เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ประชุมสนช. ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ทั้ง 3 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, ร่างพ.ร.บ..มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และร่างพ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
ก่อนเริ่มการพิจารณาปรากฏว่า พล.อ.ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายคัดค้านและให้คณะกรรมาธิการถอนร่างพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับออกไปก่อนให้เหตุผลว่า ไม่ถือว่าเป็นกฎหมายเร่งด่วนต่อประเทศชาติ ที่สำคัญจะมีผลกระทบต่อคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตนักศึกษา อาจเกิดความแตกแยกขึ้น
ส่วนน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสนช.อภิปรายคัดค้านว่า เราถูกตำหนิ กล่าวหาว่าทำงานลวกๆ รีบร้อนผลักดันกฎหมายออกไป แล้ววันนี้จะดำเนินการกันอีก ปัญหาร่างพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย อยากให้สนช.ใช้วิจารณญาณพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ควรปล่อยไปโดยขาดความรอบคอบ และขาดการพิจารณาถึงความรู้สึกของคนข้างนอก โดยเฉพาะประชาคมของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ที่กำลังโต้เถียงกันจนมีการถวายฎีกา และกราบทูลต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ขอให้ใจเย็นและรับฟังสมาชิก โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.จุฬาฯ มีหลายมาตราขัดและแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การพิจารณาได้ยึดถือตามข้อบังคับทุกประการ และได้สรุปก่อนวันที่ 7 ธ.ค. และมีมติให้เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ดังนั้นทุกอย่างผ่านกระบวนการขั้นตอนอันเป็นข้อยุติแล้ว
หลังอภิปรายโต้แย้งกันเสร็จ ที่ประชุมได้เริ่มพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง เป็นฉบับแรก และมีมติเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ด้วยคะแนน 134 ต่อ 6 งดออกเสียง 2 และพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวาระ 2 และ 3 ด้วยคะแนน 138 ต่อ 5 เสียง
ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.จุฬาฯ บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียดนานถึง 2 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ให้เป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบด้วยคะแนน 134 ต่อ 6 งดออกเสียง 4 ซึ่งกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ภายหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ทั้งนี้ขณะที่สนช.ลงมติในร่างพ.ร.บ.นี้ บรรยากาศหน้ารัฐสภาไม่มีการชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวกลับไปตั้งแต่เวลา 18.00 น. และนัดมาชุมนุมใหม่ในวันรุ่งขึ้น