คลิปดาวเทียมหมดอายุ ขณะลอยคว้างกลางอากาศ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
NASA ,
ยูทูบ โพสต์โดย NBATVvideos
นักดาราศาสตร์สมัครเล่น บันทึกภาพชิ้นส่วนโลหะของดาวเทียมที่หมดอายุ ขณะกำลังดิ่งลงสู่พื้นโลก
หลัง จากที่องค์การการบินและอวกาศนานาชาติ หรือนาซ่า ได้ออกมาประกาศข่าวเกี่ยวกับดาวเทียมยูเออาร์เอสที่หมดอายุกำลังจะตกลงสู่ พื้นโลกในวันนี้ (23 กันยายน) ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ข่าวนี้ได้ทำให้ทั่วโลกจับตามองดาวเทียมดวงนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ ล่าสุด นักดาราศาสตร์สมัครเล่นคนหนึ่ง ได้สองกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของดาวเทียมดวงนี้อย่างใกล้ชิด และบันทึกภาพขณะที่ดาวเทียมกำลังร่วงลงสู่พื้นดินมาให้ผู้คนทั่วโลกได้ชมกัน
โดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่นรายนี้ คือ นายเธียรี่ เลอเกาต์ จากปารีส ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ดาวเทียมยูเออาร์เอส ขณะร่วงลงสู่พื้น เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยจากคลิปวิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ดาวเทียมยูเออาร์เอสกำลังลอยคว้างหมุนไปมาอยู่บนชั้นบรรยากาศ ซึ่งในวันที่เธียรี่ ได้บันทึกวิดีโอนี้นั้น ดาวเทียมกำลังร่วงลงมาอยู่ในระดับความสูงประมาณ 300 กิโลเมตรจากพื้นดิน
หลังจากที่ได้บันทึกภาพของดาวเทียมดวงนี้แล้ว เธียรี่ก็อัพโหลดมันลงในเว็บไซต์ยูทูบเพื่อแบ่งปันให้ผู้คนที่กำลังเฝ้า ติดตามเหตุการณ์นี้ได้เห็นถึงความเคลื่อนไหว และลักษณะของดาวเทียมขณะร่วงลงสู่พื้น ก็นับว่าทำให้คนทั่วโลกได้เห็นเหตุการณ์ดาวเทียมตกสู่พื้นไปพร้อม ๆ กัน แม้ภาพของดาวเทียมจะยังเลือนรางมากก็ตาม
สำหรับ ข่าวเหตุการณ์ดาวเทียมตกลงสู่พื้นนี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนหลายกลุ่ม เนื่องจากหวั่นว่าดาวเทียมดวงนี้จะตกลงสู่หลังคาบ้าน หรือพื้นดินในบริเวณที่มีคนอยู่ และอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและสิ่งก่อสร้างได้ โดยล่าสุด ทางด้าน รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสำนักวิจัยดาราศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า การร่วงลงสู่พื้นของดาวเทียมดวงนี้อันตรายมาก ประเทศไทยอาจเป็นจุดที่มันตกลงมาพอดี ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็สามารถสร้างความเสียหายได้เหมือนกัน เพราะตกลงมาด้วยความเร็ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันไป เพราะมันอาจจะไม่เกิดอันตรายก็ได้ แต่ก็อยากให้ติดตามข่าวจากนาซ่าอย่างใกล้ชิด
ส่วนทางด้านนาซ่าเอง ก่อนหน้านี้ก็ได้ออกมายืนยันว่า ความเสี่ยงที่ดาวเทียมจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและสิ่งก่อสร้างบนพื้น โลกนั้น มีโอกาสเพียง 1 ใน 3,200 เท่านั้น เพราะแม้ว่าดาวเทียมดวงดังกล่าวจะมีขนาดเท่ารถบัสทั้งคัน และมีน้ำหนักกว่า 6 ตันก็ตาม แต่เมื่อมันผ่านชั้นบรรยากาศโลกแล้ว มันก็จะเกิดการเผาไหม้ก่อนจะค่อย ๆ อันตรธานหายไปกับอากาศหมด เหลือเพียงชิ้นส่วนเล็ก ๆ ประมาณ 26 ชิ้นเท่านั้นที่จะตกลงสู่พื้่นโลก ซึ่งก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร และตั้งแต่ในอดีต ก็ไม่เคยมีใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดาวเทียมตกสู่โลกเลยสักคน เดียว
[22 กันยายน] นาซ่าจับตาดาวเทียมโหม่งโลก เผยไม่อันตราย
หลังจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซ่า ได้ปล่อยข่าวดาวเทียมที่หมดอายุจะร่วงลงบนพื้นโลกในวันที่ 23 กันยายนนี้ ซ้ำยังไม่รู้ตำแหน่งการตกที่ชัดเจน ทำให้ผู้คนในหลายพื้นที่ หวั่นเกรงว่าดาวเทียมดวงนี้จะตกลงมาสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและสิ่งก่อ สร้างบนพื้นโลก ล่าสุด นาซ่าได้ออกมาชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดาวเทียมดวงนี้มีโอกาสสร้างความเสียหายบนโลกน้อยมาก แม้จะหล่นสู่พื้นด้วยความเร็วสูงก็ตาม
โดย ผู้เชี่ยวชาญจากนาซ่า ได้เปิดเผยว่า ดาวเทียมยูเออาร์เอส ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ปลดประจำการดวงนี้ มีขนาดเท่ารถบัส และน้ำหนัก 6 ตัน ซึ่งจากการคำนวณของผู้เชี่ยวชาญ คาดว่า มันจะตกลงสู่พื้นโลกในวันที่ 23 กันยายนนี้ หรือคลาดเคลื่อนไม่เกิน 1 วัน เพราะตอนนี้วงโคจรของมัน อยู่เหนือพื้นโลกเพียง 200 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนจุดตกของมันนั้นเป็นไปได้ว่าจะอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 57 องศาเหนือ และเส้นรุ้งที่ 57 องศาใต้ ในรัศมี 12,000 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นผืนดินที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย แต่เวลาที่แน่นอนที่มันจะตกนั้น จะไม่มีทางรู้ได้ จนกว่าจะถึงช่วง 20 นาทีสุดท้ายก่อนมันตกกระทบพื้นดิน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น โอกาสที่มันจะตกกระทบผู้คนและสิ่งก่อสร้างบนโลกจนเสียหายนั้นมีน้อยมาก แค่ประมาณ 1 ใน 3,200 เท่านั้น เพราะแม้ว่ามันจะมีขนาดเท่ารถบัสและหนักกว่า 6 ตัน และตกลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วสูง แต่ชิ้นส่วนหลายชิ้นก็จะถูกเผาไหม้จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ และแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนตกลงสู่พื้นโลก โดยทางนาซ่าคาดว่าจะมีชิ้นส่วนดาวเทียมที่ตกลงสู่พื้นโลกประมาณ 26 ชิ้นเท่านั้น และชิ้นส่วนทั้งหมดจะกระจายไปตกในรัศมี 800 กิโลเมตรบนพื้นโลก
สำหรับ ดาวเทียมยูเออาร์เอส เป็นดาวเทียมที่ใหญ่ที่สุดของนาซ่า ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อปี 2534 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจวัดชั้นบรรยากาศ ลม และอุณหภูมิบนชั้นบรรยากาศ แต่ปลดประจำการไปตั้งแต่ปี 2548 แล้ว และดาวเทียมดวงนี้ก็จะเป็นดาวเทียมที่หล่นลงสู่พื้นโลกในรอบ 32 ปี หลังจากก่อนหน้านี้ ยานสกายแล็ปได้ตกลงสู่พื้นโลกไปแล้วเมื่อปี 2522 และในตอนนั้นก็ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด