| • พปช.ย้ำ 'ชท.-พผ.' ร่วมรัฐบาลแน่ |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 02 ม.ค. 51 เวลา 10:43:21 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เปิดแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 3 พรรคขนาดเล็กนั้น นายสมัครมอบหมายให้คนสนิทเดินทางไปฮ่องกง เพื่อรายงานผลการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทราบ พร้อมทั้งขอความเห็นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในการดำเนินการตั้งรัฐบาลขั้นต่อไป โดยสาเหตุที่นายสมัครไม่โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณโดยตรง เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีการดักฟังได้
พปช.ย้ำ “ชท.-พผ.ร่วมรัฐบาลแน่
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการเจรจาเพื่อดึงพรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่นดินมาร่วมรัฐบาลว่า เป็นไปตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว แนวโน้มคือมาแน่นอน เพราะเป็นคนเชิญทั้ง 2 พรรคด้วยตัวเอง ได้ตกปากรับคำกันแล้ว แต่วันที่ 2 ม.ค.นี้ ทั้ง 2 พรรคคงจะพูดคุยกันอีกครั้งก่อนประกาศความชัดเจน แต่พรรคพลังประชาชนคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแถลงข่าวของทั้ง 2 พรรค แต่ถ้าต้องการให้เราส่งตัวแทนไปร่วมแถลงข่าวด้วยก็ไม่มีปัญหา สำหรับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยในรายละเอียด ต้องเป็นภายหลังจาก 6 พรรคมาปวารณาตัวทำงานร่วมกันแล้ว จึงจะส่งตัวแทนของแต่ละพรรคมาพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว
ตั้ง 3 แกนนำ พปช.ถกเก้าอี้ รมต.
วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ลงนามในหนังสือถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อขอให้ส่งตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. กลับหน่วยงานต้นสังกัดเดิม โดยระบุว่า พล.ต.ต.ชัยยะปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง ขณะเดียวกันได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. เพื่อขอให้เรียกตัว พล.ต.ต.ชัยยะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรอง ผบช.ส.ตามเดิม เนื่องจากการทำงานของ พล.ต.ต.ชัยยะไม่เป็นกลาง ทั้งนี้ นายสมัครได้มอบหมายให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเป็นผู้ไปยื่นหนังสือที่ กกต.และที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายสมัครจะขอให้ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับหน้าที่การเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆในการจัดสรรตำแหน่ง รมต.
เย้ย ปชป.รับความจริงเป็นฝ่ายค้านที่ดี
ส่วน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลทันทีหากการเมืองเกิดการพลิกผัน หากพรรคพลังประชาชนได้ใบแดงมากว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมนายสุเทพจึงมีจินตนาการเพ้อฝันเช่นนั้น เพราะขณะนี้เกมการเมืองเรื่องจับขั้วรัฐบาลจบไปแล้ว เพราะพรรคพลังประชาชนได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพันธมิตร 3 พรรคในเบื้องต้น 254 เสียงแล้ว ล่าสุดก็มีสัญญาณที่ดีว่าพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินจะมาเข้าร่วมรัฐบาลกับเราด้วย นายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ควรยอมรับความจริงตามที่ได้ประกาศไว้ว่าหากเราจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะยอมรับ ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรกลับไปแต่งตัวรอเพื่อเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง เพราะถึงจะมีการแจกใบแดง ใบเหลืองแต่คงไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ ขณะนี้ตัวเลขทางการเมืองชัดเจนแล้วว่าพลังประชาชนจะเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรทำให้ประชาชนสับสน ด้วยการแสดงท่าทีฉวยโอกาสตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคพลังประชาชน
“เหวียง” แบะท่าขอส่วนร่วมคุม ศก.
