การประชุมร่วมกัน2สภาตามรัฐธรรนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 179 เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา เพื่อแก้วิกฤต และตอบข้อสงสัยกรณีการสลายชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00เป็นต้นไป จนถึงเวลา 22.00 น. รวม 2 วัน 24 ชั่วโมง กำหนดให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีใช้เวลาอภิปราย 4 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง รัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ใช้เวลาฝ่ายละ 6 ชั่วโมง
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้ ฝ่ายค้านเตรียมเปิดคลิปทหารยิงผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงต่อที่ประชุมสภา ซึ่งหลักฐานต่างๆ ส่วนใหญ่ได้มาจากสื่อต่างชาติและนักข่าวอิสระ ขณะที่เตรียมทีมอภิปรายไว้จำนวน 17 คน นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า ก่อนจะเข้าประชุมร่วมกันของรัฐสภา ขณะที่การรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรียังคงเข้มงวดและเป็นมาตรการระดับสูง อีกทั้งไม่มีการแจ้งภารกิจของนายกรัฐมนตรีล่วงหน้า
ลำดับเหตุการณ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการอภิปรายทั่วไปร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเมือง หลังเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย. โดยลำดับเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เมื่อต้นเดือนเมษายน ซึ่งขณะนั้นตนเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ประชาชนที่เดินทางมาชุมนุม เพราะมีความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล แต่ก็ได้มีบุคคลบางกลุ่มต้องการเปลี่ยนแนวทางการชุมนุม เพื่อใช้ความรุนแรงมากขึ้น มีการชุมนุมปิดสถานที่ราชการ และถนนสายสำคัญๆ ในกรุงเทพมหานคร ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปประท้วงขวางการประชุมอาเซียนซัมมิท บวกประเทศคู่เจรจา จนต้องเลื่อนการประชุมออกไป ประเทศชาติได้รับความเสียหายและมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สถานการณ์ร้ายแรงในเขตพัทยา วัตถุประสงค์ก็เพื่ออารักขาให้ผู้นำของแต่ละประเทศเดินทางกลับไปโดยปลอดภัย
เสื้อแดงพยายามฆ่า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ต่อมามีการจับแกนนำผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ประท้วงที่พัทยา แต่มีความพยายามเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม กระทำผิดกฏหมายมีการประกาศตั้งฆ่าหัวบุคคลในรัฐบาล หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ อาจทำให้ความเป็นนิติรัฐสิ้นสุดลง จึงได้ปรึกษาครม. จนนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินฯ ในกทม. ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจากที่ตนได้ออกทีวีที่กระทรวงมหาดไทย กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกเข้าพบ ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเกือบจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมมีความพยายามจะฆ่าตน
ยันไม่ได้เอาชนะใคร
อย่างไรก็ตาม การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่าหวังเอาชนะในทางการเมือง แต่ต้องการนำความเป็นปกติสุขกลับมาสู่บ้านเมือง ดังนั้น ในการดำเนินการตนได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานว่า ต้องชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน ทั้งไทย และต่างประเทศที่เฝ้าสังเกตการณ์ได้ตลอดเวลา โดยไม่ใช้วิธีการที่รุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งในกรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าฝ่ายใดจะต้องได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียม
มีคนตายแต่ไม่ใช่ฝีมือจนท.
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เหตุการณ์การสลายการชุมนุมมีผู้เสียชีวิต 2 คนจากชุมนุมนางเลิ้ง โดยฝีมือของผู้ชุมนุมเสื้อแดง ส่วนผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืน ซึ่งเป็นทหาร 4 นาย และประชาชน 2 นาย จากการตรวจสอบพบว่าไม่ใช่กระสุนปืนเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ 2 ศพที่พบกลางแม่น้ำเจ้าพระยานั้นไม่เกี่ยวกับกลุ่มผู้ชุมนุมและได้พบภายหลังวันที่เหตุการณ์วันที่ 13 เม.ย.ซึ่งการชุมนุมได้สลายตัวเสร็จสิ้นแล้ว
คงพ.ร.ก.ต่อไม่กำหนดเวลา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปอีกสักระยะเพราะยังมีความยั่วยุจากบุคคลบางกลุ่ม แต่จะมีการประเมินเพื่อยกเลิกแบบรายวัน เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด รัฐบาลนี้ตระหนักดีว่าผู้ที่คิดต่อต้านรัฐบาล เป็นความคิดที่บริสุทธิ์ รัฐบาลนี้พร้อมที่จะรับฟัง แต่ขอให้ใช้เวทีรัฐสภาแห่งนี้ เป็นการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อไม่ก่อให้เกิดความสูญเสีย และขอยืนยันว่าการปฎิรูปการเมืองยังจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป และมอบหมายให้พรรคร่วมรัฐบาลไประดมความคิดเห็นเพื่อเสนอกลับมาภายใน 2 สัปดาห์และหากพรรคฝ่ายค้านจะสนใจก็ยินดีรับฟังข้อเสนอเช่นกัน
"สุเทพ"ปัด2มาตรฐาน แจงคดีเสื้อเหลืองคืบ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา กรณีมีผู้อภิปรายกล่าวหารัฐบาลปฏิบัติสองมาตรฐานกับผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ว่า ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ คดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีความคืบหน้า ดังนี้ ในคดีแรกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ตำวจได้สอบสวนพยานเสร็จแล้ว และส่งสำนวนให้อัยการ เช่นเดียวกับคดีบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นอกจากนี้ คดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน โดยสอบสวนพยานไปแล้วทั้งหมด 292 ปาก คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายใน30วัน ส่วนคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 198 ปาก แต่ยังต้องรอสอบพยานสำคัญอีก 4 ปาก คิดว่ามีผู้ต้องหา 28 คน คาดว่าจะส่งสำนวนให้อัยการได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณี นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำรูปนายวิเชียร ขีดกลาง พร้อมอ้างว่าเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บถูกทหารยิงในวันที่ 13 เม.ย. ว่า ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ขณะนี้นายวิเชียรรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า และตามรายงานของศูนย์นเรนทรระบุว่า นายวิเชียรถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น เมื่อวันที่ 13 เม.ย. จากนั้นถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อผ่าตัดต้นขาที่ถูกยิง ทั้งนี้ได้ตรวจสอบกระสุนพบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ใช่กระสุนจากอาวุธสงครามหรืออาวุธประจำกาย รวมทั้งในเวลา 14.00-15.00 น. ไม่มีการปฏิบัติการทางทหารใกล้แยกอุรุพงษ์ ตามที่กล่าวอ้าง
นายกฯปัดดึง"เนวิน"เอี่ยวเหตุวุ่นที่พัทยา
เมื่อเวลาประมาณ 12.25 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสมาชิกรัฐสภากรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาเมื่อวันที่ 8-9 เมษายนที่ผ่านมา ว่าได้รับทราบบ้างหรือไม่ โดยนายกฯ กล่าวว่า บังเอิญว่าหลังเกิดเหตุการณ์ที่พัทยา ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเกิดความวุ่นวาย จึงขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาวันดังกล่าวนั้นตนไม่ได้รับทราบเรื่อง แต่มารับทราบในภายหลังจากที่เป็นข่าวและก็เกิดความไม่สบายใจ และคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องของการปกป้องสถาบันเบื้องสูงนั้น นายกฯ กล่าวว่า เห็นด้วย และตนได้พูดชัดเจนแล้วว่าเราต้องไม่ให้มีการจาบจ้วงและแอบอ้าง จึงได้ถือนโยบายนี้มาตลอดว่าไม่ให้สถาบันเบื้องสูงถูกดึงเข้ามาสู่ความขัดแย้ง และในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมเราก็ไม่สบายใจว่ามีการพาดพิงถึงสถาบัน ซึ่งเราก็ได้พยายามขอความร่วมมือในเรื่องนี้ว่าอย่าได้พูดถึง ซึ่งตนก็ได้ให้สัมภาษณ์ในแนวทางนี้มาตลอด
"สำหรับเรื่องคำถามที่ว่าได้มอบหมายให้รองนายกฯ (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ดำเนินการร่วมมือกับคนนอกรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการดูแลรักษาความสงบในพื้นที่พัทยานั้น ขอเรียนว่า ในเรื่องความมั่นคงท่านรองนายกฯ เป็นผู้ดูและจะชี้แจงต่อไป เพราะในขณะนั้น ผมอยู่ในระหว่างดำเนินการเตรียมการจัดประชุมอาเซียน แต่จะเข้ามาดูแลชัดเจนในช่วงที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอย่างที่เห็นว่าได้มีการดำเนินการร่วมกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงเรื่องการจัดกลุ่มมวลชนออกมาต่อต้านกันเพื่อให้เกิดความยุ่งยาก ยืนยันว่าไม่มี" นายกฯ กล่าว
สุดท้ายประเด็นคำถามเรื่องการใช้อาวุธสงครามปราบปรามประชาชน นายกฯ กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาชัดเจน และรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่มีการระบุว่าเป็นสาเหตุมาจากการใช้อาวุธสงคราม ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางคณะแพทย์และโรงพยาบาล แต่จะขอให้แยกแยะการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับการใช้กองกำลังเป็นคนละเรื่องกัน ในเรื่องของปัญหาการบาดเจ็บ ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ถ้ามีข้อมูล ก็ขอให้นำมาพิสูจน์ และขอให้ความสบายใจไม่ต้องกังวลในส่วนนี้
"สุรพงษ์" แฉเสื้อแดงปลอม เอารถแก๊สปิดถนน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายซักถามข้อเท็จจริง ถึงเบื้องหลังกลุ่มบุคคลที่สวมเสื้อสีน้ำเงิน และเข้าทำร้ายกลุ่ม นปช.ที่พัทยา พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ปล้นรถเมล์มาเผาทำลาย และการนำรถแก๊สไปจอดที่จุดต่างๆ เป็นการจัดฉากทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่ม นปช. และพยายามอภิปรายเน้นย้ำให้เห็นว่า รัฐบาลโดยกำลังพลทหารใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ด้วยการนำภาพถ่ายในเหตุการณ์ต่างๆ มาประกอบการอภิปราย และยืนยันข้อมูล ทั้งภาพถ่ายที่ทหารกำลังยิงปืนในแนวราบ ภาพผู้บาดเจ็บจากกระสุนปืน รวมถึงการนำล้อรถเมล์ที่มีร่องรอยกระสุนปืนมาแสดง
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ยังปฏิเสธแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่ม นปช. พร้อมระบุว่า บุคคลหลายฝ่ายตั้งข้อกล่าวหาเกินจริง และเห็นว่า สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งในสังคม จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
นายกฯ ปัดสั่งฆ่าประชาชน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงหลังถูกกล่าวหาว่าสั่งฆ่าประชาชนว่า " สิ่งหนึ่งที่ต้องปฏิเสธใช้คำว่าผมหรือรัฐบาลสั่งฆ่าประชาชนไม่เคยมีแนวคิดนี้หรือคำสั่งจากผมที่จะใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลเน้นความโปร่งใส ให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
รมว.สธ.ป้องหมอราชวิถียันพร้อมดูแลผู้ป่วยทุกสี
นายวิทยา แก้วภราดรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข กล่าวชี้แจงกรณีที่แพทย์โรงพยาบาลราชวิถีถูกพาดพิงทำให้เข้าใจว่าแพทย์ที่ดูแลนายวิเชียร ขีดกลาง ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งแพทย์ถูกกล่าวหาว่าได้ให้สัมภาษณ์ทำนองให้ร้ายผู้ป่วยจนเกิดความเสียหาย ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าเหตุการณ์ในอดีตหากเกิดในสถานการณ์เช่นนี้ความเสียหายค่อนข้างจะรุนแรง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยด้วยความเป็นธรรมไม่แยกแยะผู้ป่วยสีเขียว หรือแดง แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยได้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีใครที่จะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ วันที่ผมไปเยี่ยมผู้ป่วยรายนี้ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใส่เสื้อสีแดง แต่ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลตอดว่าดูแลผู้ป่วยตรงไปตรงมา ซักถามตลอกดว่าผู้ป่วยถูกยิงด้วยอะไร แต่ถ้าอยากทราบว่าถูกยิงด้วยกระสุนเอ็ม 16 เป็นอย่างไรมาดูที่ตน
