หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ ผ้าพันคอราคาถูก ราคาส่ง เชียงใหม่ ลำพูน

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวทั่วไป
เว็บบอร์ด » ข่าวทั่วไป
รายละเอียดของห้อง : ข่าวบันเทิง ข่าวกีฬา ข่าวน่าสนใจทั่วไป
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
"ลูกกัปตัน" โต้หอสั่งให้ลงจอด วอนอย่าโยนบาปผีรอผลสอบ

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
"ลูกกัปตัน" โต้หอสั่งให้ลงจอด วอนอย่าโยนบาปผีรอผลสอบ
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 19 ก.ย. 50 เวลา 11:31:33 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 


            รองผอ.วิทยุการบิน เผยเจ้าหน้าที่หอรายงานกัปตันลมแรง ระบุการตัดสินใจลงจอดเป็นเรื่องของกัปตัน เผยลมแรง 40 นอตเป็นระดับหลังคาบ้านพัง ต้นไม้ฉีกเป็น 2 ท่อน กัปตันคนก่อนเชื่อสภาพสนามบินไม่อันตราย วอนอย่าโยนบาปให้กัปตันทั้งที่ผลสอบยังไม่ออกมา ยันไม่มีคนตายเพิ่ม

            จากกรณีเครื่องบินวันทูโก เที่ยวบินโอจี 269 เที่ยวบินกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุไถลตกรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ขณะนำเครื่องลงจอด ท่ามกลางสายฝนที่มีทัศนวิสัยไม่ดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 89 คน และบาดเจ็บ 41 คน เมื่อวันที่ 16 กันยายน ขณะนี้สาเหตุของอุบัติเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนนั้น

            ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายกำธร ศิริกร รองผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้ดูรายงานการบันทึกการสนทนา ระหว่างเจ้าหน้าที่หอการบิน กับกัปตันประจำเครื่องบินแล้ว ซึ่งการสนทนาเป็นปกติ มีการพูดคุยถึงเรื่องของกระแสลมและทัศนวิสัยต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานกัปตันแล้วว่า ขณะเกิดเหตุมีกระแสลมวินเชียร์หรือลมกระโชก ลมแรงที่ 40 นอต ซึ่งการที่กัปตันนำเครื่องลงแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ก็เป็นการตัดสินใจของกัปตัน ส่วนสาเหตุจะเกิดจากเรื่องของเทคนิคระบบกลไกต่างๆ หรือเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ 

            "ทางหอการบินได้แจ้งกับกัปตันแล้วว่ามีกระแสลมแรง ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับกัปตันว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ ก็มีเครื่องบินของวันทูโกอีกลำหนึ่งที่นำเครื่องลงจอด และหอวิทยุการบินก็ได้แจ้งเหมือนกันทุกๆ ลำว่ามีกระแสลมแรง ซึ่งก็นำเครื่องจอดลงปกติและก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไร ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องบินวันทูโกก่อนหน้านี้บินมาจากที่ใด แต่ทราบว่ามาลงที่สนามบินภูเก็ตเท่านั้น" นายกำธร กล่าว

            นายกำธร กล่าวด้วยว่า การนำเครื่องบินลงจอดนั้น หากกระแสลมจะแรงเพียงใด หรือฝนจะตกหนักขนาดไหนก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินและเทคนิคการใช้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของนักบิน ซึ่งนักบินที่มีชั่วโมงการบินสูง จะผ่านการทดสอบและสามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะนำเครื่องลงจอดอย่างไรให้ปลอดภัยมากที่สุด 

            โดยหอการบินนอกจากจะมีหน้าที่รายงานสภาพอากาศโดยทั่วไปแล้ว ยังสามารถตอบโต้กับกัปตันได้ เพราะหอการบินมีหน้าที่จัดการจราจรทางอากาศ เพื่อความเป็นระเบียบและความปลอดภัย ตลอดจนไม่ให้เครื่องบินต่างๆ แย่งกันขึ้นลง โดยมีสิทธิที่จะคัดค้านไม่ให้นำเครื่องบินลงจอด หากสภาพอากาศแปรปรวน กระแสลมแรง ฝนตกมาก หรืออยู่ในช่วงวิกฤติ โดยจะปิดสนามบินไม่ให้มีการขึ้นลงอย่างเด็ดขาด ตามกฎของการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือองค์การไอซีเอโอ

            อุตุฯชี้40นอตแรงเทียบความเร็ว80ต่อชม. 

            เจ้าหน้าที่สำนักพยากรณ์อากาศคนหนึ่ง กล่าวเกี่ยวกับกระแสลมที่เกิดระหว่างเครื่องบินวันทูโกลื่นไถลออกนอกรันเวย์ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีระดับ 40 นอตว่า กระแสลมระดับ 40 นอต มีความเร็วเท่ากับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความแรงขนาดนี้ สามารถทำให้หลังคาบ้านเรือนปลิวและทำให้ต้นไม้หักออกเป็น 2 ท่อนได้ เปรียบกับเดินโต้ลมจะเดินได้ยากมาก

            "ลมแรง 40 นอตถือว่าเป็นลมที่แรงพอสมควรหรือเรียกว่า ทวินอ๊อฟทรี ซึ่งลมแรง 40 นอตจะเกิดขึ้นในสนามบินบ่อย แต่เชื่อว่านักบินสามารถนำเครื่องลงได้ แต่จะต้องใช้ความชำนาญและการตัดสินที่เด็ดขาด" เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว

            ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าล้อเครื่องบินยังไม่แตะถึงพื้นนั้น เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ล้อยังไม่ถึงพื้น ในขณะที่นักบินพยายามนำเครื่องบินเชิดหัวขึ้นอีกครั้ง จึงอาจจะถูกแรงลมที่พัดขวางทางรันเวย์ ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวและเสียหลักพุ่งไปชนเนินดินจนเครื่องระเบิดได้ 

            ส่วนระดับความเร็วของลมนั้น เจ้าหน้าที่สำนักพยากรณ์อากาศอธิบายว่า กระแสลมระดับ 27 นอต เปรียบเป็นพายุดีเปรสชัน กระแสลมระดับ 34 นอตขึ้นไป เปรียบเป็นพายุโซนร้อน หากกระแสลมระดับ 64 นอตขึ้นไป เปรียบเป็นพายุไต้ฝุ่น ในกรุงเทพฯ นั้น พายุที่พัดผ่านที่หนักที่สุดระดับกระแสลมอยู่ที่ 60 นอต ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

            เผยระดับวินเชียร์และไมโครเบิร์ฟ

            เจ้าหน้าที่นักอุตุนิยมวิทยารายหนึ่ง กล่าวถึงความหมายของคำว่า กระแสลมวินเชียร์ ซึ่งเป็นลมต้านอย่างรุนแรงว่า "วินเชียร์" คือการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางของลมในระยะสั้นๆ (ฉับพลัน) สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง หรือเกิดพร้อมๆ กันทั้งสองแนวทำให้การเคลื่อนที่ของลมเป็นวงกลม จนเกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรงของวินเชียร์ ซึ่งเป็นอันตรายมากต่อการบิน

            เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ลมวินเชียร์ กับลมไมโครเบิร์ฟ จะเป็นตัวเดียวกัน เพียงแต่ความเร็วของลมจะแตกต่างกัน ในส่วนของลมวินเชียร์นั้น ความเร็วลมจะมีตั้งแต่ 5 นอตแต่ไม่เกิน 30 นอต เกิดจากสภาพภูมิอากาศจะมีเมฆ และในช่วงที่มีฝนโปรยลงมาก่อนที่จะมีฝนตกหนัก ส่วนลมไปโครเบิร์ฟ จะมีกระแสลมที่ค่อนข้างรุนแรงตั้งแต่ 30 นอตขึ้นไป จะเกิดขึ้นระหว่างเกิดเมฆฝนฟ้าคะนองและฟ้าฝ่า ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็ว

            ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทราบว่า ในวันที่เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุนั้น มีฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากเป็นช่วงที่มีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงทำให้เกิดฝนตกลมแรงตลอดทั้งวัน กระทั่งช่วงที่เกิดเหตุ สภาพอากาศแปรปรวน แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกหรือไม่  