ด้านพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา วันเดียวกัน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา หลังจากที่ได้ประกาศร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนไปแล้ว ซึ่งจุดยืนของพรรคต้องการให้บ้านเมืองมีทางออกสามารถเดินหน้าไปได้ จึงจำเป็นต้องเคารพเสียงข้างมากของประชาชน โดยภายในสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อแจ้งผลการเข้าร่วมรัฐบาลให้ที่ประชุมพรรครับทราบอย่างเป็นทางการ และจะมีการหารือกับ ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธ์ รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯและแกนนำคนอื่น ถึงตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นตำแหน่งใดบ้าง ส่วนตัวเชื่อว่าแต่ละคนคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมคงต้องให้พรรคใหญ่เป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย แต่ยอมรับว่าในการพูดคุยพรรคอาจต้องขอมีส่วนดูงานทางด้านเศรษฐกิจบ้าง เพราะบุคลากรของพรรคมีความเชี่ยวชาญด้านนี้หลายคน
เก้าอี้ไม่ลงตัวต้องเปิดเจรจาอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโควตารัฐมนตรีที่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาจะได้รับในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ยังไม่สามารถตกลงกันได้กับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากได้ขอเก้าอี้รัฐมนตรีไปทั้งหมด 3 ตำแหน่งได้แก่ 1.รองนายกรัฐมนตรี 2.รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา 3.รมช.คมนาคม หรือ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่เบื้องต้นพรรคพลังประชาชนให้เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น คือ รองนายกรัฐมนตรี กับ รมช.กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่ไม่ให้ตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่พรรคพลังประชาชนจะขอดูแลเอง ทำให้ต้องมีการเจรจาเรื่องโควตารัฐมนตรีกันอีกรอบ
“เสนาะ” กลับจากแสวงบุญที่อินเดียแล้ว
ส่วนพรรคประชาราชนั้น วันเดียวกัน ที่เมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เดินทางกลับจากการไปทำบุญที่ประเทศอินเดีย โดยตลอดทั้งวันนายเสนาะได้อยู่กับครอบครัวภายในบ้านพักเมืองทองธานี โดยมีบรรดาคนสนิทและสมาชิกพรรคประชาราชทยอยเข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ อาทิ นายบุญถึง ผลพานิช นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากุล นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ รวมทั้งนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทย เป็นต้น โดยในวันที่ 2 ม.ค. นี้ สมาชิกพรรคและเจ้าหน้าที่พรรคประชาราช จะเข้าอวยพรนายเสนาะที่บ้านพักในเวลา 11.00 น.
“ป้าอุ” หนุน พปช.เต็มที่ไม่สนใบแดง
วันเดียวกัน ที่ จ.สระแก้ว นางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากเข้านมัสการพระราชปริยัตยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนในครั้งนี้ ทางพรรคประชาราชไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น และการเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้เนื่องจากพรรคประชาราชเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้รับแรงกดดันจากใคร และเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนความขัดแย้งกับพรรคไทยรักไทยเดิมนั้น เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เมื่อถึงวันนี้ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พรรคพลังประชาชนเข้าไปบริหารประเทศ ทางพรรคประชาราชต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของคนในประเทศ และสนับสนุนให้พรรคพลังประชาชนเข้าไปบริหารประเทศต่อไป นางอุไรวรรณกล่าวถึงการจำนวน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ที่อาจลดจำนวนลง เนื่องจากการให้ใบเหลือง ใบแดง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ไม่มีผลใดๆ ต่อการตัดสินใจของพรรค และทางพรรคยังยืนยันที่จะเข้าร่วมรัฐบาลต่อไป โดยไม่มีการถอนตัว เพราะเชื่อแน่ว่าคะแนนเสียงของพลังประชาชนที่มีอยู่ยังคงเป็นเสียงข้างมาก จึงสามารถเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้
เสธ.หนั่นแย้มมีสิทธิแยกทาง พผ.
ด้านพรรคชาติไทย วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บ้านสนามบินน้ำ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ได้เปิดให้อดีตสมาชิกพรรคมหาชน ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนและบุคคลที่รักใคร่ เข้าอวยพรเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก จากนั้น พล.ต.สนั่นให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน 254 เสียงว่า ยังไม่ทราบว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร ซึ่งต้องหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดินในวันที่ 2 ม.ค.ก่อน เมื่อถามว่าถ้ามีความชัดเจนจะแถลงร่วมกันในตอนเย็นใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า เราร่วมกันมาตั้งแต่ต้นก็ต้องมาคุยกัน แต่ถ้าวันที่ 2 ม.ค. หากคุยกันแล้วตกลงกันไม่ได้ เราก็ต่างคนต่างเดิน ต้องยอมรับว่าโอกาสมันก็มีกันทั้งนั้น แต่มีเปอร์เซ็นต์น้อย เมื่อถามย้ำว่า ต่างคนต่างเดินหมายถึงกับพรรคไหนบ้าง พล.ต.สนั่นตอบว่า ถ้าหารือตกลงกันไม่ได้ ก็ต่างคนต่างเดินกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งพลังประชาชน ชาติไทย และเพื่อแผ่นดิน
เลี่ยงพูดบทบาทพฤติกรรม “สมัคร”
พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ยอมรับว่าในการหารือร่วมของ 2 พรรคอาจจะเข้าร่วมรัฐบาล เพราะหากพรรคชาติไทยเมื่อตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง รัฐบาลก็ตั้งไม่ได้ จึงต้องดูสถานการณ์การเมืองและความต้องการของประชาชนเป็นหลัก เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชนประกาศจัดตั้งรัฐบาลก่อนกำหนด เป็นการกดดันพรรคชาติไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดินให้เร่งประกาศท่าทีให้ชัดเจนหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า พรรคพลังประชาชนต้องถือโอกาสประกาศก่อนว่าเขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เอง แต่ในข้อเท็จจริงคงยาก เพราะเสียงก้ำกึ่งกัน เขาเองก็น่าจะดูว่าอะไรควรไม่ควร หากตั้งรัฐบาลไม่ได้ ธุรกิจเศรษฐกิจก็จบ เมื่อถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงมือสกปรกที่มองไม่เห็น พล.ต.สนั่นตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าหมายความว่าอย่างไร ตามไม่ทัน เมื่อถามว่ายอมรับได้หรือไม่ที่นายสมัครจะเป็นนายกฯ แต่ชอบทำตัวเป็นสายล่อฟ้า พล.ต.สนั่นหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ไม่ขอตอบคำถามนี้ พร้อมกับย้อนถามว่าพรรคพลังประชาชนเขายอมรับได้หรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรค พลังประชาชนยอมรับ ทางพรรคชาติไทยก็รับได้ใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า เราจะไปเรียกร้องอะไรได้
พูดเป็นนัยรอดูวันโหวตเลือกนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดสภาเพื่อเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีพรรคใดเสนอบุคคลขึ้นมาแข่งหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคว่าจะเสนอใครมาแข่งหรือไม่ เช่น พรรคพลังประชาชนเสนอนพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนเป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ก็แข่งกันโหวต แต่ยอมรับว่าจะเป็นปัญหาเพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ส.ส.ใช้ดุลพินิจโหวตเลือกได้โดยไม่ต้องฟังมติพรรคต้นสังกัด จึงไม่สามารถควบคุม ส.ส.ของพรรคตัวเองได้ ทำให้ ส.ส.มีพลังมาก หากเขาเสนอมาแค่ 2 พรรคนี้ ถ้าลูกพรรคพลังประชาชนไปเทคะแนนให้อีกฝ่ายก็ยุ่งเลย วันที่โหวตเลือกนายกฯจึงถือเป็นวันที่น่าจับตามองที่สุด อาจเกิดกรณีงูเห่าขึ้นได้อีก และเกิดขึ้นได้เสมอ พรรคเล็กสามารถเสนอให้โหวตเลือกนายกฯแข่งขันกันได้ ไม่ผิดมารยาททางการเมือง เมื่อถามต่อว่า จะเสนอนายบรรหารเป็นนายกฯหรือไม่ พล.ต. สนั่นตอบว่า ต้องวิเคราะห์ก่อน ถ้าเกิดเหตุการณ์ระส่ำระสายไปกันไม่ได้อาจจะเสนอก็ได้
