| • สั่งประกบหมอวิสุทธิ์ กลัวคิดสั้น |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 27 ก.ค. 50 เวลา 10:25:24 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิต นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อาจารย์ภาควิชาสูตินรีเวช จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในความผิดฐานฆ่า พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ภรรยา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ปราศจากเสรีภาพ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ปลอมและใช้เอกสารปลอม ก่อนถูกส่งกลับเข้าเรือนจำกลางบางขวาง ทำเรื่องทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษ ท่ามกลางความดีใจของนายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาและ พญ.เพียงใจ วัชรสินธุ์ น้องสาวผู้ตาย ที่เฝ้ารอคอยความยุติธรรมคืนกลับครอบครัว ตามที่ “ไทยรัฐ” เสนอข่าวตามลำดับ ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้สอบถามนายธนพัฒน์ จันทรปรรณิก ผบ.เรือนจำกลางบางขวางถึงสภาพความเป็นอยู่ และการดูแล นพ.วิสุทธิ์ ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังมีอาการปกติ ไม่มีอาการเครียดหรือนอนไม่หลับ กรมราชทัณฑ์ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษ เพราะ นพ.วิสุทธิ์อยู่ในเรือนจำกลางบางขวางมานาน คิดว่าปรับตัวได้แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนสถานะเป็นนักโทษประหาร ส่วนความเป็นอยู่ขณะนี้ นพ.วิสุทธิ์ยังถูกควบคุมอยู่ในแดน 2 หรือแดนประหาร ร่วมกับเพื่อนนักโทษประหารกว่า 400 คน ส่วนใหญ่เป็นนักโทษคดียาเสพติด และคดีอาชญากรรมทั่วไป อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้คุมไม่ได้ตีตรวน นพ.วิสุทธิ์เหมือนนักโทษประหารทั่วไป เพราะพิจารณาแล้วไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ส่วนกิจวัตรประจำวัน จะมีหน้าที่ช่วยดูแลรักษาเพื่อนนักโทษ ทำให้เข้ากับพี่น้องนักโทษได้ดี สำหรับการยื่นถวายฎีกาเป็นหน้าที่ของ นพ.วิสุทธิ์ที่จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ โดยต้องเสนอเรื่องเข้ามาพิจารณาที่เรือนจำ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี ตามลำดับก่อนจะเสนอเข้าสำนักราชเลขาฯ ภายใน 60 วัน นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักโทษประหารชีวิตสามารถถวายฎีกาได้ อาจทำให้คนไม่กลัวกฎหมายว่า ไม่ควรคิดแบบนี้ คนทำผิดต้องรับโทษ แต่โทษที่รุนแรงที่สุดคือการประหารชีวิต คนเราเคยทำความดีมามาก ทำชั่วบ้าง ควรให้โอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณอีกครั้ง เป็นหลักการของทุกประเทศ ประชาชนเมื่อต้องโทษประหารชีวิต สามารถขออภัยโทษจากองค์ประมุขของประเทศได้ วัฒนธรรมของสังคมไทยต่อพระมหากษัตริย์ถือเป็นเจ้าชีวิต เมื่อจะเอาราษฎรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประหาร ต้องให้โอกาสแก่ประชาชนคนไทยซึ่งหมดที่พึ่งทุกทาง ได้มีโอกาสทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนคุณงามความดีพอจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณหรือไม่ สุดแล้วแต่พระราชวินิจฉัย ถือเป็นวัฒนธรรมที่ดีของไทย ไม่ได้อ่อนข้อต่อคนทำผิดทำชั่ว ควรมีเมตตาธรรมตามกรณี น่าเป็นหลักการหรือมาตรฐานที่ถูกต้อง ปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวด้วยว่า แนวคิดเรื่องโทษประหารชีวิตกับสังคมไทย ขณะนี้ยังขัดแย้งกันอยู่ โดยฝ่ายแรกไม่อยากให้มีการประหารชีวิต แต่ยังเป็นเสียงส่วนน้อย เพราะเสียงส่วนใหญ่ยังให้คงไว้ เพื่อข่มขู่ ปรามคนเกเร ให้รู้สึกหวาดกลัวยับยั้งใจ ทำให้ผู้เสียหายจากอาชญากรรมร้ายแรงได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ สังคมไทยไม่ได้รุนแรงโหดร้ายขนาดที่ประหารนักโทษเป็นปกติ กว่าจะมีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษสักครั้ง มีแทบน้อยมาก บางปีไม่มีการประหารชีวิตเลย ดังนั้น แนวคิดยกเลิกโทษประหารยังไม่ได้ข้อยุติ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต เรือนจำกลางบางขวางได้ส่งนักโทษชั้นดี เข้าประกบ นพ.วิสุทธิ์ ตลอด 24 ชม. เกรงว่าจะคิดสั้น เพราะเป็นคนเก็บความรู้สึก พูดน้อย ไม่ชอบคลุกคลีกับเพื่อนนักโทษ อีกทั้งที่ผ่านมา มีนักโทษที่ถูกศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิต พยายามฆ่าตัวตายอยู่เป็นประจำ จนเจ้าหน้าที่ต้องให้กำลังใจว่า ยังมีโอกาสได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อคลายความกดดันลง รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในด้านชีวิตความเป็นอยู่ ของ นพ.วิสุทธิ์ ในเรือนจำกลางบางขวาง ช่วงกลางวัน จะทำงานด้านแพทย์ รักษานักโทษในแดนพยาบาล รวมทั้งวินิจฉัยโรค จ่ายยา เย็บแผลสดเล็กๆน้อยๆ ร่วมกับ นพ.ศรชาติ ศิริโชติ หรือหมอแฮม อดีตแพทย์โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ที่ถูกศาลชั้นต้นจำคุก 35 ปี 4 เดือน หลังก่อคดีฆ่าเผาอำพรางศพ พญ.พัทธนันท์ ไชยวงค์ หรือหมอออม แฟนสาว อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลปง จ.พะเยา และ นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัตน์ ที่ถูกจำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่านางศยามล โฆษิตชัยวัตน์ ภรรยา ส่วน น.ช.เสริม สาครราษฎร์ ที่ถูกจำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่า น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี อดีตนักศึกษาแพทย์ เพื่อนสาวคนสนิท ไม่มีโอกาสร่วมรักษานักโทษ เพราะถือว่าเรียนไม่จบหลักสูตร พอตกกลางคืนจะถูกควบคุมในแดน 2 หรือแดนประหาร โดยอยู่รวมกับนักโทษประหาร 10 คน ในห้องขังซอยขนาด กว้าง 3x4 เมตร มีพัดลมเพดาน และทีวี 1 เครื่อง รวมถึงห้องน้ำในตัว สำหรับเรือนจำกลางบางขวาง ใช้เป็นสถานที่ควบคุมนักโทษประหารจากทั่วประเทศ ขณะนี้มีนักโทษประหารประมาณ 800 คน ถูกตัดสินเด็ดขาดรอประหาร 90 คน ส่วนสถิตินักโทษประหารที่ถูกประหารโดยวิธียิงเป้าในประวัติศาสตร์ กรมราชทัณฑ์มีทั้งสิ้น 319 คน นักโทษคนแรกที่ถูกยิงเป้า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2478 ส่วนนักโทษคนสุดท้ายที่ถูกยิงเป้า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2545 ก่อนกรมราชทัณฑ์เปลี่ยนวิธีประหารชีวิตมาเป็นฉีดยาพิษ ตามนโยบายของนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 46 ประเดิมฉีดยาพิษประหาร 4 ศพ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2546 แยกเป็นคดียาเสพติด 3 คน และคดีฆ่า 1 คน สำหรับข่าวนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมอีกข่าวหนึ่งของ “ทีมข่าวอาชญากรรม” กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยนายชนาธิป กฤษณะสุวรรรณ นายชูเกียรติ บุญเรืองฤทธิ์ และนายอนุเชษฐ์ สุขสมเกษม 3 นักข่าวฝีมือดีเป็นตัวหลัก เปิดเกมข่าวจากประกาศคนหาย จนกระทั่ง นพ.วิสุทธิ์ ผู้เป็นสามี ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ก่อนที่ทีมข่าวอาชญากรรมไทยรัฐ จะแกะรอยไปพร้อมกับการสืบสวนของตำรวจนครบาล เพราะสงสัยว่า นพ.วิสุทธิ์น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ด้วยภาพถ่ายสำคัญอันเป็นหลักฐานเด็ดจากกล้องวีดิโอวงจรปิด เป็นภาพของ นพ.วิสุทธิ์ประคอง พญ.ผัสพรออกจากร้านอาหารโออิชิ ภายในห้างดิสคัฟเวอรี่ ในวันที่ 20 ก.พ. 2544 โดย “ไทยรัฐ” เล่นภาพข่าวนี้พียงฉบับเดียว ก่อนที่ฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาลจะพบสถานที่ชำแหละร่างของ พญ.ผัสพร รวมทั้งชิ้นเนื้ออวัยวะ จนนำไปสู่การจับกุม ดำเนินไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จนเข้าสู่ การพิจารณาของศาล โดยข่าวชิ้นนี้ได้รับรางวัลข่าวยอดเยี่ยมประจำปี 2546 หรือรางวัลพูลิเซอร์เมืองไทย ของมูลนิธิอิศรา อมันตกุล ในชื่อว่า “แกะรอยหมอผัสพร ลากหมอวิสุทธิ์สู่แดนประหาร”ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3044 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 27 ก.ค. 50
เวลา 10:25:24
|
