กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปิดสะพานมัฆวาน ตร.สกัดวุ่น พันธมิตรบุกทำเนียบ ระดมหน่วยปจ.ตึงเครียด ชุมนุมข้ามคืน-กดดันหมัก นปก.โผล่ต้าน-ต่อยตีนัว! พันธมิตรเปิดเวทีล่าชื่อถอดถอน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตยว่า ตั้งแต่เวลา 13.00 น. มีประชาชนเริ่มทยอยมารวมตัวกันอยู่บนฟุตปาธตลอดแนวถนนราชดำเนิน เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นัดรวมตัวเวลา 15.00 น. กระทั่งเวลา 14.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯได้ตั้งเวทีด้วยรถสิบล้อ 2 คันติดเครื่องขยายเสียง ตั้งเวทีหันหลังให้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หันหน้าไปทางสะพานผ่านฟ้า ทำให้ต้องปิดการจราจรถนนราชดำเนินกลางฝั่งขาออก 1 ช่องการจราจร ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงสะพานผ่านฟ้า โดยนำแผงเหล็กมากั้น
จากนั้นเวลา 15.00 น. เวทีพันธมิตรฯเริ่มขึ้นโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ขึ้นปราศรัยชี้แจงถึงจุดประสงค์ของการชุมนุม เพื่อต่อต้านการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลและโจมตีการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในประเด็นการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และหนุนให้ขับไล่ออกนอกประเทศ โดยมีประชาชนและองค์กรแนวร่วมจากต่างจังหวัด อาทิ กำแพงเพชร นครนายก และกลุ่มกองทัพธรรม ทยอยมาร่วมชุมนุมกว่า 2,000 คน แต่อากาศร้อนทำให้ช่วงกลางถนนมีคนอยู่บางตา ส่วนใหญ่หลบอยู่ตามฟุตปาธทั้งสองฝั่งถนนราชดำเนิน นอกจากนี้ ยังมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถอดถอน ส.ส.และส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อสมาชิกวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ กลุ่มพันธมิตรฯนำป้ายผ้าเขียนข้อความโจมตีนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯมาติดไว้ด้านหน้าเวที รวมทั้งยังนำผ้าโพกศีรษะเขียนข้อความ กู้ชาติ มาจำหน่ายในราคา 20-40 บาท โดยมีตำรวจจาก บก.น.1 จำนวน 200 นาย และบก.น.6 ตำรวจปฏิบัติการพิเศษประมาณ 300 นายมาดูแลความเรียบร้อย
ม็อบต้านเผาหุ่น-แห่ประจันหน้า
ขณะที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายสุชาติ นาคบางไทร อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) และไอ้โบ้ นายรัตนพล ส.วรพิน อดีตนักมวยชื่อดัง ได้ตั้งเวทีย่อยใช้ชื่อว่า สภาสนามหลวงต่อต้านพันธมิตร เผด็จการและความไม่เป็นธรรม ที่ท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา ขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. โดยมีผู้ร่วมชุมนุมทยอยมาร่วมกว่า 100 คน โดยนายสุชาติกล่าวบนเวทีว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อใด ทางกลุ่มจะเคลื่อนไปยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทันที และหากพันธมิตรฯเคลื่อนไปไหนอีกเราจะตามไปยึดที่นั่น แต่จะไม่มีการเผชิญหน้า ทั้งนี้ หากผู้ชุมนุมคนใดต้องการไปสมทบกลุ่มที่ปักหลักอยู่แล้วบริเวณสี่แยกคอกวัว อย่าไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ ให้ทยอยไปทีละ 2-3 คนเพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯหรือตำรวจเข้ามาห้ามปรามหรือจับกุมว่าเป็นตัวป่วน จากนั้นเวลา 16.30 น. ผู้ชุมนุมจากสนามหลวงได้พากันเคลื่อนย้ายไปสมทบที่สี่แยกคอกวัว
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธรรมาธิปไตย กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ประมาณ 150 คน ใส่เสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.บางส่วนที่ปักหลักชุมนุมกันที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ ได้ตั้งขบวนเมื่อเวลา 15.00 น. โดยใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียง เดินจากอนุสรณ์สถานฯมาจนถึงฝั่งถนนราชดำเนินฝั่งขาเข้า บริเวณหน้าศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ พร้อมปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย นอกจากนี้ยังนำกระดาษหนังสือพิมพ์ม้วนเป็นรูปหุ่นคนติดชื่อแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนก่อนจะจุดไฟเผา และนำธงสีเหลืองที่มีข้อความว่า พันธมิตรกู้ชาติ มาเผาด้วย โดยมีบางคนเข้าไปเหยียบหุ่นและธงซ้ำ พร้อมกันนี้กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯจำนวนหนึ่งได้ประกาศจะบุกยึดอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย โดยระบุว่ามีระเบิดขวด แต่ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตะลุมบอนขว้างขวดน้ำเป็นระยะ
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านประมาณ 30 คน ได้เคลื่อนขบวนข้ามถนนเพื่อจะมาบริเวณตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ด้านหลังเวทีของพันธมิตรฯ ทำให้เกิดเผชิญหน้ากันระหว่าง 2 กลุ่ม ต่างฝ่ายต่างตะโกนด่ากัน โดยมีสวนหย่อมกันกลางไว้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ใกล้เคียง ได้ทยอยมาตั้งแถวเพื่อกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน กระทั่งเวลา 15.50 น. ได้มีรถ 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯวิ่งตัดเข้ามาด้านหลังเวที ทำให้กลุ่มต่อต้านวิ่งกรูกันขึ้นไปฉีกป้ายผ้าที่ติดอยู่บนรถออก จึงเกิดการตะลุมบอนชกต่อยและขว้างขวดน้ำเข้าใส่กันนาน 5 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และรปภ.ของพันธมิตรฯจะเข้ามาแยกกลุ่มชุมนุมออกจากกัน โดยฝ่ายต่อต้านจะถอยกลับไปยืนอยู่จุดเดิม แต่ยังคงตะโกนด่าเข้าใส่กัน มีผู้ต่อต้านบางคนพยายามยั่วยุโดยเดินเข้ามาด่าใกล้ๆ นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านกันเป็นระยะ แต่ยังอยู่ในภาวะที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ต่อมาเวลา 17.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯได้นำจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่มาตั้งไว้บริเวณกลางถนนราชดำเนิน ก่อนถึงสะพานผ่านฟ้า โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนยังทยอยมาร่วมชุมนุม จนมีหางแถวยาวไปถึงสะพานผ่านฟ้า โดยมีผู้ชุมนุมประมาณ 5,000 คน ขณะที่กลุ่มต่อต้านประมาณ 500 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบฯ ได้เข้าประจำจุดเพื่อกั้นแนวการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯได้ตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯปิดถนน
นำแผงเหล็กกั้น-เพิ่มกำลังตร.
จากนั้นเวลา 17.30 น. แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนได้เดินทางโดยรถตู้เข้าด้านหลังเวที ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้โห่ร้องชื่นชม ขณะที่กลุ่มต่อต้านตะโกนด่า ต่อมาเวลา 17.40 น. กลุ่มต่อต้านได้เคลื่อนขบวนจากฝั่งศึกษาภัณฑ์มายังหน้าร้านอาหารศรแดง ซึ่งอยู่ด้านข้างของเวทีพันธมิตรฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมายืนกั้นเป็นแนวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุปะทะขึ้น โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้มายืนประจันหน้า และต่างฝ่ายต่างตะโกนด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง จนเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรั้วเหล็กมากั้นตรงฝั่งผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้าน และเพิ่มกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีก 200 นายมาคุมสถานการณ์ และได้เตรียมรถดับเพลิงจากกทม.จำนวน 2 คันและรถควบคุมมวลชน 2 คันมาจอดรอไว้บริเวณใกล้เคียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 18.30 น. บริเวณฟุตปาธหน้าธนาคารอาคารสงเคราะห์ ถนนราชดำเนินฝั่งขาเข้า ด้านข้างเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่อต้านยืนประจันหน้ากันอยู่ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแล ปรากฏว่าทั้งสองกลุ่มได้ตะโกนด่าขับไล่กัน จนเกิดเหตุบานปลายขึ้นเมื่อกลุ่มพันธมิตรฯเดินข้ามถนนไปรวมอยู่ฝั่งเวที และได้เริ่มเปิดฉากด่าทอกันอีกรอบ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะวิ่งกรูเข้าชกต่อยกัน พร้อมขว้างขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ขวดน้ำพลาสติกเข้าใส่กัน และมีบางคนนำก้านร่ม ก้านธง เศษไม้และเก้าอี้พลาสติกของพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้นนำมาวิ่งไล่ฟาดกัน หลังจากเกิดเหตุนาน 5 นาที กลุ่มต่อต้านซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าได้ถอยกลับไปรวมตัวกันอยู่ตรงหน้า ร้านอาหารศรแดง โดยแต่ละฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บกันคนละเล็กละน้อย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำแผงเหล็กมากั้นทั้งสองฝ่ายไว้
ออกแถลงการณ์ย้ายปักหลักทำเนียบ
เวลา 18.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกลุ่มมีจุดยืนคือต้องการชุมนุมอย่างสันติ และได้ประสานตำรวจให้ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว ส่วนการนำรายชื่อ 20,000 ชื่อที่จะถอดถอนส.ส.และส.ว. ไปยื่นประธานวุฒิสภา จะหารือกับแกนนำอีกครั้งว่าจะเคลื่อนขบวนไปทั้งหมดหรือส่งตัวแทนไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 19.30 น. แกนนำพันธ มิตรฯประกอบนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นปราศรัยบนเวที โดยนายพิภพ ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 10/2551 เรื่อง"เคลื่อนไหวต่อเนื่องเพื่อกำจัดผู้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" มีเนื้อหาระบุว่า 1.การชุมนุมครั้งนี้ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรม นูญ มีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน ด้วยความสงบ อหิงสาและปราศจากอาวุธ แม้จะถูกอันธพาลที่ถูกจ้างมาจากคนในฝ่ายรัฐบาลยั่วยุ ขว้างปาสิ่งของและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่ประชาชนผู้ชุมนุมจะคัดค้านการทำงานของรัฐบาลที่ตั้งใจล้มล้างรัฐธรรมนูญที่มาจากการลงประชามติประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 14 ล้านเสียง เพียงเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ตัดตอนกระบวนการยุติธรรมอย่างไร้จริยธรรม
2.พันธมิตรฯมีมติจะเคลื่อนมวลชน ในเวลา 21.00 น. เพื่อเดินทางไปหน้าทำเนียบรัฐบาลและปักหลักพักค้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องและกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และคณะรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อความมุ่งหมายที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของคนในระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว และ3.ขอให้ประชาชนทั่วประเทศมารวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อไปยื่นหนังสือแจ้งความจำนงต่อประธานวุฒิสภา ในการถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ในเวลา 06.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นตัวแทนของพันธมิตรฯจะเดินทางไปพร้อมกับประชาชนในเวลา 07.00 น.
ก้อนหิน-ถุงอึปลิวว่อน
จากนั้นแกนนำทั้ง 5 คนผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย โดยมีประชาชนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯเกือบ 8,000 คน
เวลา 19.30 น. สถานการณ์เริ่มตึงเครียดอีกครั้งหลังจากทั้งสองกลุ่มด่าทอกันไปบริเวณธนาคารธนชาต โดยสาวใหญ่คนหนึ่งจากฝ่ายต่อต้าน ได้เดินข้ามฝั่งมาทางกลุ่มพันธมิตรฯตามคำท้า เมื่อไปถึงและกำลังจะถูกกลุ่มพันธมิตรฯเข้ารุมประชาทัณฑ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าไปห้ามปรามและดึงตัวออกมา แต่ทั้งสองฝ่ายได้ขว้างขวดน้ำเข้าใส่กันจนเกิดความโกลาหล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไประงับเหตุโดยใช้เวลากว่า 5 นาทีเหตุการณ์จึงสงบ อย่างไรก็ตาม ทางบริเวณฝั่งผู้ต่อต้านได้ช่วยกันทุบตัวหนอนรองถนนและก้อนหินให้มีขนาดเหมาะมือ รวมทั้งถุงใส่อุจจาระและขวดเครื่องดื่มชูกำลังและขวดน้ำดื่มที่บรรจุปัสสาวะแล้วขว้างเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีผู้บาดเจ็บกับเหตุ การณ์ดังกล่าวคือ นายวีรยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อายุ 48 ปี บริเวณกกหูซ้ายเป็นแผลแตกเล็กน้อย ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุปะทะกันในแต่ละจุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มกำลังเข้าป้องกันเหตุมากขึ้น
ฮือทุบร้านหวังล้อมแกนนำพันธมิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุชุลมุนบริเวณหน้าร้านอาหาร เมธาวลัย ศรแดง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.ส่วนหนึ่ง ไม่พอใจชายที่นั่งกินอาหารในร้าน แสดงท่าทางล้อเลียนโดยยกนิ้วโป้งขึ้น 2 นิ้ว หลังจากที่กล่าวชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และยังสังเกตเห็นว่ามีผู้สนับสนุนฝ่ายพันธมิตรฯ อยู่ภายในร้านอาหาร จึงมีการพูดต่อๆกัน จนกลายเป็นว่ามีแกนนำพันธมิตรฯ อยู่ภายในร้านศรแดง กลุ่มผู้ชุนนุม นปก.จึงฮือเข้าปิดล้อมที่หน้าร้าน พร้อมทั้งตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขณะนั้นมีขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ถูกโยนมาโดนกระจกร้านจนขวดแตกกระจาย อีกทั้งยังมีขวดพลาสติกใส่น้ำปัสสาวะถูกโยนมาด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง พร้อมชี้แจงว่าในร้านไม่มีแกนนำพันธมิตรฯอยู่ โดยทางร้านได้ให้แขกที่นั่งทานอาหารอยู่กลับออกไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งปิดร้านเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
เวลา 20.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ในวันนี้นักการเมืองที่โกงกินชาติจะต้องตกใจที่เห็นประชาชนมาเข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ทำให้ตนนึกถึงวันเก่าๆที่เคยรวมพลังกับมวลชน แต่วันนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะแต่ก่อนเราไล่เพียงคนเดียว แต่วันนี้เราไล่เป็นฝูง นับเป็นโอกาสที่พิเศษมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.จำลอง ได้กล่าวแถลง การณ์ส่วนตัวกับตำรวจว่า หากตนทำสิ่งใดที่เป็นการผิดกฎหมาย ก็ให้จับกุมตนได้ทันที อย่าถือเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง
ม็อบต้านเคลื่อนด้วยหวิดฟัดกันเละ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น เวลา 21.15 น. กลุ่มพันธมิตรฯได้เริ่มเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย โดยนายสุริยะใส กตะศิลา และกองทัพธรรม เดินนำหน้า และตามด้วยแกนนำทั้ง 5 คน กลุ่มผู้ชุมนุม ปิดท้ายด้วยรถเครื่องเสียง ทั้งนี้ ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลแกนนำทั้ง 5 ซึ่งการเคลื่อนขบวนเป็นไปอย่างช้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินขนาบข้าง ซึ่งเมื่อเคลื่อนมาถึงสี่แยกป้อมมหากาฬ สะพานผ่านฟ้า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแนวสกัดไม่ให้ผ่าน โดยใช้โล่และหมวกกันน็อก ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯต่างตะโกนด่ารัฐบาลเป็นระยะ ขณะที่บางคนปรบมือให้กำลังใจแกนนำทั้ง 5 คน
ขณะที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายสุชาติ นาคบางไทร ได้นำกลุ่มต่อต้านจากท้องสนามหลวงเข้ามาสมทบกลุ่มต่อต้าน บริเวณสี่แยกคอกวัวในเวลา 21.15 น. จากนั้น กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯซึ่งมีประมาณ 300 คน ได้ตั้งหัวขบวนบริเวณด้านหน้าศึกษาภัณฑ์ โดยมีรถกระบะติดเครื่องเสียงนำหัวขบวนแล้วเคลื่อนขบวนต่อท้ายกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมทั้งตะโกนขับไล่แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนออกไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 21.30 น. ฝ่ายต่อต้านได้เริ่มขว้างขวด ก้อนหินไปที่รถปิดท้ายขบวน พร้อมพยายามเข้าไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ มีการด่าทอกันไปมา จนแต่ละฝ่ายเตรียมหยิบไม้หน้าสามจะตีกัน แต่หน่วยปราบจลาจลเข้ามาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้และได้เพิ่มกำลังกว่า 200 นาย มากั้นตรงท้ายขบวนพันธมิตรฯกับกลุ่มต่อต้านเพื่อป้องกันการปะทะ โดยทั้งสองห่างกันประมาณ 50 เมตร
รายงานข่าวแจ้งว่า การเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธ มิตรฯครั้งนี้ เบื้องต้นจะไปตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลก และปักหลักค้างคืน และเช้าวันที่ 26 พ.ค. กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินขบวนไปที่รัฐสภาเพื่อยื่นถอดถอนส.ส.และส.ว.ที่เข้าชื่อญัตติแก้รัฐธรรมนูญต่อประธานวุฒิสภา จากนั้นแกนนำพันธ มิตรฯจะหารือถึงรูปแบบการชุมนุม เบื้องต้นเป็นไปได้สูงที่จะย้ายมาปักหลักที่บริเวณหน้ารัฐสภา หรือกลับมาชุมนุมที่ถนนพิษณุโลกตามเดิม โดยการชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2 วัน
พันธมิตรฝ่าด่านผ่านฟ้ามุ่งทำเนียบ
เวลา 21.25 น. ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้เคลื่อนขบวนจากเชิงสะพานผ่านฟ้า มุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาล แต่มีตำรวจจากตำรวจภูธร ภาค 1 ประมาณ 300 นาย ตั้งแถวพร้อมโล่ ไม่มีกระบองเพื่อกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไป แต่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามดันให้เจ้าหน้าที่เปิดทางแต่ไม่ประสบความสำเร็จ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯจึงได้เจรจากับพล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รองผบช.น. โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดทางให้และให้เวลาตัดสินใจ 10 นาที ไม่เช่นนั้นจะนำกลุ่มพันธมิตรฯเดินฝ่าไป และหากเห็นว่าเป็นการทำผิดกฎหมายให้มาจับกุมตนคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาผ่านไป 10 นาที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีคำตอบให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ ทางกลุ่มพันธมิตรฯจึงใช้กำลังฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเคลื่อนตัวต่อไปจนถึงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปราบปรามการจลาจล และตชด.กว่า 1,000 นายตั้งแนวป้องกัน พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา แก๊สพริกไทย ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่าน โดยใช้รถควบคุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คันและรถประชาสัมพันธ์ของบช.น.จอดขวางถนนไว้
ปักหลักชุมนุมตรงสะพานมัฆวาน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งแนวห่างจากแนวป้องกันของตำรวจประมาณ 200 เมตรเพื่อตั้งขบวน จากนั้นได้เคลื่อนมาประชิดแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.จำลอง ขอให้ตำรวจเปิดทาง โดยยืนยันว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ชุมนุมโดยสงบ แต่ทางตำรวจไม่ยินยอม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจรจากับฝ่ายตำรวจไม่ประสบผลสำเร็จโดยตำรวจไม่ยอมเปิดทางให้ ทางพันธมิตรฯได้สั่งให้รถเครื่องเสียงขยับมาประชิดแนวกั้นของตำรวจ เพื่อเปิดเวทีปราศรัยตรงสะพานมัฆวาน โดยหน้าเวทีหันหน้าไปทางสะพานผ่านฟ้า ส่วนท้ายแถวของผู้ชุมนุมอยู่ตรงหน้าบก.ทบ. โดยแกนนำพันธมิตรฯได้ประกาศจะปักหลักตรงบริเวณสะพานมัฆวานแทน
"สุริยะใส"ยันยังยื่นถอดส.ส.-ส.ว.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงการเคลื่อนขบวนว่า ยังคงถูกสกัดอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวาน และแกนนำกำลังประเมินสถานการณ์กันใหม่ว่าจะยังไปทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจครั้งนี้ เชื่อว่ามีปัญหาที่ระดับนโยบาย ส่วนระดับปฏิบัตินั้นไม่มีปัญหา พูดคุยกันรู้เรื่อง แต่เชื่อว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ต้องการใช้มาตรการแข็งกร้าว นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯไม่ต้องการให้ผู้ชุมนุมไปปิดทางเข้าทำเนียบ ซึ่งพันธ มิตรฯอาจตั้งเวทีตรงนี้และเชื่อว่าผู้ชุมนุมยังร่วมชุมนุมอย่างเหนียวแน่น
นายสุริยะใสกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ขว้างปากสิ่งของเข้าใส่ผู้ชุมนุมจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า ช่วงที่เกิดเหตุนั้นขบวนใหญ่ได้ออกมาก่อน ขณะที่ช่วงท้ายขบวนเหลือจำนวนคนอยู่น้อย กลุ่มก่อกวนจึงฉวยโอกาส ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่และเข้ามาทุบตี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าถ้าอำนานรัฐลำเอียง ก็จะปล่อยให้มีการทุบตีกันแบบนี้ ส่วนที่มีข่าวว่ามีการเกณฑ์ขบวนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาก่อกวนพันธมิตรฯนั้น ได้ทราบข่าวนี้เช่นกัน ส่วนกำหนดการจะยื่นหนังสือถอดถอนส.ส.และส.ว.ต่อประธานวุฒิสภาในเวลา 07.00 น. วันที่ 26 พ.ค.นั้น ยังคงเดิม
พันธมิตร-ม็อบต้านตื้บกันเละ
เวลา 22.45 น. เกิดการตะลุมบอนระหว่างกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มต่อต้านที่บริเวณแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ ข้างกระทรวงเกษตรฯ ทั้งสองฝ่ายต่างมีก้อนหินและไม้หน้าสามเป็นอาวุธ ต่างฝ่ายต่างพูดจาท้าทายกันอย่างรุนแรง รุมตีรุมกระทืบกันไปมาจนเหตุการณ์ชุลมุนบานปลาย เบื้องต้นมีกลุ่มผู้ต่อต้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน อยู่ในสภาพเลือดอาบ เนื่องจากขณะเกิดเหตุเสียหลักล้มลงแล้วโดนฝ่ายตรงข้ามรุมกระทืบ หน่วยกู้ชีพจากวชิรพยาบาลเดินทางมารับตัวส่งโรงพยาบาลกลาง นอกจากนี้ยังมีผู้ชุมนุมอีกหลายคนได้บาดเจ็บจากการโดนก้อนหินปา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง ทั้งสองฝ่ายจึงหนีไปตั้งหลัก
เวลา 23.00 น. สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยกลุ่มต่อต้านได้ถอยไปปักหลักกันที่สะพานผ่านฟ้า ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯปักหลักอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวาน ทั้งนี้ แกนนำฝ่ายต่อต้านระบุว่า การที่สมาชิกฝ่ายต่อต้านถูกทำร้ายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแกนนำพันธมิตรฯประ กาศจะปักหลักบริเวณสะพานมัฆวาน จนกว่ารัฐบาลจะออก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต่างทยอยเดินทางกลับ กระทั่งเวลา 24.00 น. เหลือผู้ชุมนุมอยู่แค่ 1,000 กว่าคน
"หมัก"ให้กำลังตร.สกัดม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเหตชุลนุม กลุ่มพันธ มิตรฯ ได้ตั้งแนวรั้วเหล็กเพื่อป้องกันตัวเอง 2 จุด คือ บริเวณแยกจปร.และหน้าบก.ทบ. โดยแต่ละจุดจะมีการ์ดของพันธมิตรฯ คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ ทั้งนี้ มีการประกาศให้ผูชุมนุมระวังคนใส่เสื้อแดงที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวาย หากผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ คนใดใส่เสื้อสีแดงขอให้เปลี่ยนเสื้อ และให้ติดสัญลักษณ์เป็นผ้าสีเหลืองไม่ว่าจะเป็นผ้าโพกหัวหรือผ้าพันคอ จากนั้นบนเวทีปราศรัย นายสนธิได้ปราศรัยโจมตีพล.ต.อ.วิ เชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ที่ปล่อยให้กลุ่มต่อต้านทำร้ายกลุ่มผูชุมนุมและกั้นทางไม่ยอมให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
เวลา 24.00 น. พล.ต.อ.วัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร. รายงานสถานการณ์ม็อบให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ รับทราบ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ให้กำลังใจตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับให้ดูแลเสบียงอาหารน้ำดื่มแก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลม็อบ
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
