กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
บอร์ดอ้าง ศก.แย่นายจ้างเจ๊งเพียบจ่อเลิกจ้าง 1 แสน
ลูกจ้างเศร้า บอร์ดค่าจ้างไม่ปรับขึ้นค่าจ้างปี 52 อ้างเศรษฐกิจตกต่ำทำนายจ้างเจ๊งเพียบขณะที่หนุ่ม-สาวฉันทนา เตรียมร่ำไห้ กระทรวงแรงงานคาดสิ้นปีถูกเลิกจ้างอีก 1 แสนคน ส่วนชาวสวนชุมพรเดือด ทั้งยาง ปาล์ม ราคาตก ก่อหวอดปิดศาลากลางเรียกร้องรัฐแก้ปัญหารวมถึงพนักงานโรงงานอะไหล่รถยนต์ปาก น้ำ กว่า 1 พันคน แห่ปิดถนนกิ่งแก้ว ประท้วงบริษัทยื่นข้อเสนอช่วยคนงาน
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลาง กล่าวว่า ในวันที่ 1 ม.ค. 52 ที่จะถึงยังไม่มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเหมือนเช่นทุกปีที่ จะประกาศปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีในวันที่ 1 ม.ค. เนื่องจากมติของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองวิชาการค่าจ้างขั้นต่ำ ให้ชะลอพิจารณาปรับเพิ่มโดยเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้อยู่ในสภาพที่น่า เป็นห่วงนายจ้างสถานประกอบการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตามจะเริ่มมีการพิจารณาปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงไตรมาส 2 ของปี 52 (เม.ย.-มิ.ย.) เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ
ด้าน นายสุนันท์ โพธิ์ทอง ที่ปรึกษาวิชา การแรงงานระดับ 10 กระทรวงแรงงาน กล่าวในการสัมมนาเรื่องแนวคิด ทิศทางการรับมือและป้องกันปัญหาจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจโลก จัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 51 พบว่ามีจำนวนสถานประกอบการเลิกจ้างแรงงานแล้วจำนวน 546 แห่ง มีจำนวนแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง 45,707 คน ซึ่งสูงกว่าปี 50 ทั้งปีที่มีสถานประกอบการเลิกจ้างเพียง 153 แห่ง ที่มีปัญหาจากราคาน้ำมันแพงและค่าเงินบาทแข็งค่า และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสถานประกอบการเลิกจ้างแรงงานอีก 223 แห่ง และมีแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง 104,500 คน เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายเชื่อว่าภาคการเกษตร จะเป็นภาคสำคัญที่สามารถรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างได้ดีเช่นเดียวกับปี 2540 แต่จากการสำรวจของกระทรวงแรงงานล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. 51 เพียง 200 กลุ่มตัวอย่างพบว่าแรงงานทั้งหมดไม่ต้องการกลับเข้าไปสู่ภาคการเกษตรอีก แม้ว่าจะเป็นกลุ่มตัวอย่างเล็ก ๆ แต่เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ากำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญว่าในปัจจุบันภาคเกษตรจะรอง รับแรงงานได้อีกหรือไม่
ทั้งนี้กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมมาตร การต่าง ๆ ไว้รองรับ ทั้งการรวบรวมตำแหน่งงานที่มีกว่า 118,000 ตำแหน่งที่ยังต้องการแรงงาน การแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อให้กองทุนประกันสังคม (สปส.) จ่ายเงินประกันการว่างงานให้กับแรงงานตกงานเป็น 8 เดือนของเงินเดือนสุดท้าย หรือการนำเงินของ สปส. จำนวน 10,000 ล้านบาทให้กับแรงงานและผู้ประกอบการกู้ยืมก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ โดยผู้ประกอบการเองต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้กับแรงงานทราบสถานการณ์ ต้องร่วมมือกันช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่าย ผู้ประกอบการต้องลดชั่วโมงทำงานแทนการเลิกจ้าง และเร่งฝึกอบรมฝีมือแรงงานไว้รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นต้น
นายนิพนธ์ สุรพงษ์รักเจริญ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องมีความเป็นผู้นำที่จะเรียกความเชื่อมั่น ความศรัทธาและความเชื่อถือกลับคืนมาโดยเร็วที่สุดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และต้องกล้าประกาศนโยบายให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างชัดเจนว่าจะทำให้เศรษฐกิจ เติบโตและจ้างแรงงานได้ 1 ล้านคน ได้อย่างไร เช่นเดียวกับที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ คนใหม่ กำลังทำอยู่ โดยการจับมือกับภาคเอกชนแล้วช่วยเหลือให้ตรงจุด ที่สำคัญสถาบันการศึกษาต้องปรับตัวครั้งใหญ่ที่ต้องเน้นผลิตคนที่มีคุณภาพ ตรงกับตลาดแรงงาน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธาน สป. กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งออกแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว และคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลต้องเป็นคนที่มีความรู้ ความ สามารถและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพราะวิกฤติครั้งนี้ใหญ่มาก และที่สำคัญต้องยกเลิกระบบโควตาพรรคการเมืองเพื่อเป็นรัฐมนตรีออกไปก่อน เพราะปัญหาคนตกงาน ปัญหาเศรษฐกิจ จะรุนแรงมากในปีหน้า ด้านนายอธิป พีชานนท์ ประธานสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างและ อสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้มาตรการการคลังด้วยการลดภาษีเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจแม้ว่าจะ เป็นปัญหากับภาระการคลังบ้างแต่ได้ฐานภาษีเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งภาคเอกชนยังสามารถจ่ายเงินเดือน จ่ายโบนัส ให้กับแรงงานได้ในปีนี้ แต่ถ้ารัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือในปีหน้า แม้แต่เงินเดือนก็ไม่มีปัญญาจ่ายให้แน่นอน โดยเสนอให้รัฐบาลลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 25% และบริษัทใดที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เดือน เป็นต้น
ด้านกลุ่มพนักงานบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่เลขที่ 3 หมู่ 7 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นัดรวมตัวกันกว่า 1,000 คน ปิดถนนกิ่งแก้ว กม.ที่ 15 ฝั่งขาออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเหตุให้การจราจรติดเป็นแถวยาวกว่า 3 กม.เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดจราจร 1 ช่องทาง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1.ต้องการจัดตั้งสหภาพแรงงาน 2.พนักงานซัพคอนแทรกอายุงานเกิน 1 ปี ให้บริษัทฯบรรจุเป็นพนักงานประจำ 3.ขอเงินเดือนขึ้นคนละ 500 บาท 4.โบนัสประจำปีขอให้จ่ายพนักงานคนละ 4 เดือน และ 5.ห้ามเอาผิดกับพนักงานที่ชุมนุมประท้วงทุกคน ให้บริษัทรับไปดำเนินการ หากยังไม่ได้รับคำตอบ จากฝ่ายบริหารจะปิดถนนยืดเยื้อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบจนเป็นที่น่าพอใจ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทร ปราการ ได้เข้าเจรจากับกลุ่มแกนนำเพื่อให้ทำการเปิดถนนที่ปิดการจราจร โดยมี นายนิพนธ์ ลิศศรีสุวัฒนา นายอำเภอ บางพลี สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปรา การ ได้เข้าหารือกับกลุ่มชุมนุมต่อไป
ขณะที่ หน้าศาลากลาง จ.ชุมพร นาย สุชีพ ปัจฉิมมา แกนนำ พร้อมด้วยชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันร่วม 200 คน พร้อมเครื่องขยายเสียงได้เปิดปราศรัย โจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยนายสุชีพ ได้กล่าวว่า ในขณะนี้ชาวสวนเกษตร ในพื้นที่ จ.ชุมพร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากการที่ราคารับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมัน และราคายางพารา ตกต่ำ อีกทั้งราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาว สวนยางพาราพากันเสียหายอย่างหนัก ชาวสวนยางจึงได้ยื่นเรื่องดังกล่าว ผ่านส่วนราชการแต่ไม่ได้รับความสนใจ จึงพากันรวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแทรกแซงราคายางพารา ที่ กก.ละ 60 บาท รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อปาล์มน้ำมัน กก.ละ 4.50 บาท และขอให้รัฐบาลดูแลเรื่องราคาปุ๋ยที่มีราคาสูงมากด้วย ต่อมา นายวรการ ยกยิ่ง รอง ผวจ.ชุมพร ลงมารับหนังสือเรียกร้องพร้อมทั้งรับปากว่าจะส่งเรื่องดังกล่าวให้รัฐบาลหา ทางแก้ไขต่อไป ชาวสวนยางจึงพากันเดินทางกลับ
ในวันเดียวกัน ที่กระทรวงเกษตรฯ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯแถลงภายหลังการหารือกับส.ส. พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 50 คน นำโดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายอาคม เอ่งฉ้วน เพื่อให้เร่งแก้ไขสถานการณ์ราคายาง พาราที่ตกต่ำ ว่าจากราคายางพาราที่ตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อนอย่างมาก ทาง 50 ส.ส. จึงเสนอให้กระทรวงเกษตรฯดำเนินการใน 4 มาตรการคือ 1.ให้กระทรวงเกษตรฯรับซื้อยางดิบจำนวน 5 แสนตัน 2.ตัดโค่นต้นยางเก่า 4 แสนไร่ 3.ให้กระทรวงเกษตรฯเจรจากับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่ได้โควตา ส่งออกยาง พารา และ 4.ให้ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในยางมะตอย 5% เพื่อใช้ในการปูถนน ซึ่งในการเจรจาดังกล่าวทุกอย่างตรงกันกับที่กระทรวงเกษตรฯกำลังดำเนินการ ยกเว้นการซื้อยาง 5 แสนตัน ที่กระทรวงเกษตรฯมีข้อตกลงกับภาคี 3 ประเทศผู้ปลูกยางว่าจะสามารถซื้อยางเก็บเข้าสต๊อกได้เพียง 1.3 แสนตัน.
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|