            เร่งถอดเทปสนทนานักบิน-หอบังคับการบิน

            วันเดียวกัน นายชัยวัฒน์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังถอดข้อมูลจากเทปการสนทนาของนักบินกับหอบังคับการบิน รวมทั้งให้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมด และเสียงบันทึกของนักบินที่พยายามติดต่อหอบังคับการบินว่า มีเครื่องบินลำหนึ่งที่บินลงก่อนหน้าได้รายงานว่าสภาพอากาศเกิดลมแปรปรวนอย่างหนัก ส่วนกล่องดำจะส่งไปตรวจสอบที่สหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางอากาศเป็นคนถือไป

            นายกำธร รองผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกล่องดำที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบแล้วทั้งสองกล่องว่า กล่องดำแต่ละกล่องจะทำหน้าที่ต่างกัน กล่องดำแรก จะบันทึกการสนทนาระหว่างกัปตันและผู้ช่วยในห้องนักบิน ส่วนอีกกล่อง จะทำหน้าที่บันทึกการทำงานระบบกลไกต่างๆ ของเครื่องบิน ซึ่งต้องส่งไปตรวจสอบที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิต จึงจะแปลข้อความการสนทนาและระบบกลไกต่างๆ แล้วส่งผลมาที่ประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ทราบถึงสาเหตุของเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

            เร่งฟื้นฟูจิตใจเจ้าหน้าที่หอ

            ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการพักงานของเจ้าหน้าที่หอการบิน ซึ่งเป็นคนพูดโต้ตอบกับกัปตันเครื่องบินที่ประสบเหตุดังกล่าว ซึ่งนายกำธรได้ชี้แจงว่า พนักงานที่พูดโต้ตอบกับกัปตัน เป็นพนักงานชายที่มีประสบการณ์สูง ไม่ใช่พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ เบื้องต้นพนักงานคนนี้ไม่มีความผิด และไม่ได้มีการสั่งพักงาน แต่ส่งไปฟื้นฟูสภาพจิตใจ เนื่องจากเป็นผู้พูดคุยและโต้ตอบกับกัปตัน รวมทั้งเห็นเครื่องบินตกตั้งแต่ต้นจนจบ จึงมีผลกระทบทางด้านจิตใจ จึงให้แพทย์ดูอาการว่ามีความพร้อมในการทำงานต่อไปหรือไม่

            กัปตันคนแรกเชื่อสภาพอากาศนำเครื่องลงได้

            นายชอ (นามสมมติ) กัปตันสายการบินชั้นนำของประเทศ ซึ่งนำเครื่องลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ก่อนเครื่องบินวันทูโกจะเกิดอุบัติเหตุ กล่าวว่า ตอนที่ตนนำเครื่องบินลง ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตรวจสอบกับหอควบคุมการบิน เรดาร์ของเครื่องบินก็พบว่า ไม่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และจะสูงกว่ามาตรฐานพอสมควร

            “หลังจากที่นำเครื่องลงเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีเครื่องของสายการบินวันทูโกอีกหนึ่งลำกำลังจะลงจอด ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นประมาณ 5 นาที เครื่องลำที่เกิดอุบัติเหตุจะลงจอด เป็นจังหวะเดียวกันกับฝนที่โหมกระหน่ำอย่างแรง จนเครื่องบินลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุ แต่จากประสบการณ์ ผมเชื่อว่าหากจะนำเครื่องลงในสภาวะอากาศเช่นนี้จะสามารถทำได้” กัปตันคนเดิม กล่าว

            กัปตันคนเดิมกล่าวด้วยว่า หลังจากที่ท่าอากาศยานเปิดให้บริการตามปกติ ตนได้สำรวจบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่พบว่ามีรอยล้อของเครื่องบินในรันเวย์ ซึ่งอาจจะลื่น รันเวย์มีน้ำขัง หรือล้อเครื่องบินไม่แตะพื้น จึงเป็นไปได้ว่ากัปตันพยายามนำเครื่องขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ความพยายามนำเครื่องลงจอดไม่เป็นผล

            อย่างไรก็ตาม กัปตันคนเดิม กล่าวว่า แนวรันเวย์ของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตกับอุปกรณ์นำร่องที่เรียกว่า ”โลคอลไรเซอร์” ทำมุมเอียงอยู่ประมาณ 2 องศา ด้านซ้าย หากไม่มีการปรับแก้มุมขณะนำเครื่องลงจอดอาจจะทำให้เครื่องไหลออกไปทางด้านขวาได้ ซึ่งในสภาพปกติรันเวย์แห้งจะไม่น่าวิตกนัก แต่หากอยู่ในช่วงที่ฝนตกหนัก สิ่งที่ตามมาคือกระแสลมที่มีความแรงซึ่งทิศทางลมในท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เป็นลักษณะลมแนวขวาง หากนักบินไม่ปรับองศาอาจส่งผลให้ลมตีจนเครื่องไถลหลุดรันเวย์ได้

            "ขณะนี้มีความพยายามมุ่งไปที่ประเด็นความผิดพลาดของนักบิน ขณะที่ทุกฝ่ายยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเพราะในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งจะไม่มีปัจจัยเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ อาจจะเกิดจากการผิดพลาดของเครื่องบิน หรือระบบล้อ ตัวหอควบคุมการบินที่มีการรายงานคลาดเคลื่อน สภาพพื้นรันเวย์ หรือแม้แต่สภาพอากาศและความพร้อมของนักบินแต่ละคนในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งในวงการการบินไม่ต้องการให้มีการโยนความผิดให้แก่ใครคนใดคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อยากจะให้มีการเสาะหาความจริงเพื่อนำมาแก้ปัญหาต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นในอนาคต" กัปตันคนเดิมกล่าว

            เปิดใจกัปตันที่เคยบินขึ้น-ลงภูเก็ต

            วันเดียวกัน กัปตันผู้หนึ่ง ซึ่งเคยขับเครื่องบินขึ้นลงที่ภูเก็ต เปิดเผยว่า วินาทีแรกที่ได้ยินข่าวที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตกใจที่อุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งสภาพอากาศตามที่เป็นข่าวคือมีฝนตกหนัก ลมแรง มีวินเชียร์ คนที่ขับเครื่องบินจะตัดสินใจ ซึ่งสภาพอากาศที่เลวร้ายในวันนั้น เป็นเรื่องปกติที่กัปตันจะตัดสินใจเอาเครื่องบินขึ้นอีกรอบหนึ่งแล้ววนลงมาใหม่

            "ทุกสนามบินจะมีริวิเกชั่นของสนามบินอยู่ คือระยะการมองเห็นเครื่องบินนั้น ถ้าเกิดว่าเขาลงมาถึงระยะสูงที่สนามบินกำหนดและระยะการมองเห็นซึ่งมองไม่เห็นสนามบินผมเชื่อว่านักบินทุกคนถ้าเขามองไม่เห็นสนามบิน เขาไม่เอาเครื่องลงหรอก ต้องมองเห็นสนามบิน ในระยะที่สนามบินกำหนด อย่างสนามบินภูเก็ต ระยะการมองเห็นคร่าวๆ ประมาณ 2,200 เมตร และความสูงประมาณ 500 กัปตันเมื่อมาถึงตรงนั้นแล้ว ถ้าไม่สามารถมองเห็นไฟดวงใดดวงหนึ่งของเซ็นเตอร์ไลน์ เขาจะไม่ลง" กัปตันคนเดิมกล่าว

            กัปตันซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า ตนขับเครื่องบินขึ้นลงภูเก็ตบ่อยครั้ง และก็เคยเจอสภาพอากาศแบบนั้น จำได้เป็นเวลากลางคืนแต่คิดว่าฝนอาจจะไม่ตกหนักเท่าวันเกิดเหตุ และก่อนที่เครื่องบินที่ตกจะลงจอด 5 นาที ก็มีลำหนึ่งลงแล้ว แสดงว่า สภาพอากาศภายใน 5 นาที สามารถเปลี่ยนแปลงได้มาก

            ส่วนกรณีที่ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบอกว่า กัปตันหรือแอร์โฮสเตสไม่มีการเตือนผู้โดยสารเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น กัปตันคนเดิม กล่าวว่า ในสภาพอย่างนั้น ซึ่งกัปตันลังเลว่าจะเอาเครื่องบินลงในสภาพอากาศเลวร้ายหรือไม่ นักบินว่ามีเวลามากน้อย ถ้านักบินไม่ประกาศ แอร์หรือสจ๊วตก็จะประกาศ ที่บอกว่าผู้โดยสารเอาเข็มขัดออกก่อนขึ้นลง ส่วนตัวคิดว่าเป็นไปไม่ได้

            ลูกชายนักบินอ้างสนามบินให้ลงจอด

            สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างหนังสือพิมพ์เทมโปของอินโดนีเซียที่ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของนายอากุง บายู ฮังโกโน บุตรชายของนายอารีฟ มุลยาดี นักบิน ประจำเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลนอกรันเวย์ที่ภูเก็ต ที่อ้างว่าได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสายการบินวันทูโกว่า บิดาของเขาขออนุญาตที่จะบินกลับไปกรุงเทพฯ

            "อารีฟมีเวลาพอที่จะขออนุญาตบินกลับไปกรุงเทพฯ และยกเลิกการลงจอดที่สนามบินภูเก็ต เพราะสภาพอากาศที่ไม่ดี" นายอากุง กล่าวและว่า หอควบคุมการบินยืนยันว่า นายอารีฟควรนำเครื่องลงจอด

            สื่อออสซี่แฉ "โอเรียนท์ไทย" ถูกขึ้นบัญชีความปลอดภัย

            ขณะที่หนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน รายงานว่า สายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ บริษัทแม่ของวันทูโกเป็นหนึ่งในสายการบินต้นทุนต่ำ 3 รายของไทย ซึ่งถูกกระทรวงก่อสร้างและคมนาคมของเกาหลีใต้ขึ้นบัญชีเมื่อเดือนมีนาคม 2549 เกี่ยวกับความล่าช้าของเที่ยวบินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมาตรการความปลอดภัยที่ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน

            นอกจากนี้ การว่าจ้างพนักงานของวันทูโกและโอเรียนท์ไทยก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน โดยอดีตเจ้าหน้าที่ของบริษัท กล่าวว่า โอเรียนท์ไทย และวันทูโก ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน ได้ว่าจ้างนักบินอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อมาแทนที่นักบินยุโรปและไทย เนื่องจากมีค่าจ้างถูกกว่า และไม่ค่อยร้องเรียนเกี่ยวกับสภาพของเครื่องบินและประเด็นเงื่อนไขการทำงานอื่นๆ

            ขน8 ศพ แรกถึงดอนเมืองแล้ว

            เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 18 กันยายน ที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง สายการบินวันทูโก ได้ขนย้ายผู้เสียชีวิตมาเป็นเที่ยวแรก 8 ศพ ได้แก่ นายอาลีฟ มูยารี อายุ 56 ปี กัปตันเครื่องบิน นายมนตรี กมลรัตนชัย ลูกเรือนายพิทยา ว่องวันดี ลูกเรือ น.ส.ชนิดา ภัทรวรกุล ลูกเรือ นายสิงห์ชัย แสงอรุณ อายุ 46 ปี ผู้โดยสาร นายอำนวย มีศิลป์ ผู้โดยสาร นายอภิชัย พรหมพิทักษ์กุล ผู้โดยสาร และ น.ส.บุษกร สวนจรูญ อายุ 28 ปี ผู้โดยสาร โดยมีญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตเดินทางมารอรับศพด้วยความโศกเศร้าและร่ำไห้ตลอดเวลา

             นายจักรี นันสูงเนิน อายุ 33 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นสามี น.ส.บุษกร ผู้เสียชีวิต มารอรับศพภรรยากลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก ต่อไปไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร คิดอะไรไม่ออก ไม่มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

