หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ เครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวการเมือง
เว็บบอร์ด » ข่าวการเมือง
รายละเอียดของห้อง : ข่าวการเมือง ประเด็นร้อนน่าจับตา ตนเหนือเราต้องมีส่วนร่วม
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
แถลงนโยบาย ข้างเดียว โดยไร้ฝ่ายค้าน

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
แถลงนโยบาย ข้างเดียว โดยไร้ฝ่ายค้าน
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 31 ธ.ค. 51 เวลา 09:11:07 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ได้ยกขบวนไปชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา  เพื่อ ขัดขวางรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ให้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภา จนต้องเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายจากรัฐสภาไปเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา และจัดการแถลงนโยบายอย่างทุลักทุเลนั้น

 

ตำรวจขอร้อง นปช.ให้เปิดทาง

 

สำหรับ บรรยากาศการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ที่ยังคงปักหลักชุมนุม อยู่ที่หน้ารัฐสภาเป็นวันที่สองนั้น ตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. พร้อมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่ง ได้เดินทางมาเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เพื่อขอให้เปิดเส้นทางด้านประตูปราสาทเทวริทธิ์  ให้ นายกรัฐมนตรี ส.ส.และ ส.ว.เดินทางเข้าอาคารรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบาย แต่กลับถูกปฏิเสธจากแกนนำ นปช. และยืนยันในจุดเดิมคือ หากจะเข้ามาจะต้องเดินเท้าเข้ามาเท่านั้น ซึ่งรอง ผบช.น. ได้กล่าวกลับว่า หากไม่ยินยอมจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักดันเปิดทางให้นายกฯ ส.ส.และ ส.ว.เข้ามาได้ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังผลักดันถึง 4 รอบ และเจรจาอีก 3 รอบ แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด แกนนำ นปช.ได้ประกาศอย่างต่อเนื่อง  ให้ ผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิงให้มายืนอยู่แถวหน้าประตูปราสาทเทวริทธิ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผลักดันออกมาได้ แต่เจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนจากตำรวจชายเป็นตำรวจหญิงมาประจันหน้าแทน อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมได้ประกาศให้ผู้ชายเข้ามาประจันหน้ากับตำรวจหญิง  ซึ่งตำรวจก็ได้เปลี่ยนจากตำรวจหญิงเป็นตำรวจชายเข้าประจันหน้าแทนเช่นกัน

 

ม็อบขวางไม่ให้เปิดประตูรัฐสภา

 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักปราศรัยอยู่ด้านนอกประตูอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหล่าแกนนำ นปช. ประกอบด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข ขึ้นปราศรัยอยู่บนรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัย พร้อมกับประกาศให้ผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์มายืนต่อแถวหน้ากระดานด้านประตู ปราสาทเทวริทธิ์  โดยหากตำรวจผลักดันออกมาให้ใช้หัว ไหล่ดันกลับไป อย่าให้ตำรวจเปิด ประตูออกมาโดยเด็ดขาด และประกาศให้ผู้ชุมนุมโทรศัพท์ เรียกให้ นปช.ที่อยู่บ้านให้มารวมตัวที่รัฐสภาโดยด่วน เพราะไม่แน่ใจในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน มานั่งรออยู่ริมฟุตปาทด้านประตูปราสาทเทวริทธิ์ เพื่อเข้าร่วมแถลงนโยบาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยได้ตั้งด่านปิดกั้นเส้นทางเข้าสู่รัฐสภา อาทิ แยกถนนพิชัยตัดถนนราชวิถี แยกการเรือน รวมทั้งบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเดินทางเข้ามาสมทบ

 

ย้ายไปประชุมกระทรวงต่างประเทศ

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.45 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ถึงแผนการเดินทางเข้าไปแถลงนโยบายที่ รัฐสภา กระทั่งเวลาประมาณ 08.25 น. นายกฯและสมาชิกพรรคบางส่วนได้เดินทางออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยรถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 14 คัน มุ่งหน้าเข้าสู่รัฐสภา แต่ปรากฏว่าได้มีการเปลี่ยนเส้นทางไปยังสโมสรกองทัพบกเก่า ถนนเทเวศร์ ในเวลา 09.30 น. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เข้าหารือ ก่อนออกเดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลา 09.30 น. เพื่อแถลงนโยบาย โดยมีสารวัตรทหารร่วมนำขบวนมายังกระทรวงการต่างประเทศด้วย สำหรับเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายมาเป็นห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา

 

ชทพ.ไม่ให้อภิปรายนโยบายรัฐบาล

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของ ส.ส.ของพรรคชาติไทย พัฒนานั้น เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รอง นายกรัฐมนตรี และนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้มารวมตัวกันที่พรรคชาติไทยเดิม ริมถนน สุโขทัย เพื่อประชุมหารือกับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา คอยติดตาม และประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ซึ่งที่ประชุม มีมติว่าจะไม่เปิดให้มีการอภิปรายนโยบายใดๆอีก  เพราะถือว่ากรอบการร่างนโยบายได้ผ่านการพิจารณามาดีแล้ว จนกระทั่งเวลา  09.00  น.  แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาก็ได้รับประสานจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า จะสามารถแถลงนโยบายได้ในวันที่  30  ธ.ค.นี้แน่นอน ขณะที่ทางตำรวจได้เตรียมรถตู้จำนวน 2 คัน มารับ ส.ส. และ ครม.ของพรรคชาติไทยพัฒนาทั้งหมด ออกจากพรรค ชาติไทยมายังกระทรวงการต่างประเทศด้วย

 

ส.ส.-ส.ว.ลงชื่อเข้าประชุม 10 คน

 

ผู้ สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า แกนนำ นปช. และ คนเสื้อแดงที่ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ได้ผลัดกันขึ้นเวทีการ อภิปรายโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่วนภายในบริเวณรัฐสภาก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรักษา ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดทางให้บรรดาข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สมาชิกรัฐสภาบางส่วน  และสื่อมวลชน  สามารถเดินเข้า-ออกได้ทางประตูเล็กด้านถนนอู่ทองใน โดยต้องแสดงบัตรประจำตัว กระทั่งเวลา  07.15  น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า  1,000  นาย พยายามผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขวางประตูปราสาทเทวริทธิ์ เพื่อเปิดเส้นทางให้สมาชิกเข้ามาประชุมหลายครั้ง  แต่ ไม่สำเร็จ ต่อมาเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่รัฐสภาได้กดออดเรียกประชุม ปรากฏว่าบนจอโทรทัศน์วงจรปิดของรัฐสภา มีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมเพียง  10  คน  จากนั้นมีรายงานข่าวว่า  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี ได้เสนอขอย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบาย ไปที่กระทรวงการต่างประเทศ  ถนนศรีอยุธยา

 

ส.ว.ยันขอประชุมที่รัฐสภา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสมาชิกรัฐสภาที่เดินทาง เข้ามายังรัฐสภาประมาณ 10 คน อาทิ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงษ์ ส.ว.มุกดาหาร  นายบวรศักดิ์  คณาเสน  ส. ว.อำนาจเจริญ พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา ขณะที่สมาชิกวุฒิสภา โดยนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้สั่งการ ให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดไปรวมตัวกันที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมรัฐสภา พร้อมกับให้เซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมด้วย

 

พ. ต.อ.สนธยากล่าวว่า ยืนยันที่จะประชุมที่รัฐสภาเพียงอย่างเดียวหากไปประชุมที่อื่นจะขัดรัฐ ธรรมนูญ ส่วน ส.ว.คนอื่นจะไปร่วมประชุมที่อื่นเป็นสิทธิส่วนบุคคล อย่างไร ก็ตาม ตนสามารถเดินเข้าสภาได้อย่างสะดวกสบายม็อบ ไม่ได้ขัดขวางใดๆเลย

 

รองประธานวุฒิฯขน ส.ว.ร่วมประชุม

 

ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิ ได้นำ ส.ว.ประมาณ 30 คน ซึ่งมีทั้ง ส.ว.เลือกตั้งและ ส.ว.สรรหาเดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศด้วยรถตู้และรถส่วนตัว โดยนายนิคมให้สัมภาษณ์ว่า  ในส่วนของสมาชิกวุฒิสภายืนยันว่าจะเข้าร่วมประชุมเกิน  70  คนขึ้นไป มั่นใจว่าจะครบองค์ประชุมแม้ฝ่ายค้านจะไม่มาร่วมประชุมก็ตาม ทั้งนี้ กลุ่ม ส.ว.บางส่วนได้รวมตัวกันตั้งแต่เวลา  07.00 น. ที่อาคารสุขประพฤติ ขณะที่ยังมีบางส่วนยังติดค้างอยู่ที่รัฐสภาและจะทยอยเดินทางมาร่วมประชุมด้วย

 