สาทิตย์ ลุกโต้ ปัดรัฐจัดฉาก
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลุกชี้แจง ว่า ตนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำอภิปรายที่บิดเบือนข้อมูล และอธิบายเป็นเท็จมากมาย การปิดสถานีดีสเตชั่นและวิทยุชุมชน ขอชี้แจงเบื้องต้นที่ระบุว่ารัฐบาลแทรกแซง จัดฉาก และปิดสื่อ โดยข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่วนการพยายามใช้สื่อในการสร้างประเด็นที่นำไปสู่ความรุนแรงนั้น ใช้โดยแกนนำผู้ชุมนุมตลอดมา โดยเฉพาะคนที่อยู่เบื้องหลัง การปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์ โฟนอินผ่านดีสเตชั่น การสร้างประเด็นผ่านสื่อในประเทศ สื่อนำเสนอโดยไม่ได้ปิดบัง เหตุการณ์ความรุนแรงจึงเกิดขึ้น
นายสาทิตย์ กล่าวว่า หลายวันที่ผ่านมาสื่อทำหน้าที่ตรงไปตรงมา สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดทั้งวัน ประชาชนทราบเหตุการณ์ ไม่ปิดกั้น สื่อนอกก็เผยแพร่ ถ้ามีเหตุที่สร้างฉาก จะไม่สามารถปิดบังสายตาสื่อได้ ซึ่งการชุมนุมสงบ แต่มีภาพผู้ชุนุมถือระเบิดเพลิงพร้อมขว้าง การรุมทุบทำร้ายทั้งรถที่นายกฯนั่งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
นายสาทิตย์ ชี้แจงอีกว่า นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เล่าว่า เหตุเกิดเลวร้ายมาก มีการขู่เอาชีวิต ขว้างก้อนหิน โดยคนขับรถโดนด้ามคมทิ่มลงมาจากหลังคารถ คนขับสร้อยหาย เงินถูกล้วง สภาพโชกเลือด ซึ่งสื่อทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ความพยายามผู้ชุมนุมที่บิดเบือน กลับถูกสื่อจับได้ อันนี้หรือไม่ เพราะจับโกหกกลุ่มแกนนำได้ นอกจากนี้ ยังมีภาพที่ทหารจับคนลงมาจากรถ มีเสียงปืนดัง วันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์นำภาพต่อเนื่องมา พบว่า เขาไม่ได้ถูกยิง แต่ล้มลงจากการดำเนินการของฝ่ายกองทัพ ถ้ารัฐทำรุนแรง ไม่มีทางปิดสื่อได้ ส่วนการอ้างว่านำศพไปเผาที่วัดลาดพร้าว 71 ผู้สื่อข่าวก็บุกสัมภาษณ์พระ พาไปดูเมรุก็พบว่าเป็นการทำพิธีตามปกติ
เฉลิมยันเสื้อแดงชุมนุมไม่รุนแรง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไปว่า ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นในวันที่ 12 เม.ย. ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งอาจเกิดจากความคิดของรัฐบาลที่พกมาจากพัทยา การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ยังไม่เป็นไปตามปกติ ไม่มีสถานการณ์ใดๆเร่งด่วน ซึ่งสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น หลังการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯของนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า พวกตนส.ส.เพื่อไทย ไม่ใช้ทายาทอสูร มีสิทธิชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาจากความไม่พอใจพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เข้ามาเล่นการเมือง จนประสพความสำเร็จในเรื่องนโยบาย จนมีการชุมนุมกันที่สวนลุมพินี และขยายการชุมนุมไปถึงทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กระทั่งมีการปฎิวัติรัฐประหารในวันที่ 19กันยายน 2549 และยึดอำนาจจากรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมระบุด้วยว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหมาะสมกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหนคร
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก โพสทูเดย์
