สอบสวนนางแก้ว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แม่ หนูน้อยให้การทั้งน้ำตาว่า เพิ่งคลอดลูกชายได้เพียง 7 วัน ช่วงเช้าสามีอายุ 17 ปีเท่ากัน เดินทางไปอำเภอพานทอง เพื่อแจ้งเกิดลูกชาย ปล่อยให้ตนอยู่บ้านเลี้ยงลูกกับ น.ส. ส้ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี น้องสาวสามี ก่อนเกิดเหตุได้นำลูกชายนอนในเปล แล้วให้ น.ส.ส้มช่วยไกวเปลแทน แล้วตนไปอาบน้ำที่โอ่งข้างบ้าน หลังอาบน้ำเสร็จรีบกลับ เข้าไปในบ้านเพราะเป็นห่วงลูก ปรากฏว่าไม่พบลูกชายนอน อยู่ในเปล สอบถาม น.ส.ส้มก็ไม่ยอมบอก จึงออกตามหาดูกระทั่งพบเห็นขาลูกโผล่อยู่ที่ริมสระน้ำหลังบ้าน ส่วนศีรษะและลำตัวจมอยู่ในน้ำ รีบนำขึ้นจากน้ำช่วยเหลือ พบว่า ลูกสิ้นใจตายก่อนแล้ว คาดว่า น.ส.ส้มจับลูกโยนสระน้ำ

หลังทราบเรื่องตำรวจนำตัว น.ส.ส้มไปสอบสวนที่โรงพัก โดย พ.ต.อ.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผกก.ร่วมกับอัยการและนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมสอบสวนเครียดนานราว 2 ชั่วโมง จากนั้น พ.ต.อ.ปกรณ์กล่าวว่า จากการสอบสวน น.ส.ส้มให้การยอมรับว่า ขณะที่พี่สะใภ้ให้ไกวเปลเลี้ยงหลาน เด็กเกิดร้องไห้ไม่หยุด ทำให้รำคาญอุ้มไปทิ้งในสระน้ำหลังบ้าน จนเด็กขาดอากาศหายใจสิ้นใจตายและจากการสอบถามญาติ ทราบว่า น.ส.ส้มเป็นเด็กที่มีปัญหาทาง ครอบครัว แม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนพ่อเคยติดคุกในคดียาเสพติด ที่น่าสะเทือนใจคือตอนที่ น.ส.ส้ม อายุ 10 ขวบ และพ่อติดคุก ถูกน้าชายบังคับข่มขืน จนมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี รับตัวไปดูแลราว 2 ปี หลังพ่อพ้นโทษจึงรับมาอยู่ที่บ้านกับพี่ชายและพี่สะใภ้

ผกก. สภ.พานทองกล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ น.ส.ส้ม กลับมาอยู่บ้าน จะมีอาการซึมเศร้า ไม่ยอมสุงสิงกับใคร จนกลายเป็นคนเก็บกดและมีปัญหา ถึงขั้นเคยถามผู้เป็นพ่อทิ้งปริศนาว่า “ถ้าหนูตายไปพ่อจะสนใจหนูหรือเปล่า” จากพยานหลักฐานคาดว่า น.ส.ส้มคงเครียดและกดดันจากปัญหาส่วนตัวที่เผชิญชะตากรรมอย่างแสนสาหัส พอหลานร้องไห้ไม่หยุด เลยทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบอุ้มเด็กไป ทิ้งสระน้ำจนขาดอากาศหายใจตายอนาถ ในชั้นนี้ได้แจ้งข้อ หาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา นำตัวส่งสถาบันนิติจิตเวชที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจให้แน่ชัดอีกครั้ง