ใช้ห้องวิเทศสโมสรแถลงนโยบาย

 

เวลา 10.20 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมตัว  เพราะ ว่าขณะนี้ทราบว่า นายกฯ จะใช้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่แถลงนโยบายของรัฐบาล ไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์รังเกียจรัฐสภาหรืออย่างไร ทางกลุ่ม นปช.จะนำกำลังส่วนหนึ่งไปที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ เป็นแกนนำ นปช.นำขบวนไป นายอภิสิทธิ์จะหนีไปไหนได้ เพราะขณะนี้เรารู้ทะเบียนรถตู้แล้ว จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำกำลังส่วนหนึ่งขึ้นรถปิกอัพจำนวน 3 คัน เพื่อเดินทางไปที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่กลุ่ม นปช.ได้ทราบการเปลี่ยนแปลงสถานที่  ก็ได้มีการกระจายกำลังมายังหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา โดยกลุ่ม แรกประมาณ 100 คน เดินทางมาถึงในเวลา 10.30 น. และคงทยอยเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ส.ส.และ ส.ว.ก็เริ่มทยอยกันมายังห้องประชุมวิเทศสโมสร ชั้นล่าง ซึ่งสามารถจุผู้เข้าประชุมได้ประมาณ 500 คน โดยกระทรวงการต่างประเทศมักใช้ห้องดังกล่าวจัดงานเลี้ยงสำคัญๆ และการประชุมระดับนานาชาติ

 

เพื่อไทยอ้างเตรียมจัดฉากย้ายที่ประชุม

 

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมาที่พรรค  เพื่อหารือถึงท่าทีการเข้าร่วมประชุมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยมี  ส.ส.เข้าร่วมหารืออย่างคับคั่ง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายวิทยา บุรณศิริ นายสามารถ แก้วมีชัย เป็นต้น ต่อมาเวลา 10.00 น. ภายหลังจากที่ได้รับข้อความจากรัฐสภา ขอย้ายสถานที่แถลงนโยบายรัฐบาลไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ในเวลา 11.00 น. ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยต่างแสดง ความไม่พอใจกันอย่างมาก พร้อมแถลงข่าวตอบโต้ทันที

 

นายประเกียรติ  นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง  ได้ พบกับอดีตประธานวุฒิสภามาร่วมกินข้าวกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย โดยมีการหารือกันว่าจะให้ตำรวจกับฝ่ายรัฐบาล  บุกเข้าทลายแนวกั้นของกลุ่มคนเสื้อแดง  ให้ เกิดการปะทะกัน แล้วจะนำเหตุการณ์ดังกล่าวไปแจ้งความว่า มีการขัดขวางจนไม่สามารถเข้าประชุมแถลงนโยบายได้ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้เกิดความชอบธรรม  ขอเลื่อนการแถลงนโยบายออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ นอกจากนี้  ทราบ ว่ามี ส.ว.กลุ่มหนึ่งไปลงชื่อเข้าประชุมล่วงหน้า ที่อาคารสุขประพฤติแล้วนำมายื่นต่อที่ประชุม ไม่ได้ลงชื่อที่สภาฯ ถือว่าไม่ถูกต้อง

 

บอยคอตไม่เข้าร่วมแถลงนโยบาย

 

นาย สามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาฯ กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติไม่เข้าร่วมประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นการทำผิดข้อบังคับการประชุมของสภาฯข้อที่ 3 ปี 2551 อย่างชัดเจนที่ระบุว่าการย้ายสถานที่ประชุม ต้องมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุม โดยจะต้องเรียกประชุมที่สภาฯเพื่อขอยกเว้นการใช้ข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่ง แต่กรณีนี้เป็นการใช้ดุลพินิจส่วนตัวของนายชัยคนเดียว จึงไม่ชอบตามข้อบังคับของสภาฯ ฝ่ายค้านจึงไม่ไปร่วมสังฆกรรม ที่ผ่านมาสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล เคยขอย้ายสถานที่ประชุมแถลงนโยบายในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ พรรคประชาธิปัตย์ตอบโต้ว่า การยกเว้นข้อบังคับการประชุมไม่ใช่อำนาจของประธานสภาฯ ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าสิ่งใดที่อดีตฝ่ายค้านเห็นว่าทำไม่ได้พอเป็น รัฐบาลกลับมาทำเอง หากยังดื้อดึงแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศต่อไปจะเป็นโมฆะ

 

อัด “ชัย” ดันทุรังเดินหน้าทำผิด

 

พ. อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อบังคับการประชุมสภาระบุชัดเจนว่า การประชุมรัฐสภาต้องทำภายในอาณาบริเวณรัฐสภาเท่านั้นดังนั้น การย้ายสถานที่ประชุมจึงไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุม ทำให้มติใดๆออกมาต้องเป็นโมฆะ ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมีการประชุมสภานอกอาคารรัฐสภา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการทำความเสื่อมเสียแก่สภานิติบัญญัติ ที่ผ่านมาประธานรัฐสภาเคยระบุเองว่า หากไปดำเนินการประชุมที่อื่น โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ประธานรัฐสภารู้ว่าทำไปก็ขัดต่อข้อบังคับการประชุมแต่ก็ยังทำ นอกจากนี้ ได้ โทรศัพท์หารือกับผู้ใหญ่ระดับสูงของสภาฯ เพื่อหารือถึงเรื่องการย้ายสถานที่ประชุม ซึ่งผู้ใหญ่คนดังกล่าวเห็นว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะต้องยกเว้นการใช้ข้อบังคับก่อน แต่เมื่อประธานรัฐสภาสั่งมาเช่นนั้นก็ต้องปฏิบัติตาม จึงเป็นการใช้อำนาจบีบบังคับเจ้าหน้าที่รัฐสภา ให้ กระทำการขัดต่อระเบียบข้อบังคับอย่างชัดเจน หลังจากนี้จะมอบให้นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมเอกสารส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

 

เดินหน้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.10 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้สั่งเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อรับทราบการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยก่อนเปิดประชุม นายชัยได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีสมาชิกร่วมลงชื่อแล้วจำนวน 310 คน ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง และได้ชี้แจงถึงการย้ายสถานที่มาประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศว่าถือเป็น เหตุสุดวิสัย จึงต้องขอมติจากที่ประชุมว่า จะอนุญาตให้ย้ายสถานที่หรือไม่ ซึ่งในที่ประชุมไม่มีใครคัดค้าน จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมทันที โดยนายชัยได้ให้นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เริ่มการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น.

 

นำสังคมไทยกลับสู่ความสามัคคี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นแถลงนโยบาย 8 ข้อสำคัญ ที่มีเนื้อหาจำนวน 36 หน้า โดยนายอภิสิทธิ์แถลงว่า ครม.ได้ กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ครอบคลุมแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในหมวด 5 จึงขอแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อดำเนินการนำสังคมไทยกลับคืนสู่ความสมัครสมานสามัคคีเอื้ออาทร ให้คนไทยมีความสุขถ้วนหน้าและนำประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งสำคัญ เพื่อการพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐบาลได้เข้าบริหารประเทศในช่วงที่สังคมมีความขัดแย้งแตกแยกทั้งด้านการ เมือง มีความขัดแย้งในกลุ่มประชาชนจนส่งผลให้การบริหารบ้านเมืองที่ผ่านมาขาดความ ก้าวหน้าในการบริหารประเทศในเรื่องต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวเป็นความขัดแย้งของประเทศ

 

2552 เศรษฐกิจเข้าภาวะถดถอย

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจโลกทั้งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเร็วกว่าที่คิด ซึ่งในปี 2552 เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวเพียงเล็กน้อยซึ่งประเทศไทยจะต้องเผชิญ กับการชะลอตัวของการส่งออก การลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การชะลอการลงทุนของภาคเอกชน มีแนวโน้มคนว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 5 แสน เป็น 1 ล้านคน หากความขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้รับการแก้ไข จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย รัฐบาลถือเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งที่จะต้องนำประเทศไทยให้รอดพ้นจากวิกฤติ เศรษฐกิจโลก แก้ไขวิกฤติความแตกแยกในสังคม ยุติวิกฤติการเมือง และปฏิรูปการเมืองให้มีความมั่นคง โดยจะดำเนินการภายใต้แนวทางพื้นฐานหลัก 4 ประการคือ ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความปรองดองสมานฉันท์บนพื้นฐานความถูกต้องยุติธรรมและการยอมรับจากทุก ภาคส่วน ฟื้นฟูและบรรเทาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนจะประสบ และพัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมืองให้มีความมั่นคง ปฏิบัติตามกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสากล

 

เร่งสร้างความเชื่อมั่นกระตุ้น ศก.

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า 1. นโยบาย เร่งด่วนซึ่งจะดำเนินการในปีแรกคือ การสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชนและเอกชนในการลงทุนและการบริโภค การรักษาและเพิ่มรายได้ของประชาชน โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ชะลอการเลิกจ้างเพื่อป้องกันปัญหาการว่างงาน การลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จัดตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจและคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (ก.ร.อ.) 2. นโยบายความมั่นคงของรัฐ ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 3. นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะนโยบายด้านการศึกษาที่จะต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี นโยบายด้านแรงงาน นโยบายด้านสาธารณสุข นโยบายศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นโยบายสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนโยบายการกีฬาและนันทนาการ

 

พัฒนาโครงสร้างยกระดับคุณภาพ

 

นายกฯกล่าวต่อว่า 4. นโยบาย เศรษฐกิจ แบ่งเป็นนโยบายการบริหารเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งจะสนับสนุนให้ เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างความมั่นคงของสถาบันการเงิน พัฒนาตลาดทุน และระบบสถาบันการเงินให้เข้มแข็ง นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางการเกษตร ดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าทางการเกษตร ต้องสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ภาคการท่องเที่ยวและบริการ จะต้องเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจบริการ เพิ่มมูลค่า เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การตลาดการค้าและการลงทุน จะส่งเสริมระบบการค้าเสรีและเป็นธรรมโดยมีภาคเอกชนเป็นผู้นำ ส่วนรัฐจะเป็นผู้ส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นโยบายพลังงาน ซึ่งจะดำเนินการให้นโยบายด้านพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ จะสนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน

 

ส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียน

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 5. นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 7. นโยบาย การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งจะพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติและทุกระดับ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของอาเซียน รวมถึงสร้างความใกล้ชิดกับประเทศมุสลิมและองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศ กระชับความร่วมมือและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับประเทศที่มีบทบาทสำคัญของโลกและประเทศคู่ค้าในภูมิภาคต่างๆ ส่งเสริมการมีบทบาทร่วมกับประชาคมโลก สนับสนุนการเข้าร่วมในข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี สร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย

 

ออกกฎหมายป้องกันการคอรัปชัน

 

นายกฯกล่าวต่อว่า 8. นโยบาย การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สนับสนุนการกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับกฎหมายและการยุติธรรมจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริต เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน โดยออกกฎหมายใหม่เพื่อป้องกันการทุจริต รวมทั้งขยายและยกเลิกอายุความในคดีอาญาและคดีทุจริตบางประเภท โดยจะปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง สนับสนุนให้ประชาชนตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะ การปลูกฝังค่านิยมคนไทยต้องไม่โกง นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะ จากทางราชการและสื่อสาธารณะอื่นได้อย่างกว้างขวางเป็นธรรม ปรับปรุงกลไกสื่อภาครัฐให้ดำรงบทบาทสื่อ เพื่อประโยชน์สาธารณะและสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติ ซึ่งนโยบายทั้งหมดนี้จะเป็นแนวทางการดำเนินการในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งภายหลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จึงขอให้ความเชื่อมั่นแก่รัฐสภาว่า จะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้งอย่างแท้จริง

 

รมต.-ส.ส.ต้องปีนรั้วเข้าประชุม

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภายนอกกระทรวงการต่างประเทศ ด้านถนนศรีอยุธยา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงประมาณ 100 คน และกลุ่มแท็กซี่ ได้มาจอดพร้อมตะโกนด่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯว่า หน้าด้าน ไร้ยางอาย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาคอยตรึงกำลังรอบกระทรวง และได้ขอกำลังสารวัตรจากกองพันสารวัตรทหารที่ 11 มาช่วยดูแลความปลอดภัยจำนวน 50 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาทำให้ต้องปิดการจราจรด้านถนนพระราม 6 ฝั่งขาออก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูทางเข้า-ออก ทั้งหมด ทำให้ ส.ส.บางคนที่เดินทางเข้ามาร่วมประชุมช้าต้องปีนกำแพงเข้ามาจากคณะวิทยา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่อยู่ติดกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นายมานิตย์ นพอมรบดีรมช.สาธารณสุข และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อีก 7 คน ก็ได้ปีนข้ามรั้วเข้ามาร่วมประชุม หลังจากที่ได้ขับรถตระเวนหาทางเข้ามายังกระทรวงฯไม่ได้ เนื่องจากถูกม็อบ นปช. ปิดล้อมทางเข้าออกแล้ว

 

กลุ่มเสื้อแดงจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้ารัฐสภาว่า ต่อมาเวลา 11.50 น. นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะได้แถลงนโยบาย นปช.ก็ไม่ยอมรับการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะมีกฎหมายรองรับว่าทำได้ และยืนยันว่ากลุ่มเสื้อแดงจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด โดยในอนาคตจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีนี้ รวมถึงจะทวงถามกรณีดังกล่าวกับประธานสภาฯ หากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจะทำเรื่องขอถอดถอนประธานสภาฯต่อไป

 

นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า การที่รัฐบาลไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ ความพ่ายแพ้ของ นปช. เนื่องจาก นปช.ไม่มีวัตถุประสงค์ ปิดกั้นรัฐสภา ส่วนจะยุติการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อใดนั้น จะมีการหารือกับแกนนำ นปช. และจะถามมติของผู้ชุมนุมต่อไป

 

“เรืองไกร” ยืนยันไม่ผิดข้อบังคับ

 

นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการย้ายสถานที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลว่า ส่วนตัวเห็นว่าข้อบังคับการประชุมสภาฯปี 2544 ข้อ 21 ระบุชัดเจนว่าให้ถือเป็นอำนาจของประธานสภาฯ หากมีเหตุสุดวิสัย ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประธานสภาฯที่จะเปลี่ยนสถานที่ประชุมได้ เมื่อองค์ประชุมครบก็สามารถทำได้ แต่ถ้าองค์ประชุมไม่ครบก็ถือว่าผิด ฉะนั้นเรื่องนี้แม้จะร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญก็คงไม่ได้รับการพิจารณา

 

ส.ว.ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายแค่ 3 คน

 

หลัง จากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้น นายชัย ชิดชอบ ประธานในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปราย โดยมี ส.ว.ลุกขึ้นอภิปรายเพียง 3 คนเท่านั้น โดยไม่มี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลอภิปรายเลย โดยนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แตกต่างกับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันมากกว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ คือเรื่องความเชื่อมั่นและต้องอดทนเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปได้ แต่รัฐบาลชุดนี้จะละเลยในเรื่องของการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงวาทะกรรม แต่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เรามี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่กลับละเลยและไม่สามารถทำได้จริง รัฐบาลนี้ต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติให้ได้ อย่ามองว่าคนที่ออกมาต่อต้านเป็นศัตรู แต่ให้มองว่าเป็นความงดงามทางประชาธิปไตย และต้องดำเนินการทางกฎหมายกับทุกกลุ่ม เพื่อร่วมกันสร้างความปรองดองในชาติ และกอบกู้ฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากต่างชาติ เห็นด้วยกับที่นายกฯประกาศว่าไม่กลัวเสียหน้า แต่ไม่ต้องการให้ประเทศเสียหาย

 

ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ดีขึ้น

 

พล. อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้อภิปรายเสนอแนะให้รัฐบาลควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ดีขึ้น ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่เป็นการช่วยคนติดคุกติดตะราง หรือช่วยคนในบ้าน 111 เท่านั้น แต่เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญในมาตราที่มีปัญหาเท่านั้น และขอฝากให้ดูแลแก้ปัญหาสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่ล้าหลังให้สามารถจัดการกับนักการเมืองได้

น. ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า นักการเมืองโกงจึงทำให้การเมืองเป็นเช่นนี้ หากนักการเมืองอดทนอดกลั้นและทนอด บ้านเมืองเราจะไม่ล้มเหลว แต่ที่บ้านเมืองล้มเหลวเพราะเราไม่ทนอด บ้านเมืองเราต้องการการเมืองที่สะอาด ที่มีธรรมาภิบาลที่นักการเมืองไม่โกง คิดว่าประชาชนมองว่าคณะรัฐมนตรีท่านเป็นเกรดซี แต่ก็ไม่เป็นไรเราสามารถปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณภาพเหมือนกับพันธุ์ของ ทุเรียนได้ และหากรัฐบาลยึดมั่นในหลักนิติรัฐ ก็สามารถปรับปรุงสายพันธุ์จากเกรดซีให้เป็นเกรดบีและเอได้ ทั้งนี้การแถลงนโยบายครั้งนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ตรวจสอบ การเมืองที่ล้มเหลวมาจากภายในระบบตรวจสอบไม่ได้ จึงทำให้เกิดรัฐประหาร ดังนั้นต้องสร้างการเมืองที่สะอาด ดังนั้น นายกฯต้องทำให้หน่วยงานของรัฐดูแลประชาชน ไม่ปล่อยให้ธุรกิจขนาดใหญ่ ข่มเหงธุรกิจเล็กๆ ไม่แย่งทรัพยากรของเขา และประกาศคนจนเป็นวาระแห่งชาติ ให้เขาลืมตาอ้าปากได้

 

ลอกนโยบายประชานิยมเพราะ ศก.ถดถอย

 

จาก นั้นนายอภิสิทธิ์ได้สรุปการแถลงนโยบายว่าขอขอบคุณสมาชิกที่มาร่วมฟังนโยบาย รัฐบาล การจัดทำนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันมีโจทย์เป็นตัวตั้ง ที่รัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องดำเนินการตามนโยบายพื้นฐานที่กำหนดอยู่ในรัฐ ธรรมนูญ จึงทำให้เหมือนกับว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่แตกต่างกับรัฐบาลอื่น ส่วนที่มีการพูดกันว่านโยบายรัฐบาลนี้เป็นนโยบายประชานิยมนั้น เนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ถดถอย ดังนั้น สิ่งที่ประเทศทั่วโลกต้องทำคือการเอาเงินใส่กระเป๋าประชาชน ดังนั้น จึงไม่ใช่ ประเด็นที่ต้องถกเถียงว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ และการเข้ามาเป็นรัฐบาลไม่จำเป็นต้องโละนโยบายที่ดีของรัฐบาลเดิม ซึ่งนโยบายเร่งด่วน 6 เดือนของรัฐบาลเดิม ก็ต้องดำเนินการต่อไป เพื่อลดภาระประชาชน ยกเว้นเรื่องราคาน้ำมันที่มีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องค่าน้ำค่าไฟต้องมีมาตรการอื่นๆตามมา

 

ใช้ความยุติธรรมจัดการคดีความที่ค้างคา

 

นาย อภิสิทธิ์ชี้แจงต่อว่า ส่วนเรื่องความปรองดองนั้น รัฐบาลนี้เน้นการใช้ความยุติธรรมเป็นหลัก ส่วนแรกในเรื่องความยุติธรรมในคดีความต่างๆที่ค้างคามานั้น เรื่องเหล่านี้รัฐบาลเห็นว่าไม่ควรนำมาบรรจุเป็นนโยบาย แต่ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม เรามีแนวคิดว่าองค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถช่วยเหลือได้ หากทำไม่ได้ก็อาจต้องมีการตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาดำเนินการ การที่รัฐบาลนี้ไม่ได้พูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกลัวว่าจะเกิดการเข้าใจผิด ซึ่งทุกคนต้องการปฏิรูปการเมือง ต้องการการเมืองใหม่ แต่ที่รัฐบาลนี้ไม่เขียนแก้รัฐธรรมนูญเพราะเป็นเป้าหมายสุดท้าย และเชื่อว่าหากเราเขียนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเชื่อว่าจะเป็นจุดสร้างความขัด แย้งครั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้จะมีการตั้งองค์กรเฉพาะขึ้นมา เพื่อตั้งคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือ และจะเชิญประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุด

 

รัฐบาลชอบธรรมไม่เลือกข้างเลือกขั้ว

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มาโดยระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เมื่อรัฐบาลเดิมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็ควรให้อีกพรรคหนึ่งมาแก้ไขปัญหา ตนมาด้วยเสียงข้างมากในสภาให้เป็นนายกฯ แต่เข้าใจคนที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างดี และคนที่มาชุมนุมที่รัฐสภาและที่แห่งนี้ด้วย พร้อมเข้าใจและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากกังวลว่าการสลับขั้วมีการเลือกปฏิบัตินั้น ขอยืนยันรัฐบาลนี้ไม่ทำอย่างนั้น และให้ความมั่นใจว่าท่านจะได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลนี้จะไม่เลือกข้างเลือกขั้ว จะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะไม่เป็นตัวแทนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สำหรับปัญหาการทุจริตคอรัปชัน และปัญหาทางการเมือง มีนโยบายชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย ส่วนเรื่องการใช้สื่อของรัฐ หากรัฐบาลมีรายการพบประชาชน ก็ต้องให้เวลากับฝ่ายค้านด้วย และรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในเรื่องการตอบกระทู้ถามสด เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ให้การเมืองออกมานอกถนน

 

ใช้เวลาประชุมร่วมไม่ถึงสองชั่วโมง

 

นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ทุ่มเทและรับผิดชอบต่อรัฐสภา แม้การประชุมครั้งนี้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่พร้อมจะทำทุกวิถีทางให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ และนำพาประเทศชาติไปสู่ชัยชนะให้กับคนไทยทุกคนให้ได้

 

จากนั้นนายชัยได้รายงานว่า การประชุมครั้งนี้มี ส.ว. เข้าร่วมประชุม 103 คน ส.ส. 227 คน รวมทั้งหมด 330 คน เกินกว่ากึ่งหนึ่งถึง 42 เสียง ถือเป็นการประชุมที่สมบูรณ์แบบ และขอขอบคุณสมาชิกที่ร่วมประชุมทุกคน ส่วนคนที่ไม่มาก็ไม่เป็นไร รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศทุกคนที่มาร่วมจัดสถานที่ประชุมรัฐสภา ให้ เหมือนฮิตาชิ และขออวยพรปีใหม่ให้กับทุกคนว่า ขอให้ ทุกคนมีความสุขและขอให้ควบคุมรัฐบาลชุดนี้ให้ดำเนินการให้ดี จากนั้นได้ปิดประชุมเมื่อเวลา 13.20 น. หลังจากที่ใช้เวลาประชุมไปทั้งสิ้นเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษ

 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังปิดการประชุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้กล่าวกลางที่ประชุมว่า ขอให้ ส.ว. ขึ้นรถออกจากกระทรวงการต่างประเทศเป็นกลุ่มแรก ตามด้วย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ส่วน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ให้รอก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐสภาจะดูแลเรื่องความเรียบร้อย และหากพร้อมก็จะพาออกทันที

 

“อภิสิทธิ์” ไม่ห่วงถูกตีความย้ายที่ประชุม

 

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่อาจมีการนำเรื่องการย้ายสถานที่การประชุม รัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และจะมีผลกระทบต่อการทำงาน ครม. ว่า ไม่เป็นปัญหา ไม่ห่วง เป็นการตัดสินใจของรัฐสภา

 

พล. ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงนโยบายนอกสภาว่า เป็นสิทธิ์สามารถทำได้ และประธานรัฐสภาก็มีสิทธิ์จะเปลี่ยนสถานที่ เมื่อถามว่า กรณีนี้จะถูกนำมาโจมตีทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า ถ้าทำในกรอบของกฎหมายก็ไม่เป็นไร เมื่อถามถึงความสง่างาม พล.ต.สนั่นตอบว่า เป็นเพราะว่ามีภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้น ก็ต้องทำอย่างนั้น ไม่เช่นนั้น ครม. ก็บริหารประเทศไม่ได้ ส่วนรัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้อีกยาวหรือไม่ก็ต้องรอดูอีกสักระยะ ไม่สามารถทำนายได้ เพราะหลักเกณฑ์ที่วิเคราะห์มันคลาดเคลื่อนไปหมดแล้ว

 

“ชัย” ไม่สนถูกยื่นตีความทำผิดขั้นตอน

 

นาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ก่อนที่เราจะเปิดประชุม ก็ได้ขออนุมัติจากรัฐสภาว่าเราจะสามารถใช้กระทรวงการต่างประเทศเป็นรัฐสภา ได้หรือไม่ ซึ่งเสียง 330 ในที่ประชุมก็อนุมัติ ถือว่าขั้นตอน สมบูรณ์และมีสื่อทุกแขนงเป็นสักขีพยาน เมื่อถามว่า จะเป็นปัญหาต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่หากมีการยื่นตีความ นายชัยกล่าวว่า ยื่นตีก็ตีไป แต่อย่าให้ถูกตัว เมื่อถามว่า สง่างามหรือไม่ที่ไม่มี ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุม นายชัยกล่าวว่า ทำยังไงให้สง่า ต้องแต่งตัวประแป้งให้สวยอย่างนั้นหรือ มันไม่ใช่ คนเป็นผู้แทนฯต้องมีหน้าที่เข้าประชุมสภา ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ซึ่งแจ้งกับ ส.ส. และ ส.ว.ทุกคนแล้ว ไม่ได้ทำอย่างฉุกละหุก จึงอยากขอให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ขอให้ทำตัวให้ดี เป็นที่นับถือของประชาชน ค้านให้ถูกต้องถูกระเบียบและทำตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญเดี๋ยวก็ได้ดีเอง

 

เมินเรียกร้องให้ยุบสภาซัดกลับไม่มีงบ

 

Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1552

แสดงความคิดเห็น โดย ตนข่าว IP: Hide ip , วันที่ 31 ธ.ค. 51 เวลา 09:11:07
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี