ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เล่าถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้คนไทยในเยอรมนีฟังว่า "พระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ แพทย์ถวายการรักษากายภาพบำบัด ท่านท้าดวลทานซุปผักโขม" ...
เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 15 ต.ค.2552 (ตามเวลาท้องถิ่น) สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงรับการถวายรางวัล วิน เดาส์ เมดัล จากสถาบันอินทรีย์เคมี และชีวโมเลกุลมหาวิทยาลัย เกอ๊อจ เอากุสท์ อูนีแวย์ซิเทท เกิ้ททิงเง่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมกันนี้ได้มีพระดำรัสรับสั่งอย่างเป็นกันเอง กับข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต และนักศึกษาไทย ในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกันเข้าเฝ้าฯ ซึ่งต่างทูลถามถึงพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความเป็นห่วง และจงรักภักดี
สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเล่าว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประชวร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ด้วยพระอาการที่ ทรงมีไข้ และก็หมอตรวจพบว่ามีอาการปอดอักเสบ ก็ได้ทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ กาญจนาภิเษก ตั้งแต่วันที่ 19 มา พระอาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ในช่วงอาทิตย์แรกที่ทรงเข้าโรงพยาบาลนั้น ทรงมีไข้สูงมาก ทำให้ทรงไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะว่าทรงไม่มีแรงตอนที่เป็นไข้สูงๆ ขณะนี้ไข้ได้ลดลงมาแล้ว เหลือแต่ตอนนี้หมอยังติดตามพระอาการใกล้ชิด ดูว่าปอดเป็นอย่างไร คือ เท่าที่เอ็กซเรย์มา ก็ดีขึ้น ดีขึ้น ปอดเคลียร์ขึ้น ไม่มีน้ำ ไม่มีอะไรแล้ว และอาการทางพระหทัยก็เป็นปกติดี
ขณะนี้ที่แพทย์ถวายการดูแลอยู่ คือ เรื่องการทำกายภาพบำบัด อันนี้เป็นธรรมดาของผู้ที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุถ้านอนอยู่บนเตียงนานๆ หลายวัน คือไม่ต้องผู้สูงอายุ อย่างตัวข้าพเจ้าเอง ตอนที่ผ่าตัดออกลูก นอนอยู่บนเตียง2วัน ยังรู้สึกว่า เดินไม่ค่อยมั่นคง คือ มันลำบาก เดินลำบาก เพราะว่ากล้ามเนื้อ จะคล้ายๆว่ามันล้า ไม่ได้ออกกำลังมานาน ตอนนี้ที่หมอเขาทำถวาย พระเจ้าอยู่หัว คือ ทำกายภาพบำบัดเพื่อจะให้ทรงยืน ทรงเดิน ได้คล่องแคล่วอย่างเดิม อันนี้การทำกายภาพบำบัดนี้ต้องใช้เวลาสักนิดหนึ่ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมที่ยังไม่ได้เสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช
แพทย์บอกว่า ไม่มีอะไรที่อันตรายแล้ว ทุกวัน ทรงพูด ทรงคุย และเดี๋ยวนี้ก็เสวยอาหารได้เกือบเป็นปกติ คือ เสวยได้มากทีเดียว ตอนที่เข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ ต้องถวายอาหารทางเส้น เพราะว่าพอไข้สูง ท่านก็ไม่อยากเสวย แต่ตอนนี้พอไม่มีไข้ ท่านก็เสวยได้อย่างปกติ จนต้องมีเล่าเกร็ดสนุกๆ คือว่า ตัวข้าพเจ้าเองก็ไปถวายดูแลพระอาการอยู่ที่ศิริราช คนที่เฝ้าไข้อยู่นี่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าไข้อยู่ตลอด ไม่ได้เสด็จไหนเลย ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตลอด และเสด็จเข้าไปดูพระอาการตลอด ทรงไม่ได้เสด็จไหนจริงๆ ทรงเฝ้าอยู่ แล้วก็มี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ค้างอยู่ที่โรงพยาบาล รวมทั้งตัวข้าพเจ้าเองก่อนมา ก็ค้างอยู่ที่โรงพยาบาล คอยดูแลท่านอยู่ ก็มีสนุกขำๆ คือว่า ตัวข้าพเจ้าเองนี่ ขึ้นไปเฝ้าพระอาการ บางครั้งขึ้นไปเฝ้าตอนเสวยข้าว ท่านก็ทรงท้า บอกมาดวลกันไหม รับประทานแข่งกันไหม ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าตั้งแต่เล็กมาแล้ว กินผักไม่เป็น ไม่กินผัก แล้วท่านก็บอกว่า แล้วท่านก็บอก วันนี้มีซุปผักโขม มาดวลกันไหม ก็เลยทูลท่านบอกว่า ดวลก็ดวล คือว่ารับประทานถวายพ่อองค์เดียวนะ เพราะกับคนอื่น แหม จะให้กล้ำกลืนทานซุปผักนี่ ก็คงแย่เหมือนกัน แต่วันนั้นก็ได้ทานซุปผักถวายท่านไป 1 ชาม ท่านก็เสวยซุปผักเหมือนกัน 1 ชาม ทรงดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ ก็เหลือแต่ว่า ต้องทำกายภาพบำบัด เรื่องการทรงพระดำเนินจะได้คล่องขึ้น และพระกำลังขาจะได้ดีขึ้น
ต่อมาเวลา 22.30 น.มีแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 27 วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า คณะแพทย์ฯ ได้วัดอุณหภูมิพระวรกายเป็นระยะ พบว่ามีพระปรอท (เป็นไข้)เล็กน้อยเป็นครั้งคราว เสวยพระกระยาหารได้ตามปกติ และทรงพระบรรทมได้ดี ผลการตรวจพระวรกายด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ คอมพิวเตอร์ พบว่าการอักเสบของพระปัปผาสะ (ปอด)น้อยลงจากเดิมอีก คณะแพทย์ฯ จะได้วัดอุณหภูมิพระวรกายเป็นระยะ เพื่อสังเกตุพระอาการต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
16 ตุลาคม พุทธศักราช 2552
ข่าวจาก ไทยรัฐ