• วิจัยวัคซีนเอดส์ระยะ 3 ไม่ถึงฝัน-อาสาติดเชื้อ 125 ตาย 2 |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 25 ก.ย. 52 เวลา 09:33:47 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วิจัยวัคซีนเอดส์ระยะ 3 ไม่ถึงฝัน-อาสาติดเชื้อ 125 ตาย2 (กรุงเทพธุรกิจ)
"วิทยา" เผยวิจัยวัคซีนเอดส์ระยะ3 ลดโอกาสติดเชื้อแค่ 31.2% "หมอศุภชัย"เผยอาสาสมัครติดเชื้อ 125 คนหลังรับวัคซีน จาก 16,400 คน มูลนิธิเอดส์ฯ จี้ดูแล
ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข - เมื่อเวลา 12.30 น. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการแถลงข่าวผลการวิจัยของโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลอง ระยะที่ 3 (RV 144) ว่าโครงการทดสอบวัคซีนเอดส์นี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพบกสหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ บริษัทซาโนฟีปาสเตอร์และโกบอล ซอลูกชั่นส ฟอร์ อินเฟคชัส ดีสิสสิส (GSIS)
หลังจากได้ดำเนินการวิจัยต่อเนื่องมา 4 ปี โดยทดสอบวัคซีนในอาสาสมัครในพื้นที่ จ.ชลบุรีและระยอง และได้มีการวัดประเมินผลวัคซีนแล้วพบว่า วัคซีนมีประสิทธิผลลดโอกาสการติดเชื้อได้ 31.2% แต่ยังไม่อยู่ในระดับเกณฑ์ที่คณะผู้วิจัยได้ตั้งไว้ ในขณะที่อาสาสมัครทดลองวัคซีนที่ติดเชื้อนั้น จากการตรวจพบว่าไม่สามารถลดจำนวนปริมาณไวรัสในเลือดได้ อย่างไรก็ตามโครงการนี้ก็เป็นโครงการที่น่าชื่นชมที่เป็นไปตามแผนพัฒนาวัคซีนเอดส์ที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2536
"ผลจากการวิจัยทดลองวัคซีนเอดส์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พบว่า วัคซีนเอดส์มีผลในการป้องกัน ซึ่งจะเป็นแนวทางในการนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาวัคซีนต่อไปในอนาคต"
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ดังนั้นตนขอชื่นชมยินดี และขอขอบคุณโดยเฉพาะอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการทดลองทั้งที่ จ.ชลบุรี และระยอง
ด้าน นายเอริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นผลงานที่สำคัญมาก และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่เป็นส่วนของประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอาสาสมัครทดลองวัคซีนที่เข้าร่วมโครงการ 16,400 คน เนื่องจากเอดส์เป็นภัยคุกคามทั่วโลก และหลายประเทศพยายามหาทางต่อสู้ในการรักษาและป้องกัน ซึ่งวัคซีนการเป็นทางออกสำคัญ สำหรับผลการทดลองวัคซีนเอดส์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เราได้ก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จในการผลิตวัคซีนเอดส์แล้วอีกขั้นหนึ่ง เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยและช่วยลดอัตราการติดเชื้อได้ และจากนี้จะต้องมีความร่วมมือในการศึกษาวิจัยต่อไป
พ.อ.เจอโรม คิม หัวหน้าโครงการทดลองวัคซีน กองทัพสหรัฐ กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเราอาจมีวัคซีนเอดส์ที่ได้ผลในอนาคต ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนมุมมองการวิจัยเรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยน ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิจัยทั่วโลกเพื่อต่อยอดการวิจัยวัคซีนเอดส์ต่อไป สำหรับการวิจัยวัคซีนเอดส์ภายใต้โครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 105 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่ นพ.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขั้นตอนหลังการวิจัยหลังจากนี้ ทางคณะผู้วิจัยจะนัดอาสาสมัครในโครงการมารับฟังผลการวิจัยในครั้งนี้ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบว่า สารที่ได้รับนั้นเป็นวัคซีนป้องกัน หรือเป็นสารเลียนแบบ ทั้งนี้แม้ว่าการวิจัยวัคซีนครั้งนี้จะมีผลในการลดโอกาสการติดเชื้อได้ แต่ยืนยันว่าการใช้วัคซีนจะต้องควบคุมกับการป้องกันลดพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเร่งรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ต่อไป
ด้าน นพ.ศุภชัย ฤกษ์งาม ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 กล่าวว่า ผลการทดลองวัคซีนสูตรผสม ระหว่างวัคซีนทดลองปูพื้น ALVAC-HIV กับวัคซีนกระตุ้น AIDSVAX B / E ในครั้งนี้ได้ผลต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งคาดคะเนไว้ว่าจะต้องได้ผลการป้องกันไม่ต่ำกว่า 50% แต่โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกจากเดิมที่ไม่เคยมีการทดลองใดที่มีผลในการป้องกันมาก่อน ซึ่งการประเมินผลการทดลองเชื่อได้เพราะมีการตรวจสอบทั้งก่อนการดำเนินโครงการทดลองวิจัย ระหว่างการวิจัย และยังมีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางสถิติที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในโครงการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถเดินหน้าการวิจัยต่อได้ เพราะต้องมีการนำข้อมูลในโครงการทั้งหมดมาทบทวนอีกครั้ง เพราะในระหว่างการวิจัยมีข้อมูลมากมายที่ยังดึงมาไม่หมด
นพ.ศุภชัย กล่าวว่า ในจำนวนอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ 16,400 คน มีผู้ติดเชื้อเอดส์หลังได้รับวัคซีน 125 คน โดยเป็นอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน 51 และสารเลียนแบบ 74 ราย ในจำนวนผู้ได้รับสารเลียนแบบนี้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งไม่ได้เกิดจากวัคซีน แต่ไม่สามารถเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตได้ เพราะเป็นเฉพาะผู้ป่วย สำหรับอาสาสมัครที่ติดเชื้อเอดส์หลังรับวัคซีนนั้น หลังจากนี้จะมีโครงการติดตามผู้ที่ได้รับวัคซีนในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มที่ติดเชื้อและให้การดูแลตามมาตรฐานการรักษาของประเทศ และจะได้รับยาต้านไวรัสฟรีไปตลอดชีพ
นอกจากนี้ จากการวิจัยนี้ยังมีการฉีดวัคซีนให้กับในอาสาสมัครที่ติดเชื้อเอดส์เพื่อดูการลดของปริมาณเชื้อไวรัสด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เชื้อเกิดอาการป่วย แต่พบว่าปริมาณเชื้อไวรัสไม่ลดลง ซึ่งยังคงต้องศึกษาต่อไป ส่วนที่เกรงว่าอาจมีการฟ้องร้องจากอาสาสมัครที่ติดเชื้อหลังรับวัคซีนในโครงการวิจัยนั้น ยืนยันว่าการดำเนินโครงการวิจัยได้ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.การวิจัยในมนุษย์ ซึ่งมีการปฏิบัติตามจริยธรรมการทดลอง และยังมีคณะกรรมการตรวจสอบกว่า 10 ชุด อีกทั้งก่อนที่จะมีการทดลองได้มีการให้ข้อมูลรายละเอียดแก่อาสาสมัครก่อนที่จะลงนามเข้าร่วมโครงการ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ผลการวิจัยถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะไม่เคยมีการทดลองวัคซีนเอดส์ใดที่ให้ผลในการลดโอกาสการติดเชื้อมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการลดการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มผู้เสพยาก็ให้ผล 0% แต่ทั้งนี้อยากถามว่า จากข้อมูลในวันนี้ หากมีการทดลองวิจัยวัคซีนจนสำเร็จแล้ว ประเทศไทยจะได้อะไร จะมีความร่วมมือใด ๆ ที่ได้จะได้ประโยชน์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นการทดลองที่ใช้อาสาสมัครคนไทย และเป็นโครงการที่ทำในไทยยาวนาน นอกจากนี้ตนยังเป็นห่วงอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการนี้ที่มีการติดเชื้อเอดส์หลังรับวัคซีน จำเป็นที่กระทรวงต้องมีโครงการในการดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย
นายบริพัฒน์ ดอนมอน ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในโครงการดังกล่าวมีอาสาสมัครที่เสียชีวิต 2 ราย อยากให้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตให้กระจ่าง เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่เร็วกว่าปกติ เนื่องจากผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิตหลังได้รับเชื้อ 5-7 ปี แต่นี่ไม่ถึง 4 ปีก็เสียชีวิตแล้ว จึงอยากทราบว่าเป็นการติดเชื้อจากเชื้อโรคฉวยโอกาสหรือวาเป็นผลมาจากวัคซีน
ด้าน น.ส.อารีย์ กำพลรัตน์ อายุ 32 ปี หนึ่งในอาสาสมัครทดลองวัคซีนเอดส์ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่วัคซีนไม่ได้ผล และขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งว่า สารที่ตนได้รับเป็นสารเลียนแบบหรือวัคซีน แต่หลังจากที่เข้าร่วมโครงการโดยรับการฉีดวัคซีนจำนวน 6 เข็ม ในช่วง 3 ปี มีการตรวจร่างกายเป็นระยะ ๆ สุขภาพก็ยังคงเป็นปกติดี ไม่มีอาการป่วยเรื้อรังใด ๆ ส่วนที่มีอาสาสมัครเสียชีวิต 2 รายนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว
ขณะที่ นายถนัด ยมมหา อายุ 33 ปี อาสาสมัครทดลองวัคซีนเอดส์ กล่าวว่า ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเพราะเห็นว่า เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ในพื้นที่ก็มีปัญหาเอดส์ค่อนข้างมาก และตนก็ไม่กลัวที่จะร่วมเป็นอาสาสมัครเพราะเชื่อว่ามีระบบการตรวจสอบเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนก็ยังไม่ทราบผลเช่นกันว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนหรือสารเลียนแบบ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1224 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 25 ก.ย. 52
เวลา 09:33:47
|