ผอ.สทศ.- ปธ.นักเรียนเทพศิรินทร์ห่วง สนง.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ปรับเกรดเด็กจบ ม.6 จากไม่ต่ำกว่า 1.00 เป็น 1.50 ไม่สะท้อนคุณภาพนร.ที่สูงขึ้น ถ้าแต่ละโรงเรียนยังไม่มีมาตรฐานการวัดผล ชี้บางร.ร.ยอมปล่อยเกรดไม่ให้เด็กตกซ้ำชั้น
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 มกราคม กรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เตรียมปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายใหม่ โดยนักเรียนที่จะจบชั้น ม.6 ได้ จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือจีพีเอเอ็กซ์ รวม 6 ภาคการศึกษา ไม่ต่ำกว่า 1.50 จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 1.00
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มคุณภาพนักเรียนที่จะส่งต่อไปเรียนในระดับอุดมศึกษาว่า เรื่องนี้ยังต้องมีการประชาพิจารณ์กันอีกหลายครั้ง คงไม่ได้นำมาใช้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งก็มีผู้เสนอเช่นกันว่า ถ้าปรับได้ก็อาจเริ่มในปีการศึกษา 2552 แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อเสนอในที่ประชุมรับฟังความเห็นร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 (ฉบับปรับปรุง) ครั้งที่ 1 ภาคกลางและภาคตะวันออกเท่านั้น ยังต้องมีการสำรวจและศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น จำนวนนักเรียนที่ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 1.00 มีจำนวนเท่าใด และเด็กกลุ่มนี้กระจายอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง ที่สำคัญต้องศึกษาว่าจะส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาว่าเด็กกลุ่มนี้ต้องลาออกกลางคันหรือไม่
ส่วนข้อเสนอให้มีการปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยนั้น อาจเป็นไปได้ยาก เพราะอาจส่งผลทำให้เด็กลาออกกลางคันจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักเรียนมีคุณภาพมากขึ้น คงไม่ใช่เรื่องการปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบเท่านั้น แต่ต้องมีการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
นางอุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (ผอ.สทศ.) กล่าวว่า เห็นด้วยถ้าการปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบที่สูงขึ้น จะส่งผลทำให้คุณภาพนักเรียนสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้า สพฐ.ยังไม่สามารถทำให้ครูในโรงเรียนต่างๆ มีคุณภาพการสอนสูงขึ้น รวมไปถึงการทำให้ระบบประเมินผลของโรงเรียนต่างๆ มีมาตรฐาน คิดว่าการปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบ ม.6 ต้องไม่ต่ำกว่า 1.50 จากเดิม 1.00 นั้น เป็นเพียงปลายเหตุที่จะทำให้นักเรียนมีคุณภาพสูงขึ้น แต่ต้นเหตุอยู่ที่คุณภาพการสอนของครู และระบบวัดผลของโรงเรียน เพราะถ้าครูสอนไม่มีคุณภาพ แต่วัดผลแบบปล่อยเกรดช่วยให้เด็กได้ 1.50 เพื่อให้เด็กจบ ม.6 การปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบของ สพฐ.ดังกล่าวก็ไม่มีความหมาย
นางอุทุมพรกล่าวต่อว่า ระบบการวัดผลของโรงเรียนถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้ามีมาตรฐานจริงก็จะสะท้อนถึงคุณภาพของเด็กอย่างแท้จริง อย่างกรณีที่ สทศ.ได้สำรวจค่าเฉลี่ยการให้เกรดของโรงเรียนมัธยมย้อนหลัง 3 ปี พบว่าในจำนวนโรงเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศราว 2,500 โรงเรียน มีถึง 47% ที่ให้คะแนนนักเรียนในอัตราที่เพิ่มขึ้นทุกปี เช่น บางโรงเรียนมีค่าเฉลี่ยนักเรียนทั้งหมดในโรงเรียนในปีการศึกษา 2547 ได้ 3.00 มาปี 2548 สูงขึ้นเป็น 3.20 และปี 2549 สูงขึ้นอีกเป็น 3.40 ทั้งที่ครูผู้สอนเป็นกลุ่มเดียวกัน ก็น่าสงสัยว่าโรงเรียนนั้นให้เกรดเพื่อช่วยนักเรียนให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ซึ่งข้อสงสัยนี้ทาง สทศ.ได้แจ้งให้ทาง สพฐ.ทราบ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบและแก้ปัญหา
''แม้ว่าทาง สพฐ.มีแนวคิดจะปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบ ม.6 ให้สูงขึ้น เพื่อหวังเพิ่มคุณภาพนักเรียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพนักเรียนจะสูงขึ้นอย่างแท้จริง ถ้าครูยังไม่ปรับปรุงคุณภาพการสอน และโรงเรียนไม่มีมาตรฐานในการให้เกรด การจะปรับเพิ่มเกณฑ์วัดผลเป็น 1.50 หรือ 2.00 ก็ไม่มีความหมายอะไร'' ผอ.สทศ.กล่าว
นายวรกิตติ์ ศรีนิธิโกษิต นักเรียนชั้น ม.6 และประธานนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ กทม. กล่าวว่า การปรับเกณฑ์วัดผลการเรียนจบชั้น ม.6 จากไม่ต่ำกว่า 1.00 เป็น 1.50 เพื่อหวังกระตุ้นนักเรียนให้สนใจการเรียนมากขึ้น เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะปัจจุบันโรงเรียนมัธยมต่างๆ ยังมีมาตรฐานในระบบการให้เกรดไม่เท่ากัน บางโรงเรียนยังมีการปล่อยเกรดเพื่อให้นักเรียนได้เรียนจบไป ไม่ซ้ำชั้น เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน หรือเพื่อช่วยให้เด็กของโรงเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังนั้น ถ้า สพฐ.ยังไม่สามารถทำให้ทุกโรงเรียนมีมาตรฐานในการให้เกรดนักเรียนได้ การปรับเกรดการจบของนักเรียน ม.6 ให้สูงขึ้น ก็ไม่มีความหมาย
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต