• โวยห้าม! นศ.กะเทยใส่กระโปรงไปเรียน แฉ ไม่รับตุ๊ดเรียนหมอ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 21 พ.ค. 51 เวลา 10:11:49 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
โวยห้ามนศ.กะเทย-ใส่กระโปรงไปเรียน แฉกีดกัน! มี"คณบดี" ไม่รับตุ๊ด เรียนหมอ จี้ให้แก้ไข
แฉกลางที่ประชุมสัมมนาสิทธิเพศที่ 3 คณบดีคณะแพทย์บางมหาวิทยาลัย ประกาศไม่รับกะเทยเข้าเรียนต่อ พูดต่อหน้ากก.สอบให้รับเฉพาะชายจริง-หญิงแท้เท่านั้น หรือบางแห่งก็ห้ามน.ศ.กะเทยที่แต่งหน้าหรือใส่กระโปรงเข้าสอบ ชี้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล จี้ให้เร่งแก้ไข รวมทั้งในเรือนจำก็มีปัญหาเช่นกัน โดยพวกเพศที่ 3 ทั้งกะเทย หรือทอม-ดี้ จะถูกกระทำแตกต่างจากนักโทษทั่วไป เผยไทยเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศเอเชีย ที่มีปัญหากีดกันทางเพศสูง แต่ยังรุนแรงน้อยกว่าบางประเทศ เพราะถึงขั้นจำคุกหรือประหารก็มี แต่ไทยยังมีปัญหากีดกันทางอ้อม เช่นไม่ให้บริจาคเลือด หรือมีข้อห้ามต่างๆ โดยอ้างระเบียบอย่างไม่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. คณะอนุกรรมการด้านส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาค ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ จัดสัมมนาเรื่อง การส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ด้านความหลากหลายทางเพศตามหลักการยอกยาการ์ตา (The Yogyakatra Principles) โดยนายวิทิต มันตาภรณ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานร่วมในการวางกรอบหลักการยอกยาการ์ตา กล่าวว่า หลักการดังกล่าวเกิดจากการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และองค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศจากทั่วโลก ที่เมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนพ.ย.49 โดยหลักการนี้เป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองเกี่ยวกับความโน้มเอียงทางเพศสำหรับคนรักเพศเดียวกัน และอัตลักษณ์ทางเพศสำหรับคนข้ามเพศ ตามมาตรฐานกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
นายวิทิต กล่าวว่า ทั่วโลกมีประเทศที่ยังมีกฎหมายเลือกปฏิบัติคนที่มีความหลากหลายทางเพศประมาณ 20 ประเทศ โดยเป็นประเทศในเอเชียถึง 10 ประเทศ เช่น มีกฎหมายกำหนดโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตกับพวกรักเพศเดียวกัน หรือกฎหมายทางอ้อมที่ระบุว่าพวกรักเพศเดียวกันลามก หรือมีกฎหมายห้ามการร่วมเพศข้างหลัง ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว
"โดยหลักการยอกยาการ์ตามี 29 ข้อ อาทิ สิทธิในการศึกษา บางประเทศห้ามเกย์เป็นครู หรือนักเรียนเพศที่สามจะถูกประหาร สิทธิในการมีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตทางปกครอง บางประเทศคนหลากหลายทางเพศก็เป็นนายกฯ เป็นส.ส.หรือ สิทธิการก่อตั้งครอบครัว ซึ่งมีคนถามมากว่าประเทศไทยน่าจะให้เพศที่สามจดทะเบียนสมรสกันได้หรือยัง คิดว่าน่าจะค่อยเป็นค่อยไป จะเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับได้ อย่างไรก็ตามหลักการพื้นฐานคือ ต้องไม่ใช้ความรุนแรงและเลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งภาครัฐอย่างกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ น่าจะรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ" อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์กล่าว
นายวิทิต กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไทยอยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควรแต่หละหลวมเรื่องการห้ามเกย์บริจาคเลือด ซึ่งไม่สมดุลเพราะเชื้อเอชไอวีมาจากทุกเพศใครก็ได้ ดังนั้นไม่ควรปฏิเสธรับเลือดใคร แต่ควรมีกระบวนการกลั่นกรองเลือดให้ดีน่าจะเหมาะสมกว่า ส่วนประเด็นที่น่าจะทำได้ในอนาคต คือ ผู้ที่แปลงเพศจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงสูติบัตร พาสปอร์ต และคำนำหน้าด้วย หลายประเทศทำได้ เช่น แอฟริกาใต้ เพราะความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ หากคนไม่เข้าใจก็ต้องใช้กฎหมายมาเปลี่ยนแปลง
ด้านนายจาตุรนต์ วรรณนวล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง กล่าวว่า ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยรัฐบางแห่งออกระเบียบไม่อนุญาตให้เด็กนักศึกษาที่เป็นกะเทยสวมกระโปรง แต่งหน้าทาปาก และไม่ให้เข้าสอบ ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของนักศึกษา แม้จะอ้างเป็นระเบียบของมหาวิทยาลัย นอกจากนั้นทราบจากเด็กที่มาบอกให้ฟังว่า มีคณบดีคณะแพทย์มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการสอบคัดเลือกนักศึกษาแพทย์ ประกาศกับกรรมการว่าจะรับเฉพาะนักศึกษาชายและหญิงเท่านั้น จะไม่รับนักศึกษาที่มีลักษณะตุ้งติ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงอยากเรียกร้องให้สถาบันการศึกษาไม่ควรห้ามเด็กเพศที่สามสวมกระโปรง หรือห้ามคนรักเพศเดียวกันเป็นผู้บริหาร และเรือนจำควรแบ่งแยกนักโทษที่รักเพศเดียวกันออกจากนักโทษทั่วไป เพราะพบว่านักโทษหญิงรักหญิงหรือเกย์กะเทยมักไม่ปลอดภัยและมีปัญหาตามมา
"ตอนนี้พบว่านักโทษชายที่ถูกข่มขืนในคุกไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุดนักโทษชายชาวลาวถูกข่มขืนโดยนักโทษชายรักเพศเดียวกันในคุก แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นอกจากนี้พบว่ามีนักโทษหญิงรักหญิงแค่โอบกอดกันก็ถูกเรือนจำลงโทษให้ไปยืนกลางแดด โดยอ้างว่ากระทำอนาจาร ถือเป็นการคุกคามระหว่างถูกควบคุมอย่างมาก อยากฝากผู้บริหารกรมราชทัณฑ์สั่งการทุกเรือนจำอย่าเลือกปฏิบัติกับกลุ่มรักเพศเดียวกัน" นายจาตุรนต์ กล่าว
นางชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หลายสังคมใช้ความรุนแรงกับคนหลากหลายทางเพศ เช่น ทำร้าย แต่สังคมไทยจะกีดกันแบบรังเกียจคนข้ามเพศแบบซับซ้อนแยบยล เช่น ศูนย์บริจาคโลหิต สภากาชาดไทยที่ปฏิเสธรับเลือดกลุ่มเกย์ เป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้ความรุนแรงทางตรงกับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศกระทำตัวเอง เช่น ฆ่าตัวตาย ดังนั้นต้องผลักดันหลักการยอกยาการ์ตาให้เกิดผลสำเร็จ จะเป็นคุณูปการกับสังคมการเมืองไทย ที่เป็นประชาธิปไตยเชิงโครงสร้างแค่หน้าตา แต่ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย จึงไม่อดทนอดกลั้นกับคนที่แตกต่างกับตัวเอง
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1262 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 พ.ค. 51
เวลา 10:11:49
|