หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ ผ้าพันคอราคาถูก ราคาส่ง เชียงใหม่ ลำพูน

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวการเมือง
เว็บบอร์ด » ข่าวการเมือง
รายละเอียดของห้อง : ข่าวการเมือง ประเด็นร้อนน่าจับตา ตนเหนือเราต้องมีส่วนร่วม
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
กลุ่มชุมนุมยืดเยื้อ ‘สพรั่ง'โผล่ ลั่นทหารเฉยไม่ได้

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
กลุ่มชุมนุมยืดเยื้อ ‘สพรั่ง'โผล่ ลั่นทหารเฉยไม่ได้
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 27 พ.ค. 51 เวลา 10:34:55 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วยการนัดมวลชนที่สนับสนุนมาร่วมชุมนุมใหญ่พร้อมขบวนประชาชนเรือนหมื่น จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อมาปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค. แต่ต้องผิดหวังเมื่อถูกตำรวจสกัดไว้ ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์และเกิดเหตุปะทะกันอย่างดุเดือดกับฝ่ายต่อต้านพันธมิตร ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายสิบราย ล่าสุดพันธมิตร ได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ด้วยการยึดถนนหลวงชุมนุมยืดเยื้อ ปักหลักไล่รัฐบาลเหมือนการชุมนุมใหญ่เพื่อไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อปี 2549

ทั้งสองฝ่ายตึงเครียดตลอดคืน

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 25 พ.ค. ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 26 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อกลุ่มต่อต้านพันธมิตรยังคงเตรียมอาวุธไว้ครบมือ ทั้งไม้ก้อนหิน รวมตัวราว 50 คน หน้าสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง หวังบุกเข้าไปก่อเหตุก่อกวนยั่วยุกลุ่มพันธมิตรอีกระลอก โดยมีตำรวจนครบาลนางเลิ้งนำแผงเหล็กมากั้นสกัดไว้ ตรงกลางไม่ให้เข้ามาใกล้กับกลุ่มพันธมิตรได้ ขณะที่มวลชนของพันธมิตรก็ไม่ยอมรามือ หลังตั้งเวทีปราศรัยเชิงสะพานมัฆวานฯ ระดมชายฉกรรจ์กว่า 300 คน ตั้งแถวหน้ากระดาน ใช้แผงเหล็กปิดกั้นถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่ แยก จปร. ตั้งป้อมรอรับการบุกของฝ่ายต่อต้าน โดยเตรียมอาวุธ ไม้ เหล็กแป๊บ ก้อนหิน โล่ ที่ทำจากจานดาวเทียม และถังขยะ ฯลฯ ไว้ตอบโต้ แต่ตลอดคืนไม่มีฝ่ายไหนข้ามเส้นกั้นมาหาเรื่องกัน ได้แต่ใช้เครื่องกระจายเสียง ตะโกนด่าทอและโห่ร้องยั่วยุกันไปมาเป็นระยะๆ

พร้อมรับมือการสลายการชุมนุมของ ตร.

สำหรับประชาชนที่สนับสนุนพันธมิตรเริ่มทยอยเดินกลับจนเหลือปักหลักนั่งๆนอนๆบนถนนราว 1 พันคน ในเวลา 01.45 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เดินมาสั่งการชายฉกรรจ์ที่ทำหน้าที่การ์ด ให้ขยับแนวรั้วเหล็กจากแยก จปร. ย้ายเข้ามาบริเวณหน้าองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ บีบพื้นที่ ชุมนุมให้แคบลง และเวลา 03.35 น. พล.ต.จำลองประกาศในการชุมนุมให้เตรียมพร้อมรับมือการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจ ที่มีข่าวจะบุกเข้ามาช่วงเช้ามืด ก่อนระดมอาวุธทุกชนิดมาเตรียมป้องกัน และประกาศกร้าวไม่ยอมที่จะเสียพื้นที่ชุมนุมไม่ว่าจะถูกกระบองหรือแก๊สน้ำตาจากตำรวจ

ตีห้าครึ่งปรับแผนเป็นชุมนุมยืดเยื้อ

เมื่อถึงเวลา 05.30 น. ฝ่ายต่อต้านที่รวมตัวกันอยู่หน้าโรงพักนางเลิ้ง ได้สลายการชุมนุม เวทีปราศรัยพันธมิตรจึงเปิดฉากขึ้น และจากท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตรึงฝ่ายพันธมิตรไว้ที่บนสะพานมัฆวานฯ และเริ่มใช้ ตชด. ในชุดปราบจลาจลมาตรึง โดยไม่มีทีท่าจะโอนอ่อนให้เคลื่อน ขบวนต่อไปยังหน้ารัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.ที่เข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญ พันธมิตรจึงเริ่มการปรับแผนครั้งใหญ่จากที่ตอนแรกตั้งเป้าว่าหลังยื่นหนังสือประธานรัฐสภาก็จะสลายการชุมนุมกลับ แต่แกนนำทั้งหมดขึ้นเวทีปราศรัยแล้วขอความเห็นจากประชาชนที่ยังคงเหลืออยู่ราว 500 คน ว่าจะมีการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อบนถนนเพื่อไล่รัฐบาลหรือไม่ ทันทีที่มีประชาชนโห่ร้องแสดงความเห็นด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร จึงประกาศว่าจะมีการนำเต็นท์มาตั้งบนถนนราชดำเนินนอก พร้อมปรับทีมงานโฆษกพิธีกรบนเวที โดยจะมีการชวนแนวร่วมมาสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยต่อเนื่องไปเรื่อยๆตลอดวันทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับการปรับแผนชุมนุมยืดเยื้อของพันธมิตรครั้งนี้มีขึ้นอย่างกะทันหันมาก จากการสอบถาม แม้แต่ทีมงานพันธมิตรเองยังปรับตัวตามไม่ทัน และยังไม่เข้าใจเหตุผลด้วย

อ้างทำเพื่อชาติครั้งสุดท้าย

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า การตัดสินใจชุมนุมยืดเยื้อในครั้งนี้ ได้ขอมติจากประชาชนที่มาร่วมแล้วส่วนใหญ่เห็นด้วย ทั้งคนที่มาร่วมก็ยังไม่มีใครอยากกลับ เงื่อนไขการชุมนุมยืดเยื้อครั้งนี้ คือไล่รัฐบาลชุดนี้ต้องออกไป เหตุผลไม่ใช่เพราะปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ ช่วยพวกพ้องอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการบริหารประเทศ ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเรื่องอื่นๆ จากการที่ถูกฝ่ายต่อต้านมาทำร้ายตลอดการชุมนุมที่ผ่านมา พันธมิตรก็จะปรับแผนยกระดับการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น นี่ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายของพันธมิตร แต่เป็นการแสดงพลังและสู้เพื่อชาติสุดท้ายมากกว่า จากปัญหาต่างๆที่พันธมิตรได้เห็นมาจากรัฐบาลชุดนี้ ทำให้รู้สึกว่าสังคมไทยนั้น ไม่สนใจรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มีประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่สนใจและไม่พอใจ หากเราไม่ได้จัดการชุมนุมครั้งนี้ จะรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ทำหน้าที่ สุดท้ายหากชุมนุมแล้วคนมาร่วมกับเราน้อย ก็แสดงว่าสังคมไทย ไม่ต้องการรับรู้ปัญหาและแก้ไขร่วมกับเรา หากมีม็อบไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมยืดเยื้อแค่ 1 ใน 3 เราก็จะสลายตัวทันที

แสดงตนยื่นถอดถอน ส.ว.-ส.ส.

ต่อมาเวลา 09.40 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนฯ นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายเทิดภูมิ ใจดี และนายสุริยะใส กตะศิลา เดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือขอถอดถอนประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. และ ส.ว.จำนวนหนึ่ง ที่ร่วมลงนามเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นการมาแสดงตนในการที่จะรวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นคน เพื่อถอดถอนบุคคลดังกล่าวออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความผิด 4 ข้อ ด้านนายประสพสุขกล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะจากนี้ไปกลุ่มพันธมิตรฯจะต้องหารายชื่อประชาชนให้ครบ 2 หมื่นชื่อ ส่งไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการถอดถอนตามคำร้อง วุฒิสภามีหน้าที่พิจารณารายชื่อ รวมถึงเอกสารความถูกต้องเท่านั้น โดยในวันที่ 28 พ.ค. จะส่งรายชื่อไปยังสำนักทะเบียนราษฎร และ กกต.เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

เรื่องล็อบบี้ ส.ว.รอข้อมูลชี้ชัด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการล็อบบี้ ส.ว.เลือกตั้งให้ ถอนรายชื่อออกจากญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเงิน 1.5 ล้านบาท นายประสพสุขตอบว่า ก็ได้ฟังข่าวจากสื่อมวลชนแต่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่า ส.ว.เหล่านั้นอาจจะเกิดความเข้าใจผิด ถอนชื่อไปคงไม่ได้มีเรื่องล็อบบี้ หรือเรื่องเงินเรื่องทอง ส่วนกรณีที่สมาชิกรัฐสภาระบุว่า มีการนำชื่อไปแปะในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนก็ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากต้องรอข้อมูลในเรื่องดังกล่าวก่อน

เตือน “ชัย” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า พันธมิตรจะจัดชุมนุมอย่างยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะมีการถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากสภา หรือทันทีที่ญัตตินี้เป็นโมฆะ โดยสัปดาห์นี้จะล่าชื่อประชาชนครบ 2 หมื่นคน เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้สำเร็จ และจะไม่อยู่ในเกมประชามติของรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่านอกจาก เงิน 2 พันล้านบาท จะซื้อความรำคาญของนายสมัครและซื้อความสงบสุขไม่ได้แล้ว ยังสร้างความขัดแย้งให้บาน ปลายออกไปอีก การทำประชามติโดยที่ไม่หยุดกระบวนการในสภา เท่ากับเป็นเกมเล่นการเมืองสองหน้าเท่านั้น หนทางที่ยุติความขัดแย้งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่นายสมัครโทรศัพท์ไปหานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้สั่ง ส.ส.พรรคพลังประชาชนถอนชื่อออกเพียง 30 คน ญัตตินี้ก็ตกไปแล้ว และขอเตือนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่รับญัตติของ ส.ส.และ ส.ว.ที่กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

อ้างคนพันธมิตรโต้ตอบเพื่อป้องกันตัว

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในการชุมนุม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ว่า จะเป็นการเปิดโอกาสให้ รัฐบาลใช้อำนาจประกาศใช้ พ.ร.บ.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่ นายสุริยะใสตอบว่า พันธมิตรฯไม่ปรารถนาที่จะให้รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายนี้ ซึ่งหากอีกฝ่ายไม่ตามราวี ท้าตี ท้าต่อย หรือไปจัดชุมนุมที่สนามหลวง ก็ไม่มี ปัญหา ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ นครบาลได้ขอโทษต่อพันธมิตรฯในความหละหลวม ซึ่งเราให้อภัยได้ แต่เหตุการณ์แบบนี้ต้องไม่มีอีก การที่ตำรวจปราบจลาจลปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งมาทุบตีอีกฝ่ายมันมากเกินไป หากตำรวจยังไม่ทำหน้าที่ พันธมิตรฯอาจร้องต่อ ป.ป.ช.ในความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิจะถูกดำเนินการซ้ำรอยกรณีของ “โอ๋สืบ 6” ส่วนพันธมิตรฯนั้น เมื่อถูกกระทำก็อาจจะมีการตอบโต้ไปบ้าง ซึ่งเป็นการใช้สิทธิป้องกันตัวเองเท่านั้น แต่หากมี เหตุเกินเลย เราได้ให้คนถ่ายวีดิโอเพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ กันในศาลด้วย

บช.น.ประชุมประเมินสถานการณ์กลุ่มชุมนุม

ที่ บช.น.เวลา 08.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำ ตร.ทำหน้าที่ รอง ผบ.ตร.มค.1 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุม ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯจากนั้นกล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ตำรวจพยายามเจรจากับกลุ่มแกนนำไม่ให้เคลื่อนไปยังรัฐสภา มีข้อสรุปว่าจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่รัฐสภา และขอร้องให้ผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนทางเท้า ไม่ให้กีดขวางการจราจร ตำรวจมีความพร้อมเตรียม กำลังควบคุมฝูงชนกำลัง 18 กองร้อย และการสนับสนุน จาก ตชด. ตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 และ บช.ก. หากไปละเมิดสิทธิผู้อื่นหรือเกินขอบเขตกฎหมาย ตำรวจก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า นายกฯกำชับให้ตำรวจมีความอดทน และให้ดูแลความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการทำร้ายร่างกายกัน ต่อข้อถามว่า ต้องการกำลังเสริมจากทหารหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ตำรวจยังควบคุมสถานการณ์ ได้ ส่วนพวกก่อกวนสั่งการให้ บช.น.ดำเนินคดี เรื่องการตรวจค้นอาวุธยอมรับว่าอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็จะมีการปรับแผนต่อไป

ใครผิดใครถูกดูจากกล้องวงจรปิด

ส่วนที่ผู้ชุมนุมสองฝ่ายมีการตีกันบาดเจ็บจำนวนมากนั้น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.กล่าวว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของกลุ่มผู้ชุมนุม และพยายามไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย ส่วนตำรวจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขอยืนยันว่าตำรวจต้องปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงความเร่งด่วนและผลโดยรวมของประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากการทะเลาะวิวาทดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม ตำรวจจำเป็นต้องแยกฝ่ายเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะรุนแรง ขยายวงกว้างจนเหตุการณ์ควบคุมไม่อยู่ หลังจากนี้จะได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังจากสื่อมวลชนที่บันทึกภาพเหตุการณ์ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด พิจารณาดำเนินคดีกลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายเป็นรายบุคคล

อดีต นปก.ปะทะพันธมิตรเจ็บ 9 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำให้ต้องปิดกั้นการจราจรบริเวณถนนราชดำเนินนอก ประชาชนต้องขับรถอ้อมไปทางตลาดเทเวศร์ สภาพการจราจรติดขัดเป็นช่วงๆ ขณะเดียวกัน บช.น. ได้รับรายงานด่วนเมื่อเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม นปก. (เดิม) ซึ่งมีนายสุชาติ นาคบางไทร กับพวกประมาณ 250 คน เดินตามขบวนกลุ่มพันธมิตรฯ มาถึงหน้า สน.นางเลิ้ง และเกิดปะทะทำร้ายร่างกายกันด้วยไม้ จนมีผู้บาดเจ็บของฝ่าย นปก. 9 ราย

จวกพันธมิตรฯจุดไฟกลางเมือง

อีกด้านหนึ่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำกลุ่ม นปก. กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า วันนี้มันเลยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว เพราะประเด็นที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯได้หยิบยกขึ้นมาใช้ในการปลุกระดม คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ ล้มล้างสถาบัน ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งในการใช้เป็นข้อหาปลุกระดม เพราะจะสร้างความแตกแยกในสังคม นายสนธิบอกว่า ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย แต่ตนคิดว่าครั้งนี้จะเป็นการโกหกครั้งสุดท้าย ปัญหาคือคนไทย 63 ล้านคน อย่าว่าแต่คนในพรรคพลังประชาชนเลย ไม่มีใครกล้าคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบสาธารณรัฐหรือระบอบประธานาธิบดี ถ้าคิดอย่างนี้จะเป็นคนไทยไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงการปกครองในลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เพราะข้อกล่าวหาเหล่านี้จะนำพาไปสู่ความแตกแยกของประชาชนและสังคม วิวัฒนาการไปสู่สงครามกลางเมือง นำไปสู่ความเสียหายของประเทศ

วอนแม่ทัพนายกองตั้งสติอย่าหูเบา

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ขอวิงวอนไปถึงแม่ทัพ นายกอง ขอให้ตั้งสติ ตั้งหลักว่าข้อกล่าวหาที่นายสนธิตั้งขึ้นมานั้น สมควรเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะคนไทยหากคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองในลักษณะนั้น ถือว่าเลวร้ายที่สุด ใครที่เกิดเป็นคนไทยจะไม่มีทางกล้าคิดอย่างนั้น บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ใช่เรื่องน่าวิตก แต่เราเห็นทิศทางและวิธีการที่ใช้ในการปลุกระดม ข้อหาล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน เป็นช่องทางเปิดประตูให้มีการกระทำการรัฐประหาร จึงขอให้แม่ทัพนายกองตั้งสติ อย่าได้ไปหลงเชื่อ หากมีการยึดอำนาจจริง เราพร้อมที่จะนัดหมายกันที่สนามหลวง โดยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นกันชนไม่ให้เกิดการปะทะกัน แต่ลักษณะการปลุกปั่นของนายสนธิจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนำพาไปสู่ความแตกแยกของบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส หนทางที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการทำประชามติ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด หากกลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อมั่นใน 14 ล้านเสียง ก็ชนะวันยังค่ำ พวกกลุ่มพันธมิตรฯก็ไปรณรงค์เพื่อไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนรัฐบาลก็จะรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการสู้กันในสนามการลงประชามติ

“เหลิม” ปัดตั้งวอร์รูมจับตาพันธมิตร

ที่กระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าว รมว.มหาดไทยตั้งกองบัญชาการจับตาดูการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เห็นว่าตำรวจทำงานได้อย่างเรียบร้อย แบ่งแยกผู้ชุมนุมออกจากกันได้อย่างชัดเจน ส่วนพันธมิตรฯไม่ทำตามคำพูด ที่บอกว่าจะมีการชุมนุมโดยสันติ แต่กลับมีการเคลื่อนไหวไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล ดังนั้น เมื่อไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จึงเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้คัดค้านการชุมนุมจะเดินไปทำเนียบฯ ไปทำไมคิดอะไรอยู่

โวยมีวาระซ่อนเร้นล้มรัฐบาล

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การที่ออกมากีดขวางการจราจรแบบนี้ถือว่าผิดแล้ว ประชาชนจะไม่ยอมรับ เพราะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ การที่พันธมิตรฯคิดอะไรแบบนี้ เพราะต้องการจะยกประเทศให้กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือว่ามีวาระซ่อนเร้น ต้องการที่จะล้มรัฐบาลใช่หรือไม่ นอกจากนี้ การหาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แบบนี้เข้าข่ายปลุกระดม และมีพรรค การเมืองหนุนหลัง ในการจัดหาคนมาร่วมชุมนุม มีผู้ว่าราชการจังหวัดเล่าให้ตนฟังว่า มีการขนคนมาชุมนุมและจ่ายเงิน มาจากแถววัดอ้อมน้อย มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง มาจาก จ.เพชรบุรี และนนทบุรี บางส่วน

ผบ.ทบ.ชี้ตำรวจต้องเข้มข้น

เช้าวันเดียวกัน ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ ทุกคนคงรู้สึกเช่นเดียวกันว่าเป็นสิ่งน่าห่วง ทั้ง 2 ฝ่าย จะมีส่วนทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้น ตำรวจคงต้องเพิ่มความเข้มข้นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ขอความร่วมมือจากทหารในการดูแลผู้ชุมนุม แต่จากการประมาณการของตน มองว่าตำรวจน่าจะรักษาความสงบและความเรียบร้อยไว้ได้ เมื่อถามว่าทหารได้ เตรียมแผนรองรับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่าไม่มี และเหตุการณ์ต้องไม่บานปลายไปมากกว่านี้เพราะบ้านเมืองจะเสียหาย เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่า เกรงเกิดเหตุการณ์แบบพฤษภาทมิฬหรือไม่ ผบ.ทบ.ไม่ตอบ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย ดูจะไม่มีการลดลง มองว่าน่าห่วงหรือไม่ ผบ.ทบ.ย้อนถามว่า “แล้วท่านล่ะห่วงหรือไม่ ผมก็ห่วง ประชาชนทุกคนก็ห่วง ไปถามใครในตลาดก็เป็นห่วง ทุกคนห่วงกันทั้งนั้น ไม่ต้องถามผมก็ได้”

“สพรั่ง” หวั่นม็อบชนม็อบ

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เป็นห่วงบ้านเมืองมากกว่าสถานการณ์ เพราะวัตถุประสงค์ ของคนที่ออกมา เขาอาจเห็นว่าวิกฤติแล้วและหากออกมาเพราะรักชาติบ้านเมือง เป็นห่วงบ้านเมืองก็เห็นด้วย ส่วนกรณีที่อาจจะมีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบนั้น ก็มีความเป็นห่วง หากม็อบชนม็อบจริง คนที่นำม็อบออกมาชนต้องเป็นผู้รับ ผิดชอบ กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถออกมาเคลื่อนไหวได้หากมีความห่วงใยบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะบานปลายจนย้อนกลับไปเป็นเหมือน 19 กันยา 49 หรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องบานปลาย แต่เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายในการแสดงออก เมื่อถามว่า แสดงว่าเห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ. สะพรั่งกล่าวว่า ความรักชาติรักบ้านเมือง สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่

เผยไม่อยากเห็นคนไทยสังเวยชีวิต

เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเร็วไปหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ในความเห็นของตน ไม่เห็นจะต้องไปแก้ไขอะไร เมื่อถามว่า เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตนเองหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ทุกคนทั้งประเทศก็คิดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าคนที่มีอำนาจจะทำอะไรได้ทุกอย่าง หากไม่มีความชอบธรรมและหากประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย ก็คงจะทำไม่ได้ การจะทำอะไรให้ไปสู่ความสำเร็จ ต้องได้รับความเห็นพ้องต้องกันและการยอมรับจากประชาชน อย่าลืมว่าคนรักชาติบ้านเมืองยังมีกำลังมากพอ แต่เขาเฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาตนห่วงบ้านเมืองมาตลอด แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่เข้าไปแสดงความรับผิดชอบโดยตรง สงสารประเทศชาติมาก ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน และเลือกอยู่ข้างความดี ความถูกต้อง ไม่อยากเห็นภาพที่จะให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด ไม่อยากให้คนไทยต้องสังเวยชีวิต ขณะนี้เหมือนเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว เพราะขณะนี้บ้านเมืองเกิดความเลวร้าย ศีลธรรมเสื่อม ถึงเวลาที่ประชาชนทั้งประเทศ ที่มีความรับผิดชอบ ความเข้มแข็งและมีเวลาหายใจเพื่อคนอื่น หรือบ้านเมืองบ้าง ได้หันมาตรวจสอบว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองนั้น เราจะเพิกเฉยกันหรือไม่ หากเราเพิกเฉยก็รอรับผลเลยว่าเดือดร้อนแน่นอน ทางแก้ไขคือคนดีต้องจับมือช่วยกันแก้ไข และแสดงออกถึงการไม่ยอมคนชั่ว

ลั่นทหารเฉยไม่ได้ หากบ้านเมืองวิกฤต

เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ทวีความรุนแรง ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า คงตอบแทนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงไม่ได้ หากตนรับผิดชอบจะตอบเลยว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร เมื่อถามว่า เหตุใดจึงมีความพยายามโยงการเมืองเข้ากับเรื่องการปฏิวัติ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า คนที่พยายามออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้คงมีวัตถุประสงค์เพื่อฉกฉวยบางสิ่งบางอย่างเมื่อถามว่า ขณะนี้มีเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า หากสถานการณ์หาทางออกไม่ได้ การเผชิญหน้าก็จะต้องเกิดขึ้น มีทางเดียวก็คือฝ่ายรักษาความมั่นคง ต้องรับผิดชอบคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้ ทหารจะเพิกเฉยต่อสถานการณ์ไม่ได้ หากเกิดเหตุจลาจลบ้านเมืองวิกฤต ทหารจะอยู่เฉยๆได้อย่างไร หากเกินกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ทหารจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ เมื่อถามว่า แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปฏิวัติ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า เป็นไปตามผลซึ่งผลมาจากเหตุ หากเหตุไม่ถูกต้อง ผลก็ไม่ถูกต้อง แต่เรื่องนี้ตนไม่ขอรับรองหรือยืนยันว่าจะมีหรือไม่มีทั้งสิ้น เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร หากหลายฝ่ายเกิดการต่อสู้เข้าห้ำหั่นกัน ถึงตอนนั้นก็เป็นความรับผิดชอบของทหารที่จะต้องปกป้องประเทศ

นายกฯยังไม่คิดใช้กฎหมาย กอ.รมน.

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาระบุว่ามีทหารนายหนึ่งมาบอกว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมาย กอ.รมน. (พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน) เพื่อควบคุมสถานการณ์ นายสมัครตอบว่า ยังไม่ได้คิด เมื่อถามว่า รัฐบาลเตรียมแผนรองรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไว้หรือไม่ นายสมัครตอบว่า ตำรวจเป็นคนดูแลเรื่องนี้ เมื่อถามว่า สถานการณ์ครั้งนี้นอกจากจะกระทบกระเทือนกับการลงทุนในประเทศแล้ว ยังกระทบด้านอื่นๆด้วยหรือไม่ นายสมัครตอบว่า กระทบกระเทือนแน่นอน ท่านทูตออกมาบอกว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ ท่านก็ปรารภออกมาเลย ตนเลยบอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่เคยคาดคิดว่าอยู่ดีๆจะมีเหตุการณ์แบบนี้ออกมา ก็หวังในใจว่าประชาชนทั้งบ้านเมืองคงจะเห็นว่าใครเป็นคนทำให้บ้านเมืองเสียหายไม่มีเหตุผล

หวั่นนักลงทุนที่เตรียมมาไทยถอยกลับ

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่ หากกลุ่มพันธมิตรฯยืนยันจะชุมนุมยืดเยื้อนายสมัครตอบว่า ก็บอกแล้วว่าเขาจะให้ลงคะแนนว่า ใครแก้หรือไม่แก้ รอให้ลงคะแนนก่อนว่าจะแก้หรือไม่แก้ รอไม่ได้หรือ 45 วัน มันมีเหตุผลอยู่แล้วว่าจะลงประชามติ หากเสียงส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่แก้เขาก็ไม่แก้ หากเสียงส่วนใหญ่แก้กลุ่มพันธมิตรฯจะว่าอย่างไร เมื่อถามว่า จะขอให้ยุติการชุมนุมหรือปล่อยให้มีการชุมนุมต่อไปหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ตนก็ไม่อยากให้ใครมาชี้หน้าด่าว่าเป็นเผด็จการ ฉะนั้นตำรวจมีหน้าที่ต้องจัดการต่อไป บอกได้เพียงว่าวันนี้ที่เสียใจคือ ท่านทูต 3 ประเทศบอกว่าจะมีนักธุรกิจมาลงทุนภายในสัปดาห์หน้า หากเป็นแบบนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร

นปช.ขู่ยื่น อสส.เอาผิดพันธมิตรฯ-ปชป.

นอกจากนี้ บ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภาแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และนายสุชาติ นาคบางไทร ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า นปช.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. โดย นพ.เหวงกล่าวว่า คำปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ล้วนแต่เป็นเท็จ ไม่ใช่การชุมนุมเพื่อต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องการขับไล่หรือล้มล้างรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ซึ่งกำลังพิจารณายื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการตามกฎหมาย หรือแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 113, 116 รวมถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เข้าข่ายความผิดแบบเดียวกัน

อ้างไม่มีเจตนาปะทะกลุ่มพันธมิตรฯ

ต่อมาบรรยากาศเริ่มตึงเครียด เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามซักถามนายจรัลถึงสาเหตุของการปฏิเสธว่า การปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่เกี่ยวข้องกับ นปช. ทั้งที่นายสุชาติที่มาแถลงข่าวด้วย ก็เป็นหนึ่งในผู้ปราศรัยบนเวทีต่อต้านพันธมิตรฯ นายจรัลกล่าวชี้แจงว่า เป็นการกระทำส่วนบุคคลไม่ใช่ในนาม นปช. เพราะ นปช.ไม่มีมติให้เคลื่อนไหว จากนั้นนายจรัลได้มอบหมายให้นายสุชาติซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เป็นผู้ชี้แจง โดยนายสุชาติระบุว่า พวกตนเป็นกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย คัดค้านเผด็จการ ไม่อยากไปชุมนุมใกล้พันธมิตรฯ แต่เมื่อพันธมิตรฯจะเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติเคลื่อนด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งใจที่จะเดินขบวนประกบพันธมิตรฯส่อเจตนาว่าต้องการมีเรื่องใช่หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า เราไม่อยากมีเรื่อง เพราะตำรวจกั้นพวกเรากับพันธมิตรฯ ไว้ แต่คนของพันธมิตรฯวิ่งมาตีพวกเราก่อน และยังไล่ตีประชาชนที่รอรถเมล์อยู่บริเวณนั้นด้วย

โต้คารมนักข่าวสภาจ้องจับผิด นปช.

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นแกนนำ ทราบหรือไม่ว่าในกลุ่มนั้นมีการพกพาอาวุธหลายชนิด ทั้งมีด และไม้ หน้าสาม เพื่อโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ นายสุชาติได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวด้วยความไม่พอใจว่า ไม่เห็นอาวุธใดๆเลย ถ้ามีจริงให้เอาภาพถ่ายมายืนยัน ก่อนจะย้อนถามกลับว่า แล้วคุณเห็นอะไรที่พันธมิตรฯบ้างหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า ได้ทำข่าวการชุมนุมของกลุ่ม นปช. จึงเห็นความเคลื่อนไหวตลอด และช่วงหนึ่งมวลชนของ นปช.เอง ได้มาขอร้องให้ช่วยถือไม้ไปตีพันธมิตรฯด้วย นายสุชาติจึงตอบโต้ทันทีว่า แสดงว่าคุณก็ใช้ความรุนแรง แต่ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่าเขามาขอให้ถือแต่ไม่ได้ถือ นายสุชาติจึงกล่าวเหน็บแนมว่า ขอบคุณมาก ที่ทำหน้าที่นักข่าวให้กับ นปก. อย่างเดียว ก่อนจะย้อนถามนักข่าวคนนั้นว่าอยู่ฉบับไหนเมื่อไม่ได้รับคำตอบจึงได้กล่าวว่า แสดงว่าจ้องแต่จะจับผิดเฉพาะ นปช.ใช่หรือไม่ อะไรที่ตนไม่รู้ก็อย่ายัดเยียดซึ่งพวกคุณชอบไปเขียนกันเองอยู่แล้ว จริงๆแล้วไม่ได้ อยากจะมาแถลงข่าว เพียงแต่นายจรัลเชิญมา

จ้องคุกคามถ่ายรูปสื่อที่ยิงคำถาม

ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายสุชาติได้นำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลส่วนตัว ขึ้นมาถ่ายรูปผู้สื่อข่าวหลายคนที่ตั้งคำถามซักถาม จนผู้สื่อข่าวต้องกล่าวท้วงติงว่า ถ่ายรูปไปทำไม นายสุชาติได้กล่าวย้อนว่า แค่ถ่ายรูปแค่นี้ คุณก็กลัวแล้วหรือ แค่ถ่ายรูปเพื่อดูหน้าพวกคุณคือใคร จะได้ไปศึกษา ผู้สื่อข่าวถามว่า ศึกษาไปทำไม นายสุชาติตอบว่า มันเป็นสิทธิของตน ทีพวกคุณถ่ายยังไม่ว่าอะไรเลย ผู้สื่อข่าวจึงขอให้นายจรัลลบภาพผู้สื่อข่าวที่ถูกบันทึกภาพไว้ แต่นายสุชาติแย้งว่า “นี่เป็นทรัพย์สินของผม ใครอย่าแตะก็แล้วกัน” ผู้สื่อข่าวจึงถามนายจรัลว่า ในฐานะที่พามาจะรับผิดชอบนายสุชาติได้ไหม เพราะพฤติกรรมเช่นนี้เคยเกิดกรณีการคุกคามสื่อ โดยให้ชายฉกรรจ์มาติดตามผู้สื่อข่าวมาแล้ว แต่นายจรัลนิ่งเงียบ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ในฐานะเป็นอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คิดอย่างไรกับประเด็นสิทธิเสรีภาพ และท่าทีการคุกคามสื่อเช่นนี้ นายจรัลได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า พวกคุณชอบใช้คำว่าคุกคาม ซึ่งตนเลิกนับถือสื่อมวลชนมานานแล้ว ก่อนจะตบไมค์ลงกับโต๊ะ และลุกขึ้นพร้อมกับนายสุชาติเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับพูดว่า “เลิกโว้ย” โดยนายจรัลได้เดินไปพูดคุยกับนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน อดีตประธานกลุ่มคนรักทักษิณ ซึ่งร่วมชุมนุมอยู่ด้วยในคืนวันที่ 25 พ.ค. และเป็นผู้นำคณะมาแถลงข่าว

36 นักข่าวสภาร่วมลงชื่อแจ้งความ สน.ดุสิต

ขณะที่ นพ.เหวง ได้พยายามไกล่เกลี่ยกับสื่อมวลชน โดยรับปากว่าจะไปพูดคุยกับนายจรัลและนายสุชาติให้ พร้อมกับขอโทษผู้สื่อข่าว ที่เกิดปัญหากระทบกระทั่งขึ้น เรื่องนี้เรื่องเล็กขอกันกินมากกว่านี้ แต่ผู้สื่อข่าวตอบโต้ว่าอย่าใช้คำว่าขอกันกิน เพราะไม่มีนักข่าวคนไหน ไปขอ นปช.กิน นพ.เหวงจึงต้องเปลี่ยนไปใช้คำว่า ล่วงล้ำก้ำเกินกันบ้างก็ไม่เป็นไร และรับปากว่า หากผู้สื่อข่าวจะแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานว่า มีการถ่ายรูปผู้สื่อข่าวจริง ก็พร้อมจะเป็นพยานให้ จากนั้นตัวแทนคณะผู้สื่อข่าวรัฐสภาได้เข้าไปแจ้งกับนายนิสิตถึงพฤติกรรมการข่มขู่ผู้เสื่อข่าว ด้วยวาจาและการถ่ายภาพดังกล่าว และขอให้นายนิสิตรับรองว่า ถ้าจะมีการแจ้งความ นายนิสิตต้องเป็นพยานว่า เป็นคนพาคนเหล่านี้มาจริง ซึ่งนายนิสิตรับปากว่า พร้อมไปให้การกับตำรวจ จากนั้น ตัวแทนผู้สื่อข่าวที่ร่วมลงนามในหนังสือแจ้งความทั้งสิ้น 36 คน ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า นายสุชาติมีเจตนาจะคุกคามสื่อ

“เหลิม” เดินหน้าลุยแกนนำพันธมิตร

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ อีกครั้ง หลังจากพบกับนายอาวุธ ปรีชาวุฒิ ทนายความโจทก์ที่ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ข้อหาหมิ่นประมาท เจ้าหน้าที่ กรมป่าไม้ และศาลตัดสินจำคุกนายสนธิว่า การที่นายสนธิถูกศาลตัดสินจำคุก แต่ได้รับการประกันตัว ซึ่งต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่า นายสนธิจะต้องไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี หรือพูดจาพาดพิงหมิ่นประมาทใครอีก แต่ล่าสุดนายสนธิได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และกล่าวพาดพิงตน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนจึงเชิญทนายมารับข้อร้องเรียน และมอบบันทึกแจ้งความของตนที่ สน.แสมดำ พร้อมทั้งเทปบันทึกภาพ เพื่อให้ทนายความนำเรียนต่อศาลจังหวัดเชียงราย เพราะนายสนธิละเมิดข้อกำหนดของศาล ซึ่งอาจจะมีการถอนประกัน นายสนธิก็จะต้องถูกจำคุก อย่างไร ก็ตาม ไม่ได้ขู่และไม่ได้เป็นการต่อรองใดๆทั้งสิ้น

จ้องขอศาลถอนประกันชั่วคราว “สนธิ”

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปะทะม็อบต้านพันธมิตรฯว่า ไม่ได้เป็นฝีมือของกลุ่มมหาประชาชนอย่างแน่นอน กลุ่มพันธมิตรฯ ฉวยโอกาสอ้างสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญอย่างเหิมเกริม ใช้ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ดังนั้น จะมีประชาชนจำนวนไม่น้อย ทยอยไปแจ้งความร้องทุกข์จับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ที่ก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองและจากนี้ไป จะมอบ หมายให้คนไปสังเกตการณ์การชุมนุม เพื่อบันทึกภาพเก็บไว้อย่างต่อเนื่อง เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ อาศัยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งหนุนหลัง โดยขนคนมาร่วมชุมนุม หากต้องการทราบว่าเป็นใคร ให้ลองไปถามนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อาศัยช่วงระหว่างประกันตัวมาปลุกปั่นสร้างความเดือดร้อนกล่าวหาผู้อื่น ให้ได้รับความเสียหายนั้น ในเร็วๆนี้จะขอศาลให้ถอนประกันชั่วคราว นอกจากนี้ จะมีการยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง ขอให้ถอนการคุ้มครองชั่วคราวสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี เพราะพันธมิตรฯใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นด้วยเช่นกัน

นปช.บี้รัฐบาลจัดการพันธมิตร

นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชนและอดีต นปก.กล่าวว่าขณะนี้ทราบว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำลังดูสถานการณ์กันอยู่ว่า รัฐบาลจะจัดการในเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯอย่างไร หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับคนเหล่านี้ กลุ่ม นปช.อาจจะออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลด้วยก็ได้

กลุ่มชุมนุมนั่งๆนอนๆทั้งวันฟังปราศรัย

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ในช่วงกลางวันมีประชาชนหลายร้อยคนชุมนุมฟังการปราศรัยสลับกับการเล่นดนตรี ซึ่งมีขึ้นตลอดทั้งวัน แต่เนื่องจากสภาพอากาศตอนกลางวันร้อนจัด ส่วนใหญ่จึงยึดพื้นที่บริเวณใต้ต้นไม้และริมฟุตปาท เป็นที่หลบแดดและนอนพักผ่อนเอาแรง เพื่อจะร่วมกันเรียกร้องอีกครั้งในช่วงค่ำ ขณะที่แกนนำพันธมิตร อาทิ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้เดินตรวจตราความเรียบร้อย มีการนำเสื้อกันฝนจำนวน 3 พันตัวมาเดินแจกจ่าย เนื่องจากกลัวฝนจะตกในช่วงเย็น และมีการตั้งเต็นท์กองอำนวยการ เป็นจุดให้ผู้ร่วมชุมนุมได้ร่วมลงชื่อให้ครบ 2 หมื่นชื่อ เพื่อยื่นถอดถอน ส.ว.และ ส.ส. 164 คน ที่ลงชื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แจกไม้คันธงและหนังสติ๊กกลุ่มการ์ด

ในช่วงบ่ายแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ปรับสถานที่การชุมนุมให้มีความกว้างขวางและมีความสะดวกในการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น โดยเพิ่มลำโพงขยายเสียงให้ได้ยินครอบคลุมทุกพื้นที่ และนำจอโปรเจกเตอร์มาติดไว้หลายจุด ถ่ายทอดภาพบนเวทีปราศรัย ขณะเดียวกันได้มีการกำหนดจุดปะทะ หากกลุ่มต่อต้านมีการเคลื่อนขบวนมาปั่นป่วน โดยกำหนดจุดไว้ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก มีการนำแผงเหล็กมาขวางถนนตลอดแนว 2 ชั้น แล้วนำธงชาติและธงสีเหลืองมีข้อความอโหสิติดไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มการ์ดที่ทำหน้าที่รักษาความ ปลอดภัย ที่เรียกกันว่านักรบศรีวิชัย ได้มีการจัดเตรียมไม้คันธงและหนังสติ๊กไว้จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งระดมจัดหาหมวกกันน็อก แจกคนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ผู้ดำเนินรายการบนเวที ได้ประกาศยอดบริจาคซึ่งจะใช้เป็นทุนในการต่อสู้เรียกร้องว่า ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. มีผู้บริจาคเข้ามูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินกว่าสามล้านบาท และเข้าเอเอสทีวีกว่าหกล้านบาท

“จำลอง” ลั่นวาจารับประกันความปลอดภัย

ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยประกาศรับรองความปลอดภัยให้กับประชาชนที่พากันเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆว่า ได้มีการเตรียมรักษาความปลอดภัยไว้ในทุกจุดแล้ว ขอให้ทุกคนสบายใจว่าจะได้รับการดูแล แต่ทราบข่าวมาว่า ฝ่ายต่อต้านได้มีการเตรียมมอเตอร์ไซค์ไว้จำนวน 300 คัน เพื่อมาปั่นป่วนการชุมนุม ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้ว หากตำรวจไม่มาดูแลความปลอดภัย แล้วเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะฟ้องตำรวจตั้งแต่ระดับ บช.น. ลงมาให้รับผิดชอบ จากนั้นได้ขอให้ ผู้ชุมนุมทุกคนเข้ามานั่งในพื้นที่ที่จัดไว้บนถนนราชดำเนินตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยมีการใช้ลวดสลิงขึงไว้รอบด้าน เพื่อป้องกันการบุกเข้ามาปั่นป่วนการชุมนุม และใช้ รถยนต์ 2 คัน จอดปิดถนนเลนในสุด ด้านหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ปิดการจราจรไม่ให้รถวิ่งผ่านและป้องกันมือที่สาม ที่อาจจะแอบเข้ามาปั่นป่วน พร้อมขอให้แม่ค้าที่เข้ามาขายของงดขายแอลกอฮอล์ทุกชนิด

โจมตีกล่าวหา “สมัคร” เป็นหุ่นเชิด “ทักษิณ”

ช่วงค่ำมีคนเดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยหลายพันคน การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ บนเวทียังเน้นการปราศรัยสลับกับการเล่นดนตรี โดยเชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล่ ได้ขึ้นเวทีตีกลองพร้อมพูดคำกลอนเหน็บแนมรัฐบาล ขณะที่การปราศรัยบนเวทีเน้นโจมตีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก โดยเป้าหมายการโจมตีมุ่งไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิด

แถลงจุดมุ่งหมายของการมาชุมนุม

ต่อมาเวลา 19.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวว่า ศ.ระพี สาคริก ได้เขียนจดหมายแสดงความเป็นห่วงแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน พร้อมกับอ่านข้อความในจดหมายให้ฟัง จากนั้นกล่าวว่า อยากจะส่งสัญญาณไปถึง มท.1 ที่ออกมาพูดว่าการที่พันธมิตรถูกตีเพราะเคลื่อนย้ายขบวนนั้น เป็นคำพูดที่ไม่แสดงความรับผิดชอบ ในฐานะเสนาบดีที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เจตนาของคนต่อต้านพันธมิตรมีชัดเจน ส่อถึงพฤติการณ์ที่เป็นขบวนการของผู้มีอำนาจรัฐในมือ จุดมุ่งหมายของพันธมิตรคือต้องถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างจริงจัง เลิกคิดที่จะฟอกความผิดให้กับคนคนเดียว ให้กลับตัวกลับใจใหม่

“อานันท์” ชี้ม็อบถึงปะทะขั้นแตกหัก

วันเดียวกัน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาตลาดน้อย นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆว่าสังคมไทยขณะนี้เป็นจุดแบ่งแยกขั้วกันอย่างชัดเจนซึ่งแต่ละขั้วมีจุดยืนที่เข้มแข็ง หนักแน่น สังคมที่มีความแตกแยก มีโอกาสที่จะพัฒนาไปถึงความแตกหัก สิ่งที่กังวลคือการมีความรุนแรง อาจถึงขั้นแตกหัก ส่วนปัญหารัฐธรรมนูญนั้น ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 40 นั้นเห็นว่าก็ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่ดีเลิศ ใช้มา 7-8 ปี มีข้อบกพร่องก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ วิธีการแก้ไขก็ต้องมีเหตุผล ตนไม่มีอคติกับรัฐบาลชุดนี้ รักรัฐบาลชุดนี้และให้โอกาสให้ความเป็นธรรม แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตอบให้ได้ว่าทำไมต้องแก้ไขเร่งด่วน มีอุปสรรคในการบริหารงานราชการแผ่นดินตรงไหน ถ้าบอกมาแล้วสมเหตุสมผล ก็แก้ไขไปเลย

ประกาศสู้ตาต่อตาฟันต่อฟัน

ต่อมาเวลา 21.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา ขึ้นกล่าวบนเวที นายสนธิกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาแกนนำทั้ง 5 คนได้ประชุมถึงการเดินทางไปยื่นจดหมายถึงประธานรัฐสภาว่า ถ้าภารกิจเสร็จสิ้นจะแยกย้ายกลับ แต่ขณะเคลื่อนขบวนได้ถูกกลุ่มที่คัดค้านมาไล่ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บและถูกตำรวจสกัดไว้ จนต้องปักหลักชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ แกนนำได้ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ เพราะเป็นห่วงประชาชนอาจจะมีอันตราย ในช่วงเช้าจึงได้ขอมติจากที่ชุมนุมว่า จะอยู่ต่อสู้กันต่อหรือไม่ และทุกคนเห็นเป็นในทางเดียวกันว่าจะเดินหน้าสู้ต่อไปจนถึงที่สุด และจะเป็นการต่อสู้ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน หากถูกตี 1 ครั้ง จะถูกตีกลับ 2 ครั้ง หากการต่อสู้ไม่สำเร็จจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด

ท้ากลุ่มต่อต้านไปท่าพระอาทิตย์

นอกจากนี้ นายสนธิยังได้กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอยู่ที่สนามหลวงจะเดินทางมายื่นหนังสือขอให้ยุติการชุมนุมและปิดเวที หากไม่ปฏิบัติ ตาม กลุ่มต่อต้านจะไปปิดถนนพระอาทิตย์ว่า คนพวกนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตา หากมาจริงขอให้ฝากหนังสือไว้กับยามหรือ รปภ.ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยไว้ หากคนกลุ่มนี้จะไปปิดสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการขอให้ไปเลย จะได้ รู้ว่าของจริงมันเป็นอย่างไร ขอยืนยันว่าเวทีแห่งนี้จะไม่ย้ายไปไหน จนกว่าข้อเรียกร้องจะประสบความสำเร็จ

 

ที่มา ไทยรัฐ

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1058

แสดงความคิดเห็น โดย ตนข่าว IP: Hide ip , วันที่ 27 พ.ค. 51 เวลา 10:34:55
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี