปไตยจะได้ ส.ส.เพียง 4 คนว่า ไม่เชื่อผลโพลดังกล่าว ต้องรอให้ชัดเจนกว่านี้ เราน่าจะได้ ส.ส.มากกว่า 10 คน หลังจากนี้จะเรียกประชุมสมาชิกพรรคอีกครั้งเพื่อหารือถึงทิศทางในอนาคตพรรค โดยประสานให้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค ทราบแล้ว ถึงตนจะไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ไม่เป็นอะไร พร้อมที่จะดำเนินงานการเมืองในด้านอื่นต่อไป คนที่คิดจะให้ตนไม่เล่นการเมืองก็คงจะผิดหวังไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลเอ็กซิทโพลของเนชั่นที่ระบุว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตยจะได้ ส.ส. 17 ที่นั่ง ปรากฏว่านายประชัยยิ้มออกมา พร้อมกับกล่าวว่า พรรคเราก็น่าจะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เพราะในอดีต ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงเพียง 18 เสียง เมื่อถามถึงความแตกแยกภายในพรรค นายประชัยตอบว่า เป็นเรื่องของผลประโยชน์ หากตกลงกันได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
มฌ.แทงกั๊กยังไม่เลือกข้าง
ด้านนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัฌชิมาธิปไตยกล่าวว่า มีแกนนำพรรคใหญ่บางพรรคโทรศัพท์เข้ามาให้กำลังใจ แต่ยังไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเราเป็นพรรคเล็ก พูดไปก่อนพรรคอื่นจะหัวเราะเยาะเอา ต้องให้เกียรติพรรคใหญ่ที่ได้คะแนนอันดับ 1 แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้อันดับ 2 ได้รับความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่น เมื่อถามว่า หากไม่ได้เป็นรัฐบาลพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านหรือไม่ นางอนงค์วรรณตอบว่า ทุกพรรคลงเลือกตั้งก็หวังจะเป็นรัฐบาล สำหรับพรรคมัฌชิมาธิปไตยไม่ได้กำหนดแนวทางว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคใด แต่อยากเข้าไปช่วยลดความขัดแย้ง
พปช.เริ่มปฏิบัติการตั้งรัฐบาล
จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากที่การนับคะแนนเลือกตั้งดำเนินไปได้เกือบ 70% บรรดาแกนนำพรรคการเมืองก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าคะแนนของพรรคพลังประชาชนจะไม่ถึงขั้นชนะถล่มทลายเกิน 240 เสียง แต่ก็อยู่ในหลักสองร้อยต้นๆ แกนนำพรรคพลังประชาชนก็เริ่มต่อสายไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทย โดยเชิญชวนทุกพรรคให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล อ้างเหตุผลเพื่อความปรองดองและสร้างความสมานฉันท์ ภายในชาติ
วางตัว “ยงยุทธ” ประธานสภาฯ
สำหรับการต่อสายจัดตั้งรัฐบาลจากการเจรจาเบื้องต้นวางสูตรจัดตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรค โดยประมาณการตัวเลขที่คาดว่า แต่ละพรรคจะได้รับดังนี้ พรรคพลังประชาชน 233 เสียง พรรคเพื่อแผ่นดิน 24 เสียง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 13 เสียง พรรคมัชฌิมาธิปไตย 9 เสียง พรรคประชาราชอีก 4 เสียง พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 4 พรรคล้วนเป็นพรรคที่มีแกนนำแตกตัวออกจากพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น ทำให้การประสานงานสะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องตำแหน่งยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจน ยกเว้นเพียงตำแหน่งสำคัญคือ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่วางตัวนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพราะมีคุณสมบัติในการประสานกับ ส.ส.ได้ทั้งในพรรคและนอกพรรค และยังทันเกมการเมือง
พผ.แบะท่าร่วมจับขั้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อแผ่นดิน แกนนำพรรคส่วนใหญ่ไปติดตามการรายงานผลการเลือกตั้งอยู่ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการพรรค โดยมีการติดต่อจากแกนนำพรรคพลังประชาชนให้เข้าร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าวว่า หากคะแนนของพรรคพลังประชาชนเกิน 200 เสียงก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคอื่นจะจัดตั้งรัฐบาลแข่ง เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของประชาชนแล้ว ต้องให้เกียรติพรรคที่มีคะแนนอันดับหนึ่งเป็นผู้เริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาล แต่คงต้องดูผลคะแนนท้ายสุดว่าจะได้เท่าใด ทั้งนี้ ได้มีการคุยกันเบื้องต้นในหลักเกณฑ์การเข้าร่วมรัฐบาลว่าจะต้องสร้างความปรองดอง และทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความสมานฉันท์กันจริงๆ
“บรรหาร” หลบหน้านักข่าว
อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคชาติไทย บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเพียง 3 คนที่อยู่ในพรรค ได้แก่ นายนิกร จำนง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ขณะที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเคยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะเดินทางเข้ามาที่พรรคในช่วงเย็น กลับปรากฏว่าไม่ได้เดินทางเข้ามาที่พรรค เช่นเดียวกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรค ก็ไม่ได้เข้ามาที่พรรคเหมือนเช่นการเลือกตั้งทุกครั้ง
“จักรภพ” แฉ “เติ้ง-สุวิทย์” เข้าพบ “ป๋า”
เมื่อเวลา 20.25 น. ที่พรรคพลังประชาชน นายจักรภพ เพ็ญแข ประธานคณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคพลังประชาชน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 100 คน ว่า ขณะนี้ทราบข่าวมาว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ถูกเรียกตัวเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นเรื่องน่าแปลกว่าเหตุใดจึงเรียกไปช่วงเวลานี้ ทั้งที่ผลการเลือกตั้งยังไม่ปรากฏผลที่แน่ชัด คณะผู้บริหารพรรคจึงหารือถึงกรณีนี้กันอยู่ การแถลงของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่นัดไว้เวลาประมาณ 20.00 น. คงจะเลื่อนออกไประยะหนึ่งก่อน
โฆษก พผ.ปฏิเสธข่าวทันควัน
ขณะที่นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดแถลงข่าวตอบโต้กรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ออกมาแฉว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ถูกเรียกตัวเข้าพบที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ โดยนายวชิระมณฑ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่ทราบว่านายจักรภพต้องการอะไรกันแน่ แต่ขอยืนยันว่านายสุวิทย์ไม่ได้เดินทางไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์อย่างแน่นอน เพราะอยู่ระหว่างลุ้นผลคะแนนที่บ้านพักของแกนนำพรรคคนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเพราะการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนไม่ลงตัวใช่หรือไม่ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าวว่า ขอดูคะแนนทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แล้วค่อยมาดูว่าพรรคจะเดินหน้าไปอย่างไร
กองทัพนักข่าวเฝ้าบ้านสี่เสาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ภายหลังนายจักรภพ เพ็ญแข แถลงข่าวว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เรียกตัวนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าพบนั้น บรรดานักข่าวแขนงต่างๆจำนวนหลายสิบคนก็รุดไปเฝ้าสังเกตการณ์ แต่บรรยากาศภายในบ้านสี่เสาเทเวศร์กลับเงียบเชียบเหมือนปกติ จากการสอบถามนายทหารที่รักษาการณ์หน้าป้อมยามได้รับคำตอบว่า พล.อ.เปรมกลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าพบเลย
“พะจุณณ์” ฉุนขาดคนปล่อยข่าวลือ
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ ถึงกรณีที่นายจักรภพแฉว่า พล.อ.เปรมเรียกตัวนายบรรหารและนายสุวิทย์เข้าพบว่า ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน คนที่พูดแบบนี้ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ เพราะประธานองคมนตรีจะเข้ามายุ่งกับเรื่องการเมืองได้อย่างไร
พปช.สงสัยคะแนนบางเขต
เมื่อเวลา 20.40 น. ที่พรรคพลังประชาชน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารพรรค โดยนพ.สุรพงษ์กล่าวว่า จากผลคะแนนทั่วประเทศที่ออกมาสอดคล้องกับที่พรรคทำโพลสำรวจก่อนหน้านี้ แต่น่าสังเกตว่าคะแนนใน กทม.แตกต่างไปมากพอสมควร ฉะนั้น ผู้บริหารของพรรคจะสรุปรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์รายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากที่สอบถามผลการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับการเลือกตั้งวันนี้ หลายเขตที่นำมามากคะแนนน้อยลง และเขตที่นำกลับแพ้ เราจะนำตัวเลขมาสรุป วิเคราะห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“สมัคร” ประกาศชัดตั้งรัฐบาล
นายสมัครกล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนทั่วประเทศที่ลงคะแนนให้พรรค ซึ่งยอด 480 คะแนนที่เราได้เวลานี้ประมาณ 229-230 ที่นั่ง ขาดอีกเพียง 10 ที่นั่งก็จะถึงครึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคพลังประชาชนก็ได้คะแนนสูงสุดเกือบจะถึงครึ่ง คนที่ได้คะแนนมากที่สุดก็จะได้จัดตั้งรัฐบาล ขอประกาศเชิญชวนทุกพรรค การเมืองที่คิดว่าสามารถทำงานด้วยกันได้เข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติและให้ชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ หากรวมกันได้ใกล้ 300 ที่นั่งก็จัดตั้งรัฐบาลดำเนินการบริหารบ้านเมืองได้ ขอพูดอีกครั้งว่า พรรคพลังประชาชนประกาศเชิญทุกพรรคให้มาร่วมงานทางการเมือง เมื่อมีคนยึดอำนาจประชาชนอดทนรอมา 15 เดือน มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง และผลก็ออกมาแล้ว หัวหน้าพรรคพลังประชาชนขอขอบคุณที่ประชาชนตัดสินในวันนี้ ให้คนไทยและทั้งโลกแลเห็นว่าประชาชนคิดอย่างไรกับพรรคนี้
มั่นใจได้เป็นนายกฯแน่นอน
เมื่อถามว่าหากพรรคจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสมัครจะเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสมัครตอบว่า ต้องเป็นแน่นอน ได้ครึ่งหนึ่งคือ 240 ที่นั่ง ถ้ามี 3-4 พรรคมาร่วมกันสัก 270-280 ที่นั่ง ก็เป็นรัฐบาลได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทั่วโลกทำกัน เมื่อถามว่าได้มีการติดต่อพรรคการเมืองอะไรแล้วบ้างและกี่พรรค นายสมัครตอบว่า ติดต่อไปแล้วหลายพรรค แต่ยังมีเวลาอีกหลายวัน ต้องรอให้ กกต.ประกาศผลก่อน และท่านก็บอกว่าจะประกาศได้ต้นปี จะไม่รอถึง 30 วัน อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณ กกต.ทั้ง 5 คนที่ทำให้มีการเลือกตั้งในวันนี้ แม้มีคนพยายามฉุดกระชากไม่ให้มีการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนก็โดนมรสุมเช่นกัน ขอบคุณ กกต.ที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เชื่อว่าสื่อต่างประเทศและองค์กรต่างๆที่มาสังเกตการณ์การเลือกตั้งจะได้เห็นการควบคุมการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์อ้างสิทธิเรื่องเสียง ส.ส.ใน กทม.มาตั้งรัฐบาลแข่ง นายสมัครกล่าวว่า ก็คงต้องให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนพูดแล้วกัน
ระบุเป็นชัยชนะของประชาชน
เมื่อถามว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นของพรรคพลังประชาชนหรือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมัครกล่าวว่า เป็นชัยชนะของประชาชนประเทศนี้ที่เสียอิสรเสรีภาพเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยไม่มีเหตุอันควร วันนี้ถือเป็นสิ่งที่บอกว่าใครทำอะไรไม่เหมาะก็ต้องคิดให้ดี เมื่อถามว่า มีการเรียกหัวหน้าพรรคชาติไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินไปพบที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือผู้สื่อข่าวต้องหามารายงานให้ประชาชนทราบ เมื่อถามว่า เมื่อตั้งรัฐบาลแล้วจะมีนโยบายอย่างไรต่อไปกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัครกล่าวว่า ไม่ต้องเขียนนโยบาย พ.ต.ท.ทักษิณบอกใครต่อใครว่า ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลเมื่อการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะกลับมาสู้คดี
เผย “ทักษิณ” โทร.มายินดี
เมื่อถามว่าจะใช้เวลากี่วันถึงจะบอกได้ว่ามีพรรคใดเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง หัวหน้าพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า กกต.ก็บอกแล้วจะใช้เวลาน้อยกว่า 30 วัน ก็ต้องให้เวลาท่าน เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสมัครกล่าวว่า มีอะไรที่ทำให้ไม่มั่นใจ เราได้คะแนนเกือบจะถึงครึ่ง เมื่อถามย้ำว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาล 2 หรือ 3 พรรค นายสมัครกล่าวว่า จำนวนมากพอที่จะทำให้แข็งแรง เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ก่อนลงคะแนนเลือกตั้งรู้สึกห่วง วันนี้ลงเลือกตั้งเสร็จปิดหีบได้ ลงมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่รออยู่ได้ก็หมดห่วง เมื่อแถลงเสร็จก็คงจะขอลากลับไปนอน เมื่อถามว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ผมเป็นคนไม่โทร.หา แต่ท่านได้โทร.หาคนที่ติดต่อด้วย แล้วยื่นให้กับผมและบอกว่าขอแสดงความยินดีกับคุณสมัครด้วยจริงๆ
ตีกัน ปชป.อย่าคิดตั้งรัฐบาลแข่ง
เมื่อถามว่ามีหลักการเงื่อนไขอะไรให้พรรคการเมือง มาร่วมด้วย นายสมัครตอบว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีกมากพอที่จะพูดเรื่องเงื่อนไข ซึ่งเขายังไม่พูดตอนนี้ เขาจะมาตกลงกันก่อนว่าเอาหรือไม่เอาเท่านั้นเอง เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายสมัครตอบว่า มันมีเวลาอีกตั้งเดือน ก็ กกต.เขาต้องการ เราต้องให้เวลาท่าน แต่ท่านจะพยายามจะใช้ถึงวันที่ 3 ม.ค. ท่านว่าอย่างนั้น ดังนั้นยังมีเวลา วันนี้เพิ่งวันที่ 23 ธ.ค. อย่างน้อยอีกตั้ง 10 วัน เมื่อถามว่าไม่กลัวถูกแย่งจัดตั้งรัฐบาลก่อนหรือ นายสมัครตอบว่า เขาไม่อายหรือ ได้น้อยแย่งคนได้มาก เขาไม่อายหรือ เมื่อถามว่าจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติไหม นายสมัครตอบว่า ไม่ได้ รัฐบาลแห่งชาติ ไม่มีฝ่ายค้าน เมื่อถามว่าถ้าเป็นนายกฯและจะประสานงานกับ พล.อ.เปรมได้หรือไม่ นายสมัครตอบว่า มันเกี่ยวข้องอะไร และประธานองคมนตรีกับนายกฯ มันเกี่ยวข้องอะไร เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ บ้างหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ตนฟังเขาพูดตั้งแต่หัวค่ำแล้วก็น่ากลัว
แขวะศัตรูนอกสภาอย่าก้าวก่าย
เมื่อถามว่า ในวันที่ 14 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาแน่นอนใช่หรือไม่ นายสมัครตอบว่า นั่นเป็นการคาดการณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 มันอยู่ในส่วนหนึ่งของการปราศรัย ไม่เป็นไรหรอก เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าพรรคอื่นจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน นายสมัครย้อนถามว่า แล้วทำไมถึงคิดว่าเขาจะไม่มั่นใจ เสียงที่จะเป็นรัฐบาล 280 เสียงก็ต้องไปนับดูว่ามีพรรคไหน แต่ตัวเลขมันยังไม่จบ เมื่อถามว่ามีพรรคไหนตอบรับมาบ้าง นายสมัครตอบว่า เรื่องพรรค์อย่างนี้ เขาไม่มาเปิดตรงนี้ เมื่อถามว่า แต่มั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนจะตั้งรัฐบาลได้แน่ นายสมัครตอบว่า ในที่ประชุมสภา เราก็เคยรู้จักกันมาเป็นเพื่อนกันมา ตนไม่ใช่ศัตรูของคนในสภา ศัตรูของตนอยู่นอกสภา ฉะนั้น ก็บอกแต่เพียงว่าคนที่เขาเลือกตั้งกันมา เขารู้จักกันทั้งนั้น ฉะนั้นเขาก็คงคิดดีอยู่แล้วที่ว่าจะทำงานกับใครจะได้สบายใจกว่ากัน พูดได้เท่านั้น แต่ถ้าจะมีใครพยายามทำอะไรอย่างอื่น ก็ไม่ขัดข้อง มีเวลาพอจะลองดูกันได้ แล้วบอกได้แต่เพียงว่าใครจะคิดทำอะไรที่ผิดปกติธรรมชาติ ไม่อายคนต่างชาติ ก็ควรจะอายคนในประเทศเรา เพราะคนในประเทศเราเขารู้