ระบุจับตาคดีซีดีมีสิทธิยุบ พปช.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 2 พรรคยังถือว่าการให้ใบเหลืองใบแดงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า ได้วิเคราะห์ให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ฟังแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคพลังประชาชนจะโดนพรรคเดียว ยกเว้นคดีการยุบพรรคกรณีการแจกซีดี เพราะการให้ใบเหลืองใบแดงต้องกระจายไปทุกพรรค จะเจาะจงพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ แต่หากเกิดการให้ใบแดงกับพรรคพลังประชาชนสูงถึง 30-40 ใบ สถานการณ์การเมืองก็จะเปลี่ยนพลิกขั้วไปอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็จะเกิดปัญหาอาจตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถึงตั้งรัฐบาล 247 เสียงก็ตั้งได้เล่นๆเดี๋ยวก็ล้มอีก ทางขั้วพรรคพลังประชาชนก็เช่นกัน 254 ตอนนี้โดนใบแดงไป 3 ใบ เหลือ 251 เสียง ใบเหลืองจะตามมาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ก็ตั้งไม่ได้ ก็ตั้งเล่นๆเหมือนกัน เดี๋ยวก็ล้ม ซึ่งอาจจะมีเหตุความวุ่นวายตามมา แต่ทุกฝ่ายต้องยึดหลักกฎหมายของบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม หากพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงในภาคอีสานมาก เสียงจะมาตกที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เพราะพรรคอื่นส่งผู้สมัครในภาคอีสานน้อย เมื่อถามว่า ดู กกต.ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเอาผิดกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้ พล.ต.สนั่นตอบว่า เรื่องยุบพรรคเป็นเรื่องฉกรรจ์ ตนว่าเรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็ก ขอให้จับตาดูเรื่องซีดีซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ใหญ่กว่าทุกกรณีหากจะมีการยุบพรรคจริงก็ด้วยเรื่องนี้
ผูกมิตร ปชป.-แค่แยกกันทำงาน
เมื่อถามต่อว่า หากทั้ง 2 ขั้วตั้งรัฐบาลไม่ได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.ต.สนั่นตอบว่า มีโอกาสเป็นไปได้ 10% ส่วนกรณีที่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ยังมั่นใจว่าจะมีใบเหลืองใบแดงอีกมากนั้น เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์คงทำเรื่องร้องเรียนไว้ และมั่นใจในพยานหลักฐาน เมื่อถามว่า การประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน เพราะเกรงว่า กกต. จะถูกแทรกแซงในการแจกใบแดงใบเหลือง พล.ต.สนั่นตอบว่า เห็นว่า กกต.ทำงานไปตามหลักฐานที่ปรากฏ และคงแทรกแซงลำบาก เพราะมาจากศาลถึง 4 คน อีก 1 คนมาจากรองอัยการสูงสุด ต้องยอมรับการทำงานของศาลในการตัดสินประหารชีวิตใคร ต้องพินิจพิเคราะห์อย่างถ้วนถี่แล้ว ใบแดงก็เหมือนประหารชีวิต เชื่อว่า กกต. พิจารณาไปตามฐานความผิด มั่นใจมากว่า กกต.ทั้ง 5 คนทำงานด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และมีคุณธรรม ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เรายังเป็นมิตรกันอยู่ เพียงแต่ทำคนละหน้าที่ คงนัดหารือที่ร้านช้อนเงินช้อนทองกันอีก แต่ต้องอธิบายให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจว่า เรามีความจำเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า การหารือในวันที่ 2 ม.ค. ของ 2 พรรคจะถือว่าเป็นสุดท้ายแล้วหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า สุดท้ายก็คือตั้งจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกฯแล้วจึงจะถือเป็นที่สุด แต่ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้จะทำอะไรได้ ขืนตั้งขึ้นมาก็ล้ม แต่ส่วนนี้ไม่สามารถพูดรับรองแทนพรรคใดได้
“เทือก” ออกอาการฉุน ชท.-พผ.พลิ้วหนี
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ระบุว่า พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ต้องไปดูว่าเขาให้เหตุผลอย่างไร แม้กติกาเดิมคือใคร ที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่เราไม่จำเป็นต้องนำมาพูดถึงก็ได้ เพราะตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญระบุว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกด้วยเสียงของ ส.ส.ข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่า ใครรวบเสียงข้างมากได้ก็ตั้งรัฐบาลได้ แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนอ้างว่า ได้รับเลือกตั้งมามากกว่าพรรคอื่นๆ จึงขอสิทธิ์ในการตั้งก่อน พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยอมให้ดำเนินการ คำถาม คือถ้าจากนี้ไปถึงวันประชุม สภาเพื่อเลือกนายกฯ พรรคพลังประชาชนไม่ใช่พรรคที่มีเสียงมากที่สุด พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินจะตอบคำถามของประชาชนได้อย่างไร คิดว่าทั้งสองพรรคนี้ต้องมีเหตุผลที่จะอธิบายต่อประชาชน
โวยแจกใบเหลือง-แดง 30 ใบน้อยไป
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ในส่วนของตนยังถือว่าตราบใดที่กระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการตรวจสอบผู้ชนะการเลือกตั้งว่าได้ชัยชนะมาอย่างสุจริตไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย ว่ามีทั้งหมดกี่คน ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.ต.สนั่นระบุว่า เป็นไปได้ยาก ที่ กกต.จะแจกใบเหลืองแดงถึง 30 ใบ นายสุเทพตอบว่าไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ คิดว่าการแจกใบเหลืองใบแดง 30-40 ใบยังน้อยเกินไป เพราะคนพวกนี้ทำผิดกันอย่างเอิกเกริก
ชี้ พปช.ผวาเสียงหายรีบรวบรัดจับขั้ว
“การรวบรัดจัดขั้วตั้งรัฐบาล เป็นการเบี่ยงเบนเจตนารมณ์ของประชาชน ทั้งที่นักการเมืองต้องคำนึงเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นสำคัญ และคิดว่าพรรคพลังประชาชนเริ่มไม่มั่นใจเสียงที่ตนเองได้มาว่ามากที่สุด จึงต้องรวบรัดจับขั้วกัน เพราะสังเกตว่า กรณีที่ กกต.ให้ใบแดง พรรคพลังประชาชนรู้ดีว่า จากที่เคยใช้ วิธีการที่ไม่สุจริตในการเลือกตั้ง วันนี้ได้มีคนมาตรวจสอบแล้ว และพบว่ามีหลักฐานการกระทำผิดจริง และกลัวว่าจะถูกจับได้ จึงต้องรีบรวบรัดเสียก่อน” นายสุเทพกล่าว
เผยเตรียมหาหลักฐานโซ้ย พปช.
นายสุเทพกล่าวว่า วันนี้ประชาชนที่ติดตามการเมืองต้องยอมรับว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัวจริง แต่ตัวจริงอยู่ต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ได้ฟ้องต่อประชาชนชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้เห็นว่า การที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งห้าม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเข้ามายุ่งเกี่ยวการเมืองนั้น ที่จริงแล้วคนเหล่านี้ไม่ได้หยุด และยังทำมาตลอด ที่จริงคิดว่าประชาชนทุกคนต้องช่วยกันตรวจสอบ ตนจะพยายามหาหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า คนในกลุ่มอำนาจเก่าได้เข้ามากำกับบงการ และจัดการทางการเมืองตลอดเวลา เป็นที่มาของการเลือกตั้งที่ไม่ สุจริต ประชาชนที่ได้ทราบเรื่องนี้ก็คงเห็นได้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวบงการการเมืองของประเทศไทยอย่างแท้จริง
แฉ ตร.เชียงรายข่มขู่ช่วย พปช.
ต่อข้อถามว่า การที่เคยระบุว่ามีการขนเงินเข้าประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ ได้มีการนำข้อมูลเหล่านี้ส่งไปให้ผู้เกี่ยวข้องและ กกต. สอบสวนขยายผลหรือไม่ นายสุเทพตอบว่าได้แจ้งผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่เห็นว่ามีการดำเนินการที่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลอื่นๆที่พรรคได้รับการร้องเรียนมา เช่น กรณีที่มีตำรวจติดตามนักการเมืองชื่อดัง ที่ จ.เชียงราย ข่มขู่ผู้นำท้องถิ่นให้สนับสนุนพรรคพลังประชาชน มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย และไม่ให้อยู่ใน จ.เชียงราย ซึ่งได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรค ว่าจะควรทำเรื่องถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สอบสวนเรื่องดังกล่าว อยากฝากบอกให้ท่านดำเนินการด้วย ซึ่งตนยืนยันว่ามีหลักฐานที่เชื่อถือได้
