กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ชัยนาท40ชุมชนโกยไป8.9ล้านบ.ยื่น"ดีเอสไอ"สอบ
ชุมชนพอเพียง “พท.” ปูดทุจริตอีกแผล เผยงาบกันสนุกปากที่ “ชัยนาท” ชาวบ้านทำเรื่องขอโรงสีข้าวเปลือก โรงงานน้ำพริก บ่อเลี้ยงปลา แต่กลับได้เครื่องกรองน้ำ-ไฟริมถนนมาใช้แทน 40 ชุมชนโกยไป 8.9 ล้าน เตรียมยื่นดีเอสไอตรวจสอบ ด้าน “อภิสิทธิ์” โวได้หลักฐานเด็ด เตรียมจัดการเหลือบโกงกินบ้านเมืองให้เด็ดขาด จี้รมต.ทุกกระทรวงป้องกันเต็มที่ แนะใครมีข้อมูลชักหัวคิวโครงการต่าง ๆ ส่งมาให้ได้เลย ขณะที่กลิ่นทะแมง ๆ เรื่องรพ.จงใจเบิกเงินผู้ป่วยใน “บัตรทอง” เกินจริง “บอร์ด สปสช.” แจงทันควัน ที่ผ่านมามีทั้งเก็บแพง-ถูกเกินจริง ทั้งเจตนาและไม่เจตนา หากหลักฐานชัดเจน รพ.ส่วนใหญ่ก็ยอมรับ ระบุที่ตรวจสอบช้า เพราะปัญหาคนน้อย เอแบคโพลล์ตอกย้ำอีกดอก 9 เดือนรัฐบาลมีข่าวทุจริตมากกว่าข่าวซื่อสัตย์ แถมนายกฯยังไม่มีน้ำยาในการแก้ปัญหาด้วย
กลายเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างมากของคนในประเทศ สำหรับเรื่องขบวนการ ทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พร้อมจะดำเนินการลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทันที อย่างไรก็ตามมีข่าวลือทำนองว่า นายกฯมี ปัญหากับกลุ่มแพทย์ชนบทกรณีปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
*มาร์คยันไม่ขัดแย้งแพทย์ชนบท
เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ถึงปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุขว่า ตนต้องขอขอบคุณกลุ่มแพทย์ชนบทที่ติด ตามเรื่องนี้ ความจริงตนบอกตั้งแต่ช่วงที่ เปิดตัวปฏิบัติการไทยเข้มแข็งแล้วว่าการลง ทุนมหาศาลนั้น ย่อมมีความวิตกกังวลกันมาก เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งการป้องกัน ที่ดีที่สุดคือการมีส่วนร่วมของประชาชน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้รัฐบาล เมื่อใดที่มีข้อมูลในลักษณะนี้เราไม่เพิกเฉยแน่นอน จะต้องดำเนินการ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเชิญกลุ่มแพทย์ชนบทมาพบในเวลาสั้น ๆ แต่ได้ขอ ให้ส่งเป็นเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งยืนยันว่าตนและกลุ่มแพทย์ชนบทมีความเข้าใจที่ตรงกัน ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งอะไร
*ขู่ใครมีเอี่ยวทุจริตโทษหนัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โครงการที่มีปัญหาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นโครงการก่อสร้าง ซึ่งส่วนหนึ่งไปยกเอาโครงการในสมัยก่อนที่มีการเตรียมทำเมกะโปรเจคท์เข้ามา ซึ่งทางแพทย์ชนบทเห็นว่ามีราคากลางสูงเกินจริง แม้ว่าขณะนี้เงินจะยังไม่ลงไป แต่เนื่องจากปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเน้นความรวดเร็ว ขั้นตอนของการประมูลงานจึงเริ่มไปบ้างแล้ว ซึ่งตนได้ให้กระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนตรวจสอบทันที หากพบว่าราคากลางสูงเกินจริง ก็ต้องปรับลงมา และใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องลงโทษโดยเด็ดขาด อีกส่วนหนึ่งคือการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งแพทย์ชนบทบอกว่ามีหลายอุปกรณ์ และรายการไม่น่าเป็นความต้องการที่แท้จริงของโรงพยาบาลและสถานีอนามัย
*ไม่พอใจพร้อมเปลี่ยนกก.สอบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนได้ให้กระทรวงสาธารณสุขกลับไปทบทวน อะไรที่จำเป็นเดินหน้าได้ แต่อะไรที่ไม่จำเป็น และไม่ตรงกับความต้องการก็ต้องยกเลิก และต้องไปสอบสวนให้ได้ว่าสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับความต้องการมา ปรากฏในการจัดซื้อครั้งนี้ได้อย่างไร ปัจจุบันกระทรวงฯได้ตั้งกรรม การขึ้นมาสอบสวนแล้ว ส่วนฝ่ายการเมืองทางที่ปรึกษาเลขานุการ และผู้ช่วยรัฐมนตรีของรมว.สาธารณสุข ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้มีการสอบอย่างเต็มที่ ส่วนการพาดพิงกับนักการเมืองต่าง ๆ นั้นทางแพทย์ชนบทเล่าให้ฟังว่านักการเมืองที่ถูกพาดพิงมีใครบ้าง ซึ่งตนบอกว่าข้อมูลทั้งหลายสามารถส่งมาที่ตน และคณะกรรมการฯ ได้และหากเห็นว่าคณะกรรมการไม่สามารถจะทำงานได้ด้วยเหตุอะไร ก็ขอให้แจ้งมาที่ตนกับ รมว. สาธารณสุข ยืนยันว่าพร้อมที่จะให้มีการ ตรวจสอบอย่างเต็มที่ หากจะต้องปรับปรุง กรรมการ หรือให้ทำอะไรก็จะเดินหน้าดำเนิน การต่อไป
*จะให้ใครออกต้องส่งเอกสารมาดู
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อประเด็นที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมากดดันให้นายวิทยา แก้วภราดรัย รมว.สาธารณสุข และนาย มานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ลาออก จากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบใน การทุจริตของกระทรวงสาธารณสุขตามปฏิบัติการ “ไทยเข้มแข็ง” ว่าก็ยังแปลกใจอยู่ เพราะที่พูดคุยในเชิงข้อมูลกันมาตลอดก็ไม่มีประเด็นนี้ ถามว่ามีความจำเป็น ที่นายวิทยาและนายมานิตจะต้องลาออกจากตำแหน่ง หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “อยู่ที่ข้อมูลที่จะ ส่งมา ขณะนี้ยังไม่เห็นข้อมูล แต่วันนั้น มีเวลาในการพูดคุยกันสั้นไปนิด ขอให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธาน ชมรมแพทย์ชนบทเขียนมาเป็นเอกสาร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทเกิดขึ้นใน ช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขนั้น มันเป็นจังหวะที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี อยากให้แยกออกไปไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ผมขอยืนยันว่าจะดูแลให้โปร่งใส”
*เปรยได้หลักฐานทุจริตบ้างแล้ว
ต่อข้อถามว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนล่าสุด พบว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดลงมาก นาย อภิสิทธิ์ ตอบว่า “เป็นเรื่องปกติ เมื่อมีข่าวแบบนี้มันก็ต้องกระทบถือเป็นอุทาหรณ์ว่าในทุก กระทรวง ทบวง กรม ต้องพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้นายวิทยาบอกผมว่ามีโอกาสที่จะลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะได้หลักฐานมาบ้างแล้ว กำลังไล่ ตรวจสอบอยู่ พบว่ามีความผิดก็จัดการได้ทันที ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ อย่างไรนั้นนายวิทยายังไม่ได้บอกรายละเอียดกับผม ส่วนเรื่องข่าวชักหัวคิวจากโครงการไทยเข้มแข็ง ร้อยละ 25-30 นั้น หากใครมีข้อมูลก็ส่งมาให้ผมได้เลย”
*จี้“บอร์ดสปสช.”แสดงสปิริต
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ อดีตประธาน ชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงกรณี “เดลินิวส์” นำเสนอข่าวโรงพยาบาล (รพ.) รัฐและเอกชนบางแห่งจงใจเรียกเก็บเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สูงเกินจริงว่า งบผู้ป่วยในเป็นงบก้อนโตที่สุด สูงกว่ากองทุนอื่น ๆ ปัญหาคือการคิดค่ารักษาพยาบาลตามกลุ่มโรคหรือ ดีอาร์จี จะส่งเสริม รพ.ให้คนไข้นอนรพ.หลาย วันเพราะถ้านอนวันเดียวได้เงินน้อย แต่ถ้านอน 3 วันขึ้นไปดีอาร์จีจะต่างกันมาก บางคนที่รู้กลไกตรงนี้จะพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงโรค เช่น มีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ให้ผู้ป่วยนอน รพ. ดังนั้นหาก สปสช.ไม่ปรับระบบตรงนี้จะเป็นการส่งเสริม
“กรณีที่ผู้บริหาร รพ.เอกชนบางคนเป็นกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และเป็นคู่สัญญา สปสช. ผมว่าควรจะแสดงสปิริตลาออก แล้วให้สมาคมโรงพยาบาลเอกชน สรรหาบุคคลใหม่เข้ามา เชื่อว่าน่าจะมีคนเยอะแยะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้”
*แนะเปิดชื่อรพ.ฉาวเชือดให้เข็ด
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การตั้งงบผู้ป่วยในสูงกว่างบอื่น ๆ เป็นช่องทางให้รพ.ต่าง ๆ หากินกับงบก้อนนี้ คือ เป็นการส่งเสริมให้ รพ.แอดมิทผู้ป่วย เพราะเป็นที่น่าสังเกตว่างบผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นทุกปี และขณะนี้เพิ่มขึ้นจากในอดีตถึง 3 เท่าตัวถือว่าสูงผิดปกติ จึงน่าสงสัยผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการปิดช่องทางในการจ่ายเงินเป็นการส่อ ทุจริตหรือไม่ ส่วนกรณีที่ สปสช.ออกมาให้ข่าวว่า มีการเรียกเก็บเงินเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา เกินจริงถึง 90 ล้านบาทนั้น ควรจะเปิดเผย ว่า เป็นที่ใดบ้าง และต้องดูว่า รพ.ตั้งใจจะโกงหรือเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน หากมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าจงใจเบิกเงินเกินจริงก็ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
*แจงปัญหาอยู่ที่ระบบตรวจสอบ
ภญ.สำลี ใจดี หนึ่งในกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีทั้ง รพ.เรียกเก็บเงินต่ำเกินจริง และเกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา ในกรณีที่มีหลักฐานชัดเจน รพ.ส่วนใหญ่ก็ยอมรับ เมื่อถามว่าขณะนี้มีการตรวจสอบได้ไม่ถึง 1% ภญ.สำลี ตอบว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาอยู่ที่ระบบตรวจสอบ เพราะคนก็น้อย ซึ่งสปสช.อยู่ระหว่าง ปรับระบบอยู่ อย่างไรก็ตามเรื่องที่ รพ.เรียกเก็บเงินเกินมีการพูดคุยมา 2 ปีแล้วก่อนที่จะออกข้อบังคับออกมา
*ยัน“ไทยเข้มแข็ง”ไม่ล้มเลิก
ที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายวิทยา แก้วภราดัย รมว. สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวง ร่วมประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผอ.โรงพยาบาลชุมชน สาธารณสุขอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ รวมประมาณ 500 คน เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทย เข้มแข็ง พ.ศ. 2553-2555 หลังเสร็จนายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์โครงการไทยเข้มแข็ง ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันแต่อย่างใด จึงจำเป็นที่กระทรวงสาธารณสุขต้องพิสูจน์ สะสางก่อนการก่อหนี้ หากมีการทุจริตจริงก็จะถูกดำเนินการทั้งทางกฎหมายและสังคม กระบวนการตรวจสอบได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ให้มีการประชุมทุกวัน และได้เรียกร้องให้ชาวสาธารณสุขทำให้กระทรวงสาธารณสุขโปร่งใส ยืนยันไม่มีใครมาล้มหรือยกเลิกโครงการไทยเข้มแข็งได้โดยเด็ดขาด แต่จะทำให้โครงการโปร่งใส เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน
*พท.ได้ทีโชว์ข้อมูลจวกยับ
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชน จ.ชัยนาท ร้องเรียนมาที่พรรคฯว่า ไม่ได้รับอนุมัติโครงการชุมชนพอเพียงตามที่ขอ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงการฯ ทางคณะทำงานตรวจสอบของพรรคฯได้ลงพื้นที่พบ ปัญหาโครงการชุมชนพอเพียงมีความไม่โปร่งใสและไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ โครงการ เนื่องจากโครงการที่ขออนุมัติไม่ตรงกับความต้องการของชาวบ้าน เช่น บางชุมชนทำเรื่องขอโรงสีข้าวเปลือก โรงงานน้ำพริก บ่อเลี้ยงปลา จัดตั้งสหกรณ์ปุ๋ยชุมชน แต่กลับได้เครื่องกรองน้ำ และไฟริมถนนแทนโดยไม่มีใบเสนอราคา หรือข้อมูลการสืบค้นราคาสินค้าแต่อย่างใด
*งาบ40ชุมชนโกยไป8.9ล้าน
นายพร้อมพงศ์ ให้รายละเอียดต่อ ว่า จากการตรวจสอบของคณะทำงานพบ ว่า โครงการชุมชนพอเพียงที่ จ.ชัยนาทมีการทุจริต ถึง 40 ชุมชน รวมวงเงิน 8,937,500 บาท สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและประเทศชาติ โครงการนี้ผู้รับผิดชอบคือพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้พรรคฯจะเกาะติดกรณีดังกล่าว พร้อมนำเรื่องนี้ ยื่นต่อดีเอสไอว่าจะดำเนินการอย่างไรด้วย ส่วนเรื่องโพลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการ ทุจริตในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารของนายอภิสิทธิ์ ที่มีภาพเป็นคุณชายสะอาด โปร่งใส 9 เดือนผ่านไปก็มอมแมมสกปรก เป็นรัฐบาลที่คอยซื้อเวลาแล้วยังมีเรื่องทุจริตโครงการต่าง ๆ เข้ามาอีก
*ชี้ 9 เดือนมีแต่ข่าวทุจริต
ส่วนเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นต่อข่าวปัญหาการ ทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ทำงานมาได้ 9 เดือน พบว่า 59.6% มองว่ารัฐบาล มีข่าวการโกง การทุจริต คอร์รัปชั่นมากกว่า ข่าวซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่ 47.6% คิดว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันทุจริตคอร์รัปชั่นในทุก กระทรวงทุกโครงการ โดยกระทรวงสาธารณ สุข 38.3% คมนาคม 37.9% โครงการ ชุมชนพอเพียง 31.1% โครงการไทยเข้มแข็ง 29.8% กระทรวงศึกษาธิการ 25.3% โดย 7.5% เชื่อว่า ไม่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเกิด ขึ้นมาเลยในรัฐบาลชุดนี้
*ปราบโกง“มาร์ค”ไร้ผลงาน
อย่างไรก็ตามผลสำรวจยังระบุด้วยว่า คนส่วนใหญ่จำนวนมากถึง 88.4% เชื่อว่าทุกรัฐบาลมีการโกงด้วยกันทั้งนั้น เมื่อถามถึงผลงานของนายอภิสิทธิ์ในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น พบว่าส่วนใหญ่ 69.9% ระบุมีผลงานน้อย ถึงไม่มีผลงานในการแก้ไขปัญหาเลย เมื่อถามถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในการแก้ไข ปัญหาของรัฐบาลชุดปัจจุบัน 73.9% ระบุผลงานน้อยถึงไม่มีผลงานในการแก้ไขปัญหาเลย
*“รมว.สธ.”ระบุรู้ตัวการแล้ว
ล่าสุดค่ำวันเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่แพทย์ชนบทเรียกร้องให้ลาออกเพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อ เท็จจริงกรณีโครงการไทยเข้มแข็งทำงานอย่างอิสระว่า ไม่ทราบว่าเหตุผลของแพทย์ชนบทคืออะไร เนื่องจากแพทย์ชนบทออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่ตนเสนอแต่งตั้ง นพ.ไพจิตร์ วราชิต เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่อยากพูดมากว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 ชุด โดยในส่วนทีมที่ปรึกษาของตนก็แสดงสปิริตลาออกไปแล้วทั้งคณะ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ นพ.ไพจิตร์ เร่งดำเนินการสอบสวนนำคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว โดยวันที่ 13 ต.ค.ซึ่งครบกำหนด 2 สัปดาห์หลังตั้งคณะกรรมการสอบต้องมีความคืบหน้า ตอนนี้พอรู้แล้วว่ามีใครบ้าง หากผลสอบออกมาไปโดนใครก็อย่าร้องก็แล้วกัน.
ที่มา เดลินิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|