            "ผมอยู่กินกับภรรยามา 13 ปี ช่วยกันทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน ผมกับภรรยาไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต แต่ตอนนี้ผมมาเรียนการซ่อมโทรศัพท์มือถือที่กรุงเทพฯ เพื่อไปเปิดร้านซ่อมโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนวันเกิดเหตุ ภรรยาเดินทางมาเยี่ยมผมที่กรุงเทพฯ และเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้ ไม่คาดคิดว่าภรรยาจะจากไปเร็วขนาดนี้ สาเหตุที่ทำให้ภรรยาจากไปเร็วขนาดนี้อาจเป็นเพราะภรรยาดวงไม่ดี ชะตาขาด หรือไม่ก็เป็นเพราะอากาศเฮงซวยจนมาพรากภรรยาผมไป หรืออาจจะเป็นเพราะกัปตันประมาท ทั้งๆ ที่เขาประกาศว่าอากาศไม่ดี ทัศนวิสัยไม่ดี ยังดื้อรั้นลงจอด" นายจักรี กล่าว พร้อมเรียกร้องให้สายการบินรับผิดชอบเรื่องการนำศพภรรยากลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสายการบินก็จะดำเนินการให้

            "ผมอยากให้สายการบินต้นเหตุดำเนินการกับทุกคนทุกระดับอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ใช่คนฐานะดีได้รถตู้ คนฐานะไม่ดีได้รถกระบะมีหลังคาเท่านั้น ไหนๆ ก็บอกจะรับผิดชอบอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ก็ต้องทำให้สมกับที่ได้สัญญาไว้" นายจักรี กล่าวย้ำ

            "วันทูโก"วอนหยุดวิจารณ์

            ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินวันทูโก แอร์ไลน์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานของคณะกรรมการยังไม่ได้ข้อสรุป จึงต้องการให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของการเกิดว่ามาจากนักบินของสายการบิน หรือความผิดพลาดของการบังคับทิศทางการบิน เนื่องจากถือว่าเป็นการคาดเดา และส่งผลกระทบต่อภาพโดยรวมทั้งต่ออุตสาหกรรมการบิน ภาพลักษณ์ของประเทศ ตลอดจนมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานทางการบินของไทย

            "ต้องการให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ได้ยุติการให้ข่าว จนกว่าผลการพิสูจน์หลักฐานการบินแล้วเสร็จ โดยที่สายการบินจะรับผิดชอบในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง และหากได้ผลสรุปแล้วจะถือว่าเป็นบทเรียนทางการบินที่สายการบินจะนำมาใช้เป็นมาตรฐานและมาตรการเพื่อป้องกันการเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในอนาคต" ประธานบริหารวันทูโกกล่าว

            ร.อ.ขจิต กล่าวด้วยว่า การวิจารณ์โดยไม่มีข้อเท็จจริง ยังทำให้เกิดความสับสนในประชาชนทั่วไปและผู้โดยสารที่อาจจะไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบและการอนุญาตการบินของหน่วยงานของไทยได้ เพราะปกติสายการบินจะต้องผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางอากาศ และคณะกรรมการการบินพลเรือน และมีความปลอดภัยเกิน 100% ก่อนที่จะดำเนินการปฏิบัติการบินได้ ทั้งยังหากมีกระแสข่าวที่สับสนจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้โดยสารลดลง กระทบต่ออุตสาหกรรมการบินโดยรวม

            ส่วนความมั่นใจของพนักงานซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 950 คน ทางผู้บริหารสั่งการให้หัวหน้าระดับหน่วยงานต่างๆ เรียกประชุมพนักงานในสังกัด เพื่อชี้แจงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสายการบินยังคงดำเนินการต่อไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สายการบินต้องสูญเสียนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไปรวม 5 คน แต่สายการบินก็ดำเนินการบินตามระเบียบและมาตรฐานสากล รวมถึงการคัดเลือกหรือว่าจ้างนักบินที่มีประสบการณ์สูง โดยที่นักบินทุกคนของสายการบินวันทูโก ต้องมีได้รับใบอนุญาตการบินพาณิชย์สากล พร้อมกับมีการตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน อย่างสม่ำเสมอ และแต่ละคนถือว่ามีเป็นผู้มากประสบการณ์ด้านการบิน

            ด้านนายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินวันทูโก เปิดเผยว่า การดูแลรักษาเครื่องยนต์บริษัทให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย 100% ปัจจุบันสายการบินมีสัดส่วนนักบินที่เป็นคนไทย 30% ในขณะที่เหลือ 70% เป็นนักบินที่มีประสบการณ์และใบอนุญาตการบินพาณิชย์สากล จากประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวเนซุเอลา และออสเตรเลีย ซึ่งแต่ละคนมีชั่วโมงบินไม่ต่ำกว่า 3,000-5,000 ชั่วโมง และถือว่าเป็นมาตรฐานสากล

            ททท.โตเกียวรับกระทบท่องเที่ยว

            ด้านนางพัชนีลักษมณ์ สวัสดี ผอ.สำนักงาน ททท. โตเกียว กล่าวว่า ผลกระทบจากสายการบินวันทูโกเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวญี่ปุ่นนิยมในอันดับต้นๆ ในระยะเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 เดือนหลังจากนี้ รวมทั้งอาจกระทบต่อไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ 

            โดยเฉพาะกิจกรรม ภูเก็ต วอล์ค แอนด์ รัน แอสโซซิเอชั่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบกีฬา ซึ่ง ททท.สำนักงานภาคใต้เขต 4 และเอเอ็นเอ จึดขึ้นในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และในวาระครบรอบ 120 ปี สัมพันธภาพทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ในวันที่ 30 กันยายน นี้ ซึ่งบริษัทนำเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกว่า 23 ราย จำหน่ายแพ็คเกจล่วงหน้าไปแล้วกว่า 150 แพ็คเกจ และตั้งเป้านักท่องเที่ยวรวม 300 ราย แต่จากสถานการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะมีการยกเลิกการเดินทาง รวมทั้งชะลอการตัดสินใจในการซื้อแพ็คเกจอีกด้วย

            "การท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังมีอุปสรรคเรื่องเที่ยวบินตรงไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้คนญี่ปุ่นยังต้องอาศัยการต่อเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปยังปลายทางเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เหตุการณ์นี้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทาง มีการชะลอการตัดสินใจ และอาจมีการยกเลิกการเดินทางในระยะสั้นนี้แน่นอน โดยเฉพาะแคมเปญมาราธอน ซึ่งจัดที่ภูเก็ตนี้มีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูง" นางพัชนีลักษมณ์ กล่าว

            ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติชี้อาจเจอ "ไมโครเบิร์สต์"

            ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญด้านการบินจากต่างประเทศหลายคนให้ความเห็นว่าเครื่องบินโดยสารของสายการบินวันทูโกซึ่งตกที่ภูเก็ต อาจเผชิญกับสภาพอากาศที่เรียกว่า "ไมโครเบิร์สต์" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์กระแสอากาศไหลลงอย่างรุนแรงปะทะเข้ากับเครื่องบินขณะทำการร่อนลง ซึ่งถ้าหากนักบินแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ถูกต้องก็อาจทำให้ประสบอุบัติเหตุได้

            ทั้งนี้ ไมโครเบิร์สต์ก็คือ กระแสอากาศที่ไหลลงมาอย่างรุนแรงจากเมฆพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อให้เกิดลมพัดตัดกันในระดับต่ำอย่างรุนแรง โดยไมโครเบิร์สต์จะเกิดในบริเวณแคบๆ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงของกระแสลมอย่างรุนแรงและรวดเร็วจึงเป็นอันตรายยิ่งต่อการบิน โดยเฉพาะขณะที่เครื่องกำลังจะทะยานขึ้นหรือร่อนลงจอด

            นายเดวิด เลียร์เมาท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางการบินจากอังกฤษ กล่าวว่า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในยามที่นักบินประสบกับปรากฏการณ์ไมโครเบิร์สต์ คือ ชะลอความเร็วของเครื่องเพื่อให้สมดุลกับการไหลลงมาของกระแสอากาศอย่างรุนแรง เพราะไม่เช่นนั้นเครื่องจะตกกระแทกพื้นได้ แต่พอเครื่องพ้นจากไมโครเบิร์สตมาได้ก็จะมาประสบกับลมส่งท้ายอีก ทำให้ความเร็วในอากาศของเครื่องลดลงอย่างฮวบฮาบต่อไป และเมื่อมาบวกเข้ากับการชะลอความเร็วของเครื่องที่ทำโดยนักบินเองก่อนหน้านี้แล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นหายนะได้

            ด้านนายจี แบรนท์ ฟุท ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยรีเสิร์ช แอพพลิเคชั่นส์ แลบอราทอรี่ในสหรัฐ ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับสภาพอากาศให้อุตสาหกรรมการบิน ให้ความเห็นว่า ทุกครั้งที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง มักจะมีปัญหาเรื่องไมโครเบิร์สต์เกิดขึ้น แต่การที่เครื่องบินลำใดลำหนึ่งจะเผชิญกับไมโครเบิร์สต์นั้นต้องถือว่าโชคร้ายเอามากๆ แสดงว่าไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา เพราะการจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ต้องมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เครื่องบิน รันเวย์ และไมโครเบิร์สต์เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาอันรวดเร็วมาก

            ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทางการไทยเปิดเผยว่ากัปตันเครื่องบินลำนี้ได้รับคำเตือนให้ระวังวินเชียร์ขณะนำเครื่องลงจอดท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่านักบินได้รับคำเตือนเรื่องความเป็นไปได้ว่าจะเกิดไมโครเบิร์สต์ด้วยหรือไม่ และสนามบินมีระบบตรวจจับปรากฏการณ์นี้ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามการบินอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้ายแรงที่สุดอันดับต้นๆ หรือไม่

            ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ไมโครเบิร์สต์เป็นที่รู้จักมานาน 20 ปีแล้ว และเป็นสาเหตุให้เครื่องบินทั่วโลกตกอย่างน้อย 6 ครั้ง รวมถึงในไทยที่เคยมีเครื่องบินตกเพราะไมโครเบิร์สต์เมื่อปี 2531 โดยเกิดกับเครื่องบินทียู 134 เที่ยวบิน 831 ที่เดินทางจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม มายังกรุงเทพฯ แต่เกิดตกที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 75 คน

            แต่โศกนาฏกรรมประเภทนี้ได้ลดลงเหลือศูนย์ในสหรัฐ เนื่องจากสนามบินใหญ่ๆ ติดตั้งระบบเตือนภัยไมโครเบิร์สต์ที่พัฒนาโดยศูนย์วิจัยบรรยากาศแห่งชาติกันหมดแล้ว ขณะที่รัฐบาลชาติอื่นๆ ยังไม่ค่อยมีการติดตั้งระบบนี้ทั้งที่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ และจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น

            อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเร็วเกินไปที่จะชี้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้เครื่องตกในครั้งนี้ และคงต้องรอหลักฐานจากกล่องดำ แต่มีอยู่ 2 อย่างที่ควรจะต้องถาม คือ 1.นักบินตัดสินใจถูกหรือไม่ที่จะนำเครื่องลง 2.ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศที่หอควบคุมการบินให้แก่นักบินนั้นมีคุณภาพแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็เป็นของนักบินเองว่าจะเอาเครื่องลงหรือไม่ เพราะถ้าคิดว่าเสี่ยงก็สามารถไปลงจอดที่อื่นได้ หรือบินวนก่อนแล้วค่อยนำเครื่องลงจอด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- เผยนาทีระทึก! ถีบประตูฉุกเฉินหนีตายมาได้ ก่อนเห็นไฟลุกท่วม
- นาทีระทึก... เครื่องบินชนไหล่เขา ที่..."ภูเก็ต" 
- ยอดเหยื่อบินตก ตายอื้อ ตรวจสอบรายชื่อที่นี่ค่ะ
- วันทูโกเที่ยวบินมรณะ ยอดตายล่าสุด 97 ศพแล้ว 
สั่งวันทูโกเร่งจ่ายค่าชดเชย หลังญาติโวย เชื่อประกันจ่ายชัวร์!
 
ข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวจาก กระปุกดอทคอม

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 3387

แสดงความคิดเห็น โดย กรรมกรข่าว IP: Hide ip , วันที่ 19 ก.ย. 50 เวลา 11:31:33
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี