กองปราบฯ บุกรวบเจ้าของคลินิกสูตินรีเวช “อังกูร-อรพินท์ คลินิก” เมืองนครปฐม พร้อมพวกอีก 4 ขายยาทำแท้งเถื่อนผ่านอินเทอร์เน็ต หลังสืบสวนขยายผลกรณี นศ.สาวพาณิชย์เมืองเชียงใหม่ กินยาบีบมดลูกจนตกเลือดเสียชีวิต ประสาน อย.ล่าตัวคนขาย วางแผนล่อซื้อรวบยกแก๊ง
จากการเสียชีวิตของนักศึกษาสาวพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนมีนาคม จนนำมาสู่การจับกุมหมอสูตินรีเวช และพวก ร่วมกันจำหน่ายยา
ทำแท้งเถื่อน ครั้งนี้ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป.
พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน พ.ต.ต.ธีรพัฒน์ ธารีไทย สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.สิทธิชัย การินทร์ รอง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำโดย ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการ อย. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาโดยไม่มีใบอนุญาต
การจับกุมได้ผู้ต้องหา 5 คน คือ นพ.อังกูร อังกุรวานิช อายุ 48 ปี เจ้าของ “อังกูร-อรพินท์ คลินิก” คลินิกสูตินรีเวช เลขที่ 52 ถ.พญาพาน อ.เมือง จ.นครปฐม น.ส.กัลยา ศิริมงคลชัยกุล อายุ 34 ปี ญาติของ นพ.อังกูร และเจ้าของร้านขายยา “สถานียา”
นายวิสิทธิ์ ศิริมงคลชัยกุล อายุ 36 ปี พี่ชายของ น.ส.กัลยา นายสว่าง บุญเยี่ยม อายุ 56 ปี คนเฝ้าโกดัง และนายสมชาย สุนันท์เจริญกิจ อายุ 43 ปี เจ้าของบัญชีเงินฝาก
พร้อมของกลาง ซองจดหมาย 11 ซอง ระบุชื่อที่อยู่ปลายทาง ในซองมีทั้งธนาณัติสั่งจ่ายเงิน จำนวน 1,500 บาท นามบัตรคลินิก และในจำนวนนี้มี 5 ซอง
ที่ภายในมียา
ทำแท้ง 4 ชุด ชุดละ 5 เม็ด บรรจุซองพร้อมวิธีการใช้ โดยจับกุม นพ.อังกูร ได้ที่บริเวณที่ทำการไปรษณี ย์นครปฐม ส่วนที่เหลือจับกุมได้หลังนำหมายศาลจังหวัดนครปฐมเข้าตรวจค้นร้าน “สถานียา” และที่โกดังเก็บยา ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับร้านขายยาดังกล่าว พบว่าไม่มีใบอนุญาตขายยา และขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก พบศพนักศึกษาสาวชั้น ปวส. โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ อายุ 20 ปี เสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 212 ชั้น 2 ดีดีแมนชั่น เลขที่ 12 ถ.เวียงบัว ต.ช้างเผือก อ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่
พบว่าอวัยวะเพศมีเลือดไหลไม่หยุด ที่ชักโครกในห้องพบซากรกและก้อนเลือด นอกจากนี้ในกระเป๋าของผู้ตายพบยาชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการตกเลือด จึงสันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการกินยาบีบมดลูก
ต่อมา อย.ได้ประสานตำรวจกองปราบปรามสืบสวนหาที่มาของยาชนิดนี้ เนื่องจากเป็นยาอันตรายที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย และเกรงว่าผู้ที่ซื้อยาดังกล่าวไปรับประทานอาจถึงแก่ชีวิตได้
กระทั่งพบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ ซึ่งมีการเสนอขายยาทำแท้งหลาย ชนิด โดยอ้างชื่อ นพ.ประดิษฐ์ ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ให้คำแนะนำประจำเว็บไซต์ พร้อมทั้งระบุขนาดและชนิดของยา รวมทั้งราคา ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงกว่าพันบาท
นอกจากนี้ยังมีการอธิบายขนาดและวิธีการใช้อย่างละเอียดตามอายุครรภ์ โดยอ้างว่ายาดังกล่าวไม่มีอันตราย พร้อมกับลงข้อมูลเว็บไซต์
และกลุ่มคนที่แอบอ้างขายยาปลอมรายอื่น ส่วนวิธีการสั่งซื้อและจัดส่งยานั้น ผู้ที่สนใจจะต้องสั่งซื้อและโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี นายสมชาย สุนันท์เจริญกิจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.จึงวางแผนล่อซื้อยา
ทำแท้ง 1 ชุด ในราคา 3,040 บาท ก่อนจะพบว่ายาถูกส่งมาจากไปรษณีย์นครปฐม ส่วนการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายสมชายพบว่ามีการโอนเงินเพื่อสั่งซื้อยาวัน ละหลายหมื่นบาท
จากนั้นได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะล่อซื้ออีก 4 ชุด เพื่อจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ
กระทั่งเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มีนาคม พบ นพ.อังกูร อังกุรวานิช ผู้ต้องสงสัย ออกจากที่พักไปยังตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่งใน อ.เมือง และมาปรากฏตัวอีกครั้งที่ไปรษณีย์นครปฐม
โดยถือถุงกระดาษใบหนึ่งขึ้นไปยังที่ทำการไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบว่าภายในถุงมีซองจดหมาย 11 ซอง ภายในซองมียา
ทำแท้งบรรจุอยู่ จึงจับกุมตัวมาดำเนินคดี
จากนั้นได้รวบรวมหลักฐานขอหมายค้นจากศาลจังหวัดนครปฐมเข้าตรวจค้นที่ โกดังเก็บยา และร้านยา “สถานียา” เลขที่ 18/1 ถนนสะพานโยง ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พบนายสว่าง บุญเยี่ยม คนเฝ้าโกดัง นายวิสิทธิ์ ศิริมงคลชัยกุล และ น.ส.กัลยา ศิริมงคลชัยกุล เป็นผู้จำหน่ายยาในร้าน
จากการตรวจค้นพบยาไวอากร้า และยานอนหลับจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นยาต้องห้ามจำหน่าย และไม่มีใบอนุญาตจำหน่าย ส่วนที่โกดังพบยาต้องห้ามอีกหลายรายการ จึงจับกุมทั้งหมดมาดำเนินคดี
นอกจากนี้กำลังชุดเดียวกันได้เข้าตรวจค้นคลินิกสูตินรีเวช “อังกูร-อรพินทร์” ตั้งอยู่เลขที่ 52 ถ.พญาพาน อ.เมือง จ.นครปฐม ของ นพ.อังกูร และตรวจค้น “อรพินท์ทันตแพทย์” เลขที่ 240/9 ถ.ราชดำเนิน (ต้นสน) อ.เมือง จ.นครปฐม ของภรรยา นพ.อังกูร แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
สอบสวนเบื้องต้น นพ.อังกูร ให้การปฏิเสธ โดยอ้างเพียงว่า เพื่อนคนหนึ่งว่าจ้างให้นำซองจดหมายมาส่งที่ไปรษณีย์ ได้ค่าจ้างซองละ 100 บาท ส่วนยา
ทำแท้งที่พบนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นพ.อังกูร บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
ต่อมาลาออกมาเปิด
คลินิกเอง เนื่องจากเบื่อระบบราชการ ส่วน น.ส.กัลยา เจ้าของร้านยา ให้การปฏิเสธเช่นกัน โดยระบุว่า ใบอนุญาตขายยาอยู่ระหว่างการต่ออายุ
ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า อย.ได้ติดตามตรวจสอบการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาทำแท้งที่ ไม่ได้รับอนุญาตจากต่างประเทศมาโดยตลอด
และพบว่ามีการเสนอขายทางเว็บไซต์หลายแห่ง ที่ผ่านมาได้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ช่วยตรวจสอบ และปิดเว็บไซต์เหล่านี้ไปแล้วกว่า 10 แห่ง แต่ก็ยังมีการเปิดใหม่อีก โดยเปิดเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
ภญ.วีรวรรณกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบยาที่ได้จากการล่อซื้อครั้งนี้ พบยาไซโตล็อก และยา MTPILL โดยตัวยาชนิดเดียวกับไซโตล็อกมีการขึ้นทะเบียนกับ อย.ว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคกระเพาะ และลำไส้
แต่ในผู้หญิงที่รับประทานเข้าไปจะมีผลข้างเคียงกับการบีบตัวของมดลูก ประกอบกับการแนะนำของผู้ขาย จะระบุว่า ให้นำยาดังกล่าวสอดช่องคลอดแทนการรับประทานในรายที่ต้องกา
รทำแท้ง
ซึ่งมีผลทำให้มดลูกบีบตัวรุนแรง ส่วนตัวยา MTPILL เมื่อรับประทานเข้าไปจะมีผลไปกระตุ้นให้ตัวยาไซโตล็อกออกผลรุนแรงขึ้น ซึ่งในรายของนักศึกษาสาวที่เชียงใหม่ พบว่า
มีการใช้ยาทั้งสองชนิดพร้อมกัน ทำให้ขับเลือดออกมากจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต นอกจากนี้ ยาที่พบในโกดังมียาควบคุมพิเศษ ที่มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอีกหลายชนิด
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดำเนินคดี นพ.อังกูร ในข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ส่วนที่เหลือถูกดำเนินคดีข้อหาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม อย.จะตรวจสอบยาของกลางทั้งหมดอีกครั้ง หากพบว่าเป็นยาปลอมที่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศก็จะต้องถูกดำเนินคดี เพิ่มอีกข้อหาหนึ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบซองจดหมายที่เตรียมจะส่งนั้น พบว่าชื่อ-ที่อยู่ที่ระบุหน้าซอง มีทั้งส่งให้ร้านขายยาแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ในซองมีธนาณัติ 1,500 บาท และนามบัตร
คลินิก นพ.อังกูร ส่วนซองที่มียาทำแท้งนั้น ส่งให้ผู้สั่งซื้อในกรุงเทพฯ มากที่สุด มี 3 ซอง ที่เหลือ 2 ซอง ส่งไปที่ จ.นนทบุรี และ จ.สกลนคร
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก คมชัดลึก