“อภิสิทธิ์” ยิ้มร่าหลังฟังคำทำนาย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ จ.สุโขทัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้พาครอบครัวไปถวายสังฆทาน แก่พระสงฆ์จำนวน 9 รูป ที่วัดหนองโว้งวรวิหาร พระอารามหลวง อ.สวรรคโลก โดยมีนายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ และนายสัมพันธ์ ตั้งเบญผล 2 ว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ของพรรค พร้อมด้วยนายสมชาติ ลิมปะพันธุ์ นายกเทศมนตรีเมืองสวรรคโลก ให้การต้อนรับ และนำเข้ากราบ และขอพรจากพระหลวงพ่อสองพี่น้อง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของ จ.สุโขทัย เก่าแก่หลายร้อยปี หลังจากนั้น ได้เข้ากราบนมัสการพระครูสุนันท์คุณาภรณ์ (หลวงพ่อเล็ก) เจ้าอาวาส พระเกจิชื่อดัง มีชื่อเสียงด้านทำนายดวงชะตา หลังจากถวายปัจจัยและรับพรปีใหม่เสร็จเรียบร้อย หลวงพ่อเล็กได้มอบวัตถุมงคลและประพรมน้ำพุทธมนต์ให้ ก่อนที่จะดูลายมือให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งหลวงพ่อเล็กได้ทำนายว่า นายอภิสิทธิ์มีดวงชะตาได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีแน่นอน หากไม่ได้ในคราวนี้ อีกไม่เกิน 2 ปี ก็จะได้เป็น จะต้องได้ดูแลประชาชนคนไทยทั้งประเทศ “อาตมาขอให้คุณโยมตั้งใจให้มั่น บุญความดีของคุณโยมมีมาก จะส่งผลให้เห็นในเร็ววัน หากเป็นนายกฯแล้ว ประเทศชาติจะสงบสุข เอาแต่สิ่งดีๆ มาบริหารบ้านเมือง ขออย่าเอาสิ่งไม่ดี มาเป็นแบบอย่าง” ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มและรอยยิ้ม ให้แก่นายอภิสิทธิ์ เป็นอย่างมาก
ปชป. ยก 5 ข้อเสนอตอกลิ่มเกมตั้ง รบ.
วันเดียวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่ามีมือสกปรกมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนนั้น ถือเป็นคำพูดที่ทำให้สังคมกังขา ว่าหมายถึงใครกันแน่คือมือสกปรก ถ้าหมายถึงอีแอบผมขาวตามที่นายสมัครเคยพูด หรือหมายถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ น่าจะหมายถึงบุคคลระดับองคมนตรี สงสัยว่าข้อเสนอ 5 ข้อที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินตั้งไว้ในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ที่มีอยู่ข้อหนึ่งว่าต้องไม่จาบจ้วงประธานองคมนตรี ซึ่งหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยากให้พรรคพลังประชาชนชี้แจงให้ชัดว่ามือสกปรกนั้นหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงบุคคลระดับสูงตามที่นายสมัครเคยพูดไว้ คิดว่าพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินน่าจะพิจารณาว่าพรรคพลังประชาชนได้ตอบรับข้อเสนอนั้นจริงหรือไม่
ยืมมือ คปต.ส่งหลักฐานให้ยุบ พปช.
นายเทพไทกล่าวต่อว่า มือสกปรกที่จะขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนไม่น่าจะมี แต่เชื่อว่าน่าจะมีเฉพาะมือสกปรกที่สนับสนุนให้นายสมัครจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรี หากดูคำสัมภาษณ์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากฮ่องกงผ่านสื่อฉบับหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ อยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนอย่างแท้จริง อยากฝากถึงนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน (คปต.) ที่เคยยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชนกรณีเป็นพรรคนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า คำสัมภาษณ์นี้สามารถนำเป็นหลักฐานไปยื่นกับ กกต. เพราะชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้บงการตัวจริงโดยไม่ต้องสอบ เมื่อถามว่า นายสมัครเหมาะที่จะเป็นนายกฯรือไม่ นายเทพไทตอบว่า นายสมัครจะเป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่มือของ พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะหลายคนที่ไม่เหมาะสม พ.ต.ท. ทักษิณก็เอามาใช้ แต่หลายคนที่เหมาะและเป็นคนดี พ.ต.ท. ทักษิณก็ไม่เอามาใช้ โดยไม่มีมาตรฐานว่าคนนั้นจะดีหรือไม่ดี มาตรฐานของพรรคพลังประชาชนอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
|
ข่าวจากไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1080 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 02 ม.ค. 51
เวลา 10:43:21
|
