ลิงก์ผู้สนับสนุน

 
 
         ลุ้นศาลฎีกาฯ ตัดสิน "แม้ว-อ้อ" คดีที่ดินรัชดาฯ 21 ตุลาคมนี้ ศาลห้ามกองเชียร์สองฝ่ายแสดงกิริยาไม่เรียบร้อย ขัดขวางการพิพากษา ขู่ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตำรวจวางกำลัง 300 นายคุมเข้ม

         ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีการทุจริตจัดซื้อที่ดิน ถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2551 เวลา 14.00 น. โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลย หลังจากที่ศาลฎีกาเคยนัดฟังคำพิพากษามาแล้วเมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน 2551 แต่ได้เลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่มาปรากฏตัวต่อศาล หลบหนีไปอยู่ประเทศอังกฤษ 

         การอ่านคำพิพากษาดังกล่าว มีการคาดการณ์ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมายังศาลฎีกาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังอาจมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เดินทางไปฟังคำพิพากษา เกรงว่าอาจทำให้สองฝ่ายเกิดการเผชิญหน้าและปะทะกันขึ้นได้ จนทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งศาลฎีกาและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกมาวางมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัย 

         ทั้งนี้ ในการฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ทำหนังสือถึงสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการเข้าฟังคำพิพากษาด้วย ว่าตามที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนและอาจมีประชาชนมาฟังการพิจารณาพิพากษาคดีเป็นจำนวนมาก ศาลฎีกาได้มีระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อยในศาลหรือบริเวณศาลและการเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2544 ซึ่งวางข้อกำหนดการเข้ามาในศาลหรือบริเวณศาลเพื่อรักษาความเรียบร้อยไว้ โดยมีสาระสำคัญดังนี้

         เรื่องการเข้ามาในศาล มีกำหนดไว้ในข้อที่ 4 ว่า บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในศาลหรือบริเวณศาลหรือห้องพิจารณาคดี ต้องแต่งกายให้สุภาพและประพฤติตนให้เรียบร้อย ห้ามส่งเสียงดัง เสพสุรา และของมึนเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ หรือกระทำการอื่นใดอันก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในศาลหรือบริเวณศาล ข้อ 5 ห้ามนำอาวุธทุกชนิดเข้ามาในบริเวณศาล ถ้ามีอาวุธติดตัวมาจะต้องเก็บหรือฝากไว้เสียก่อนที่จะเข้ามาในศาล เว้นแต่เจ้าพนักงานตำรวจที่ได้รับอนุญาตจากศาล ข้อ 6 บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ข้าราชการตุลาการหรือเจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาฯ เมื่อมาติดต่อราชการและหมดภารกิจที่ต้องปฏิบัติแล้ว ให้ออกไปจากศาลหรือบริเวณศาล 

         ส่วนเรื่องการเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาล มีกำหนดไว้ในข้อ 8 ว่า ผู้ที่ประสงค์จะเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวข้าราชการหรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ มาแลกบัตรเข้าฟังการพิจารณาคดีที่แผนกประชาสัมพันธ์ของศาล ข้อ 9 ห้ามผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลแสดงกิริยาไม่เรียบร้อยหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนหรือขัดขวางการพิจารณาคดีของศาล ทั้งต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ศาลโดยเคร่งครัดด้วย

         ศาลขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปที่จะเข้าฟังการพิจารณาพิพากษาคดีให้ทราบโดยทั่วกัน และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวโดยเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมาย

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนที่พิจารณาคดีนี้ ได้แก่ นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายสมชาย พงษธา ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายวัฒนชัย โชติชูตระกูล รองประธานศาลฎีกา นายประพันธ์ ทรัพย์แสง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายเกรียงชัย จึงจตุรพิธ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นายพิชิต คำแฝง รองประธานศาลฎีกา และนายธีระวัฒน์ ภัทรานวัช รองประธานศาลฎีกา

         ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโม รอง ผบช.น. กล่าวว่า ได้จัดกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน และตำรวจท้องที่จำนวน 2 กองร้อย 300 นาย ดูแลความสงบบริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และพร้อมดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เน้นการป้องกันผู้ชุมนุมไม่ให้ก่อความวุ่นวาย และกันไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน เชื่อว่าสถานการณ์คงไม่รุนแรง ตำรวจสามารถรับมือได้แน่นอน อีกทั้งศาลเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่ต้องห้าม ที่ประชาชนต้องให้ความเคารพอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
		VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV