| • คตส.ลั่นแตกหัก! ซัดผบ.ตร. มีมติไม่ไปตามหมายเรียก |
|
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 10 มิ.ย. 51 เวลา 11:21:23 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คตส.ประกาศแตกหักสำนักงานตรำวจแห่งชาติ มีมติยืนยันไม่ไปมอบตัวตามที่กองปราบปรามออกหมายเรียก สอนมวย ผบ.ตร.ให้ไปกำชับลูกน้องว่า เป็นการดูดูหมิ่น 'แก้วสรร'ปาดน้ำตาซาบซึ้งพันธมิตรฯนับพันแห้ให้กำลังใจ 'เหลิม'ถล่มซ้ำอย่าทำเป็นเล่นละคร สร้างเรื่องใหญ่โต
ความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ออกหมายเรียกกรรมการ คตส. 12 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหาแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท และข้อหาแจ้งความเพื่อให้ผู้อื่นต้องได้รับโทษทางอาญา ตามที่นายยงยุทธ รักษ์หิรัญ ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท กฎหมายนิติเอกราช จำกัด แจ้งความดำเนินคดีกับ คตส.นั้น หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ป.ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และนัดให้ คตส.เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มิถุนายน นั้น
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แถลงเมื่อบ่ายวันที่ 9 มิถุนายนว่า ที่ประชุม คตส.มีมติเห็นชอบให้ส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรื่องขอให้พิจารณาตรวจสอบ ดูแล ให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมแนบหลักการใช้กฎหมายตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่เกี่ยวกับความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ฐานหมิ่นประมาท และฐานแจ้งความเท็จให้พิจารณา
นายสักกล่าวว่า คตส.เห็นว่า การที่พนักงานสอบสวน กองปราบฯ มีหมายเรียกคณะกรรมการ คตส.ทั้ง 11 คน ทั้งสองครั้ง ถือเป็นการกระทำที่ดูหมิ่น คตส. ดังนั้น ผบ.ตร.ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องตรวจสอบ ดูแลและแก้ไขผู้ใต้บังคับบัญชาให้การดำเนินงานของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามกฎหมายอย่างเสมอภาค สุจริต เที่ยงธรรม
'อยากให้ ผบ.ตร.พิจารณาว่า สิ่งที่พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามกำลังดำเนินการ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ชอบธรรมตามกฎหมายหรือไม่ และ คตส.ต้องถือว่า การกระทำต่อจากนี้อยู่ในความรู้เห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและอยู่ในความรู้เห็นของ ผบ.ตร.ด้วย' นายสักกล่าว
โฆษก คตส.กล่าวว่า ในวันที่ 10 มิถุนายน จะไม่เดินทางไปตามหมายเรียก เพราะหนังสือที่ส่งไปยัง ผบ.ตร.และศาล น่าจะแจ้งเหตุผลได้ทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าคำพิพากษาศาลฎีกาที่แนบไปน่าจะเป็นประโยชน์ในการซักค้านในชั้นศาลได้
นายสักกล่าวถึงความคืบหน้ากรณี คตส.ฟ้องหมิ่นประมาทสำนักงานกฎหมาย ซึ่งเป็นทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้าจากพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามว่า มีการสอบพยานและออกหมายเรียกในคดีดังกล่าวแล้วหรือไม่ ส่วนที่กองปราบปรามยืนยันจะออกหมายจับหาก คตส.ไม่ให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าจะขอไปสู้กันในชั้นศาล เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันให้ชัดเจน
แหล่งข่าวจาก คตส.รายงานว่า จากการติดตามความคืบหน้าคดีที่ คตส.ฟ้องหมิ่นประมาทกับสำนักงานกฎหมายดังกล่าวพบว่า กองปราบฯสั่งไม่ฟ้องคดีทั้งหมดที่ คตส.แจ้งความไป คตส.จึงเห็นว่า การกระทำของกองปราบฯขัดและผิดกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อทาง คตส.สอบถามถึงเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้อง กลับอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยได้
'จากนี้ไป คตส.คงจะต้องหาทางฟ้องเอาเอง เพราะไม่สามารถพึ่งพาตำรวจได้แล้ว เห็นได้จากการที่ คตส.เป็นผู้เสียหายจากการถูกหมิ่นประมาทและมีสิทธิที่จะรู้ถึงเหตุผลต่างๆ แต่กลับได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ เราก็ไม่ทราบว่าทำไมกองปราบฯ จึงปิดบังข้อมูล จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีใครสั่งให้ไม่ดำเนินการหรือไม่ การกระทำแบบนี้เหมือนแกล้งกันชัดๆ' แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.บก.ป.กล่าวว่า หากกรรมการ คตส.ยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาหนังสือที่ คตส.ชี้แจงมาอีกครั้งว่า มีเหตุผลอย่างไร จากนั้นจะประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ดำเนินคดีนี้ตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ไม่มีใบสั่งจากใคร และไม่อยากให้การดำเนินคดีครั้งนี้ถูกนำไปโยงกับประเด็นทางการเมือง
เวลาประมาณ 13.00 น. วันเดียวกัน ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กว่า 2,000 คน นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร เดินทางด้วยรถบรรทุก และบางส่วนเดินเท้าจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้กำลังใจ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 150 นาย กระจายกำลังบริเวณโดยรอบ สตง.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่รถบรรทุกจอดบริเวณหน้า สตง.นายสุริยะใสได้อ่านคำประกาศพันธมิตรฯ เรื่อง 'คตส. : สัญลักษณ์ของการยืนหยัดต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์' โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ที่ คตส.ตรวจสอบการโกงชาติโกงแผ่นดินจากโครงการต่างๆ ภายใต้เวลาจำกัด ซึ่งพบอย่างน้อย 16 เรื่อง คิดเป็นวงเงินความเสียหายของรัฐกว่า 1.8 แสนล้านบาท ยืนยันได้ว่าข้อกล่าวหาของพันธมิตรฯเป็นเรื่องจริง แต่การที่นำคดีขึ้นสู่ศาลได้เพียง 2 คดี เนื่องจากมีพวกระบอบทักษิณฉุดรั้งไว้ จึงขอเป็นกำลังใจให้ คตส.ต่อสู้ต่อไป ไม่ว่าจะ คตส.จะถูกข่มขู่คุกคามจากอำนาจมืด อำนาจเหลี่ยม หรือจะถูกกลั่นแกล้งด้วยการออกหมายเรียกเพื่อจับกุม คตส. พันธมิตรจะอยู่เคียงข้างกับ คตส.
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ตะโกนว่า 'ทักษิณติดคุก สมัครออกไป เฉลิมออกไป คตส.สู้ๆ'
เวลาประมาณ 13.25 น. คณะกรรมการ คตส.ทั้ง 11 คน นำโดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ลงมาจากอาคาร สตง.เพื่อพบปะกับกลุ่มผู้ชุมนุมและรับมอบดอกไม้ โดยนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส.เป็นตัวแทน คตส.กล่าวขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุม และระบุว่า คตส.ไม่เคยขอต่ออายุการทำงานของตัวเอง ทุกคนที่ทำงานมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ขณะนี้กรรมการ คตส.แต่ละคนถูกฟ้องคนละไม่น้อยกว่าสิบคดี คิดเป็นวงเงินนับหมื่นนับแสนล้านบาท ยืนยันว่ คตส.สู้เพื่อความถูกต้อง ขอร้องให้ข้าราชการทำงานเพื่อแผ่นดิน และลุกขึ้นมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต
ขณะที่นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.ถึงกับปาดน้ำตาซาบซึ้งที่กลุ่มพันธมิตรมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.และกรรมการ คตส.กล่าวว่า ตอนแรกคาดว่าจะมาประมาณ 300 คน จึงทุบกระปุกซื้อน้ำและขนมเตรียมไว้รับรองแค่ 300 ชุด แต่มากันมากมายเกินคาด อาจจะรับรองได้ไม่พอ ส่วนกรณีเงินที่บริจาคให้กับกลุ่มพันธมิตร 1 แสนบาท ยืนยันว่าเป็นเงินที่ประชาชนฝากมาบริจาค ไม่น่าจะมีความผิด
คุณหญิงจารุวรรณกล่าวว่า ส่วนการโจมตีเรื่องบ้านของตนมูลค่ากว่า 12 ล้านบาทนั้น เป็นทรัพย์สินที่ได้มาก่อนแต่งงาน มีโฉนดที่ดินอย่างถูกต้องพร้อมให้ตรวจสอบ ส่วนการจ้างลูกชายมาทำงานก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเพราะต้องการบุคคลที่ไว้วางใจได้มาร่วมงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่คุณหญิงจารุวรรณกล่าวขอบคุณผู้ชุมนุม มีเสียงฟ้าร้อง 2 ครั้ง จากนั้นนายสมศักดิ์หยิบไมค์ขึ้นมาพูดว่า 'สวรรค์ยังรับรู้ ฟ้าเป็นพยาน ว่า บ้านเมืองนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง ความดีย่อมอยู่คู่แผ่นดินนี้ คนโกงบ้านเมืองต้องฉิบหายวายวอด ตามกฎแห่งกรรม...'
ขณะที่ผู้ชุมนุมก็ส่งเสียงเฮกึกก้องไปทั่ว สตง.
คุณหญิงจารุวรรณชี้แจงเพิ่มเติมถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวโจมตีว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธมิตร โดยบริจาคเงิน 1 แสนบาทให้กลุ่มพันธมิตรว่า ยอมรับว่ามีคนฝากเงินจำนวนดังกล่าวผ่านตนจริง เพราะไม่สะดวกที่จะบริจาคด้วยตนเอง ตนจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปบริจาคแทน เรื่องนี้ผิดกฎหมายอย่างไรไม่ทราบ และไม่ใช่เงินส่วนตัวด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มติดตามปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่น เครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ ระบุว่าร่ำรวยผิดปกติโดยสร้างบ้านบนที่ดินกล่า 12 ล้านบาท คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เพราะที่ดินผืนดังกล่าวได้มาตั้งแต่สามียังไม่ขอ โดยมีโฉนดที่ดินอย่างชัดเจน และขณะนี้โฉนดดังกล่าวยังติดจำนองอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เนื่องเอาไปจำนองกู้เงินเพื่อสร้างบ้าน คนที่ทำงานราชการมากว่า 40 ปี จะไม่ให้มีเงินเก็บบ้างเลยหรืออย่างไร แต่บ้านที่อยู่กู้เงินมาสร้าง โดยธนาคารจะให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษแต่ไม่รับ เพราะอยากให้ดำเนินการเหมือนลูกค้ารายอื่น
“ที่บ้านดิฉันก็ไม่ได้มีฐานะยากจน และไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ ใครจะเอาไปฟ้อง ป.ป.ช.ก็ไป ดิฉันพร้อมที่จะไปชี้แจงให้ข้อมูล เพราะมันไม่มีอะไร ที่ผ่านมาเคยมีคนหิ้วเงินมาให้ตั้ง 100 ล้านบาท ดิฉันยังไม่รับ ซึ่งใครๆ ก็หาว่าดิฉันโง่ ไม่ใช่แค่มารับเงินแค่ 3-4 หมื่น” คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า เอาลูกชายมาเป็นเลขาส่วนตัวนั้น คุรหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ทำไมต้องมาตรวจสอบแต่ตนคนเดียว เพราะคนอื่นๆ ก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีต สนช.ที่ให้ลูกสาวมาเป็นเลขาฯ รวมถึงนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก็ให้น้องภรรยามาเป็นเลขาเช่นเดียวกัน ซึ่งตำแหน่งนี้ก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ การให้โอกาสคนที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตผิดด้วยหรือ ซึ่งลูกชายก็ไม่ได้ตกงานแต่อย่างใด เป็นถึงวิศกร
ที่มาจากหนังสือพิมพ์มติชน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1203 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 10 มิ.ย. 51
เวลา 11:21:23
|
