| • เจ้าคณะปัดข่มขืน -สั่งอุ้มฆ่าสาวใหญ่อ้างป่วยเป็นอัมพฤกษ์ |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 21 พ.ค. 51 เวลา 10:12:42 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เจ้าคณะปัดข่มขืน -สั่งอุ้มฆ่าสาวใหญ่อ้างป่วยเป็นอัมพฤกษ์
เจ้าคณะอำเภอหนองเสือปฏิเสธสั่งฆ่าสาวใหญ่ขายเครื่องดูดฝุ่น อ้างเป็นอัมพฤกษ์เดินแทบไม่ไหว ทำอะไรใครได้ เผยอาจเป็นฝีมือลูกศิษย์ที่โกรธแค้น หลังเปิดโฟนโทรขู่รีดเงิน 7 หลัก "เจ๊แดง" เจ้าของโรงโม่หินสระบุรีโร่มอบตัว ปฏิเสธพัวพันฆ่าสาวเครื่องดูดฝุ่น ยัน "เจ๋ง" ทำร้ายนางสุนทร ตำรวจตั้ง 2 ข้อหาหนัก ร่วมกันชิงทรัพย์ และร่วมกันพยายามฆ่า
จากกรณี นางสุนทร ประเสริฐเจริญสุข พนักงานขายเครื่องดูดฝุ่น ถูกลวงไปฆ่า โดยรุมทำร้ายทั้งอาวุธมีดและปืนยิง แต่ดวงแข็งรอดตายมาได้ และเข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี กล่าวหาพระระดับเจ้าคณะรูปหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เป็นคนบงการสังหาร หวังฆ่าปิดปากไม่ให้แฉเรื่องการถูกข่มขืน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม ที่วัดนพรัตนาราม หมู่ 6 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พระครูปทุมธรรมวาที เจ้าอาวาสวัดนพรัตนาราม และเจ้าคณะอำเภอหนองเสือ ซึ่งถูกกล่าวพาดพิง กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบรายละเอียด และเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้า โดยทราบจากสื่อมวลชน อีกทั้งเนื้อข่าวก็ยังไม่มีการพาดพิงมาถึงตน เพราะไม่มีการระบุว่าวัดไหน หรือเจ้าอาวาสวัดใด
พระครูปทุมธรรมวาทีกล่าวว่า ส่วนตัวแล้วรู้จักกับผู้เสียหายรายนี้ เพราะมาเสนอขายเครื่องดูดฝุ่นให้วัดในราคาประมาณ 2 หมื่นบาท โดยเข้ามาขอพบตน มาครั้งแรกยังไม่ซื้อ และครั้งที่ 2 มากัน 2 คน และพยายามเสนอขายสินค้า โดยบอกว่าทางวัดนี้มีเงิน เพราะทำจตุคามรามเทพขายได้หลายสิบล้านบาท ซึ่งก็ยังบอกไปว่าได้ 10 ล้านบาทจริง แต่ลงทุนไป 5 ล้านบาท ที่เหลือ 4-5 ล้านบาท ก็ใช้สร้างโบสถ์ไปหมดแล้ว แต่ยังก็พยายามตื๊อ จึงซื้อไว้ 1 เครื่อง
จากนั้นหญิงคนดังกล่าวยังสอบถามว่า รู้ไหมว่าวัดไหนมีเงินบ้าง เพื่อจะได้ไปเสนอขายตามวัดอีก ตนบอกไปว่า วัดแถวนี้ไม่ค่อยมีเงินหรอก อย่าไปรบกวนพระท่านเลย จากนั้นไม่นานหญิงคนดังกล่าวก็โทรศัพท์มาหาอีกหลายครั้ง ครั้งหลังๆ มักจะพูดจาข่มขู่ตน เพื่อขอเงินเป็นตัวเลข 7 หลัก โดยขู่ว่า ถ้าไม่ให้จะไปฟ้องพระผู้ใหญ่ว่ามีสัมพันธ์กับตน
แต่ตนก็ไม่สนใจ เพราะถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิด จากนั้นไม่นานประมาณ 10 กว่าวันที่ผ่านมานี้เอง มีพระผู้ใหญ่ของ จ.ปทุมธานี โทรศัพท์มาหา สอบถามเรื่องราว เพราะมีคนไปฟ้องว่าถูกตนลวนลาม หรือมีสัมพันธ์ด้วย แต่ชี้แจงพระผู้ใหญ่ไปหมดแล้วว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ซึ่งพระผู้ใหญ่ก็เข้าใจ และเงียบไป
พระครูปทุมธรรมวาทีกล่าวอีกว่า แต่หลังจากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็พยายามโทรมาขู่อีกหลายครั้งเพื่อขอเงิน แต่ตนไม่สนใจ และมีอยู่ครั้งหนึ่งโทรมาแล้วมีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ นายเจ๋ง ไม่ทราบชื่อจริง บ้านอยู่ที่หน้าพระลาน จ.สระบุรี นั่งอยู่ในกุฏิด้วย
ตนเลยเปิดโฟนเสียงโทรศัพท์ให้ลูกศิษย์ฟัง หลังจากฟังเรื่องการข่มขู่แล้ว นายเจ๋งก็พูดขึ้นว่า "ผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้ได้อย่างไร แบบนี้น่าตบปากนัก” แต่ก็ห้ามไว้ว่าอย่าไปทำอะไรเขาเลย จากนั้นนายเจ๋งก็กลับไป ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
พระครูปทุมธรรมวาทีกล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าลูกศิษย์จะไปทำอะไรแบบนั้น อาจจะหวังดีต่อตนที่โดนข่มขู่ไถเงิน แล้วไปทำกันเอง โดยทำเกินขอบเขต ทำเกินเลยไป ถ้ารู้ว่าเขาจะทำก็จะห้ามไว้ ไม่ยอมให้ทำอะไรแน่นอน เพราะเรื่องแค่นี้รู้สึกเฉยๆ ไม่สนใจหรอก และโทษของเขาก็ไม่ควรจะถูกกระทำถึงขนาดนี้ มันมากเกินไป
ถ้ารู้ตนจะห้ามไว้อย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าตนโทรศัพท์ไปหาผู้หญิงแล้วให้เขาไปส่งของที่สระบุรีนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ไม่เคยโทรไปหาเขาแต่อย่างใด ส่วนที่ลูกศิษย์โทรติดต่อกันเองก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะลูกศิษย์ฉีกเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้น ที่ตนจดไว้ไปด้วย อาจจะไปติดต่อกันเองจนเกิดเรื่องขึ้นก็เป็นไปได้
พระครูปทุมธรรมวาที หรือพระอาจารย์สุชิน โชติวโร กล่าวว่า บวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันนี้ก็ 33 พรรษาแล้ว อายุก็ 55 ปีแล้ว อีกทั้งร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นเบาหวานมาเกือบ 20 ปี และยังเป็นอัมพฤกษ์มานาน เพิ่งจะเดินได้บ้าง แต่ก็ยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเวลาเดิน อย่างนี้จะไปรังแกใครได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมองได้ 3 อย่าง คือ ลูกศิษย์ไม่สมควรทำรุนแรง หรือลูกศิษย์ทำไปเพราะต้องการปกป้องตน และอาจจะเป็นเรื่องชู้สาวหรือเปล่า จึงเป็นแบบนี้
ด้าน พ.ต.อ.ปัญญา วิเศษพานิชกิจ ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เคยเป็นนายตำรวจที่ท้องที่นี้มาก่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะพระครูวินัยธรสุชิน โชติวโร ไม่เคยมีประวัติเรื่องแบบนี้เลย เท่าที่ทราบหลวงพ่อสุชินเป็นพระนักพัฒนา และมีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือเป็นอันมาก
แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.สระบุรีก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับหรือเชิญตัวไปสอบสวนแต่ประการใด เพียงแต่ฝ่ายสืบสวนกองบังคับการจังหวัดสระบุรีโทรศัพท์มาสอบถามที่อยู่ของวัดว่าตั้งอยู่ที่ไหนและประวัติเจ้าอาวาสเป็นอย่างไรเท่านั้น
นายสนั่น จันทร์ประเสริฐ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 6 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า บวชเรียนกับหลวงพ่อสุชิน และเข้าออกที่วัดอยู่ตลอด ไม่เคยเห็นหลวงพ่อสุชินจะประพฤติอะไรไม่ดีไม่งามสักครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องดูก่อนว่าเขาต้องการอะไร จึงกุเรื่องแบบนี้ให้หลวงพ่อเสียหาย ชาวบ้านย่านนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความจริง
ที่วัดเขียนเขต พระราชปริยัตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องอะไร และจะเป็นแบบนี้อยู่ทุกปี ขณะนี้มีเพียงสำนักพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานีโทรมาสอบถามเท่านั้น วัดยังไม่ได้รับรายงาน
แต่จะขอตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมาพอถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาก็มักจะมีข่าวทำนองเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงเจ้าคณะอำเภอหนองเสือ ที่ถูกระบุตัวอยู่ขณะนี้ก็ต้องสึกไปรับกรรม แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็ต้องปล่อยไปตามกรรม
ล่าสุดวันเดียวกัน นางนริศรา ศรีผดุง หรือเจ๊แดง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104/1 หมู่ 7 ซอยศาลเจ้าพ่อเขาขาว หมู่ 7 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หน้าพระลาน โดยมี พล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุทธ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ รอง ผบก.จว.สระบุรี และ พ.ต.อ.มาโนช สุภาพพูล ผกก.สภ.หน้าพระลาน ร่วมทำการสอบสวน
เบื้องต้นนางนริศราให้การต่อตำรวจว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งระบุว่านายรัฐศาสตร์ หรือเจ๋ง ซึ่งเป็นหลานชายของตน ที่เคยไปบวชเป็นพระอยู่วัดนพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2544 และได้ฝากตัวเป็นศิษย์เรื่อยมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาตลอดทั้งวันในการสอบสวนอย่างเคร่งเครียด
นางนริศรายังระบุด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุนางสุนทรได้เดินทางมาถึงบ้านพักของตนในช่วงเวลา 15.00 น. เพื่อมาติดตามทวงเงินกับตนที่ซื้อเครื่องดูดฝุ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ จนกระทั่งมืด ตนจึงให้นางวราภรณ์ เอี่ยมวิชัย หรือหน่อย อายุ 27 ปี หลานสะใภ้ ภรรยาของนายรัฐศาสตร์ช่วยนวดคลายเส้นอยู่ที่ห้องโถงภายในบ้าน
จากนั้นนายรัฐศาสตร์ หรือเจ๋ง ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกับลงมือทำร้ายร่างกายนางสุนทร โดยทั้งคู่ได้หลบหนีออกไปจากบ้านตั้งแต่วันเกิดเหตุ ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย หลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวนางนริศราเป็นการชั่วคราว
ด้าน พ.ต.ท.บรรณพจน์ กูดอั้ว นักวิทยาศาสตร์ (สบ 2) หัวหน้าวิทยาการ จ.สระบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณห้องโถงของบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อสืบหาร่องรอยต่างๆ รวมทั้งรอยนิ้วมือแฝง พบว่ามีเครื่องนอน หมอน เสื้อผ้ายังคงวางเกลื่อนห้อง และพบคราบเลือดหลายแห่งภายในห้องที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหานายรัฐศาสตร์ นางวราภรณ์ และนางนริศรา ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ และร่วมกันพยายามฆ่านางสุนทร เป็นคดีอาญาที่ ร.อ.89/2551 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2551 เหตุเกิดที่บ้านพักของนางนริศรา เลขที่ 104/1 หมู่ 7 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนนายเดชาซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้การว่า เป็นคนงานระเบิดหินอยู่ที่เหมืองหินในเขต จ.ลพบุรี เพื่อป้อนเข้าโรงงานของ ”เจ๊แดง" หรือนางนริศรา ผู้ต้องหารายนี้ระบุว่าทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับ โดยจะกลับมานอนพักที่บ้านพักคนงาน ภายในโรงงานของนางนริศรา
อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 23.00 น. นายรัฐศาสตร์หลานชายของนางนริศราได้ไปเคาะประตูเรียก พร้อมทั้งระบุว่านางนริศราเรียกให้ไปพบเพราะมีธุระใช้ด่วน เมื่อไปถึงพบรถยนต์ ทะเบียน ภภ 6476 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องและเปิดกระโปรงท้ายรถอยู่ จากนั้นนายรัฐศาสตร์สั่งให้ไปอุ้มร่างเหยื่อที่นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องโถง ซึ่งมีรอยเลือดเต็มพื้น โดยอุ้มร่างเหยื่อมาใส่ไว้ในกระโปรงท้ายรถ
ทั้งนี้ นายเดชาได้สังเกตภายในรถคันดังกล่าว พบว่านายรัฐศาสตร์เป็นคนขับ ส่วนที่เบาะนั่งด้านข้างคนขับมีนางวราภรณ์นั่งอยู่ หลังจากบรรทุกร่างเหยื่อแล้ว รถคันดังกล่าววิ่งไปตามถนนสายหน้าพระลาน-บ้านหนองจาน จากนั้นนายเดชาจึงกลับเข้าไปนอนที่ห้องพักคนงานตามเดิม
วันเดียวกัน พล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุทธ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หน้าพระลาน ได้ไปเยี่ยมและดูอาการเหยื่อที่โรงพยาบาลพระพุทธบาท โดยได้รับการเปิดเผยว่า นพ.ดนัย ทุริยานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งได้ระบุว่าตามที่มูลนิธิสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน
ได้นำตัวนางสุนทรผู้บาดเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาล แพทย์ได้รับตัวไว้รักษาอาการตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม หลังจากทำบาดแผลแล้วให้นอนพักฟื้นที่ตึกศัลยกรรมหญิง ชั้น 3 แผนกผู้ป่วยนอก
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้บาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกาย มีบาดแผลที่ใบหน้า ตาข้างขวาบวมเขียวช้ำและปิด ตาข้างซ้ายบวมช้ำ มีบาดแผลบริเวณต้นขาขวาด้านหลัง ศีรษะด้านหลังบวมโน มีแผลถูกยิงที่ไหปลาร้าด้านซ้ายและด้านหลัง รวมทั้งบาดแผลถลอกที่ด้านหลังเหนือเอว และมีบาดแผลเป็นรอยแดงช้ำตามร่างกายและใบหน้าหลายแห่ง
ทั้งนี้ในช่วงที่รับผู้ป่วยมาครั้งแรก พบว่าผู้ป่วยพอที่จะรู้สึกตัว และวันที่ 20 พฤษภาคม ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อยมาก พร้อมทั้งบ่นว่าปวดบริเวณแผลที่ไหปลาร้าด้านซ้าย รอบดวงตาทั้งสองข้าง โดยมีอุณหภูมิสูง 37.5 องศาเซลเซียส ส่วนระบบสมองนั้นแพทย์จะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่าอาการทางสมองยังคงน่าเป็นห่วงอยู่
ที่มาจาก
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1599 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 พ.ค. 51
เวลา 10:12:42
|