“อภิสิทธิ์” แถลงข่าวขอบคุณประชาชน
อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่แกนนำพรรครับฟังการแถลงของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่โทรทัศน์บางช่องถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศนั้น บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ประชุมหารือกันประมาณ 10 นาที จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า ขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถือได้ว่าเป็นการยืนยันความเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภาคภูมิใจที่จะทำให้พรรคมี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรประมาณ 160 ที่นั่ง สูงที่สุดในประวัติ การก่อตั้งพรรค และภูมิใจในคะแนน ส.ส.ระบบสัดส่วนที่ตอนนี้ได้เกิน 10 ล้านเสียง ขอยืนยันคะแนนเสียงที่มอบให้เป็นการต้องการให้เราเข้าไปผลักดันวาระประชาชนขอยืนยันว่าไม่มีคะแนนใดสูญเปล่า เราจะเดินหน้าเต็มที่
เปิดทาง พปช.เจรจาจับขั้วก่อน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายสมัครแถลงข่าวประกาศเชิญชวนทุกพรรคการเมืองให้เข้าร่วมรัฐบาลนั้น ขอกราบเรียนเบื้องต้นว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศไปแล้วว่าคงไม่อยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรค พลังประชาชน ดังนั้น เป็นภาระของหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่จะได้ประกาศเชิญชวนพรรคการเมืองอื่น และเป็นสิทธิของพรรคการเมืองต่างๆที่จะตัดสินใจว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง เราจะเคารพการตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ ตอนนี้จะรอผลว่าเป็นอย่างไร ถ้าแม้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านดูแลผลประโยชน์ของประชาชน ถ้าพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ย้อนศรถ้าตั้งไม่ได้ก็น่าอาย
“ต้องดูด้วยว่า มีพรรคการเมืองอื่นๆตอบรับคำเชิญชวนหรือไม่ ไม่มีคำว่ารัฐบาลแข่ง คำว่าตั้งรัฐบาลแข่งเป็นคำพูดของคนที่วิตกจริตไปเอง ตอนนี้ให้เกียรติพลังประชาชน เมื่อได้ที่ 1 ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลไป อยู่ที่พรรค การเมืองอื่นจะตอบรับคำเชิญหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายสมัครระบุว่า ถ้าพรรคอันดับ 2 ตั้งรัฐบาลแข่งเป็นเรื่องน่าอาย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าเป็นพรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลไม่ได้ไม่อายกว่าหรือ
รอลุ้นการตัดสินใจของพรรคอื่น
เมื่อถามว่า จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หรือไม่ที่พรรคอันดับ 2 จะตั้งรัฐบาลแข่ง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตนไม่ได้เป็นอะไรเลย ยังยืนอยู่ตรงนี้ คอยดูผลการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์จะไปบังคับใครไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้รออะไรเลย แค่รอคำตอบจากพรรคการเมืองต่างๆว่าจะตอบรับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ ไม่มีอะไรเป็นข้อผูกมัด ขอให้ยึดมั่นว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติและประชาชน เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของประเทศชาติ ส่วนกรอบเวลาที่จะให้เวลาพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลนั้น กรอบเวลาการเปิดสภาฯภายใน 30 วันชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวมีการเชิญนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าพบประธานองคมนตรี นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบ
|
ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1427 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 24 ธ.ค. 50
เวลา 10:19:20
|
