ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
อภิเชษฐ์ ไชยปัญญา
อภิเชษฐ์ ไชยปัญญา
เปิดใจ อภิเชษฐ์ ไชยปัญญา โค้ชคนแรกหม่อง (คมชัดลึก)
ภายหลังความสำเร็จของ หม่อง ทองดี เด็กชายไร้สัญชาติ บุตรของแรงงานต่างด้าวที่อพยพหนีภัยสงครามมาจากรัฐฉาน ประเทศพม่า คว้ารางวัลที่ 3 ประเภทบุคคล และรางวัลที่ 1 ประเภททีม ในฐานะตัวแทนประเทศไทย จากการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับนานาชาติที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้รับโอกาสจากหลายภาครัฐ ด้วยการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านการศึกษาจนถึงระดับปริญญาเอก ในฐานะทำชื่อเสียงให้ประเทศ
อย่างไรก็ตามหลัง ด.ช.หม่อง เดินทางกลับมาประเทศไทย หลายฝ่ายต่างออกมาแสดงความยินดีปรีดา ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกันยกใหญ่ ขณะที่อีกฟากหนึ่งในโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งบนเว็บไซต์ ฟอร์เวิร์ดเมล์ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ถึงความไม่เป็นธรรมของสังคมไทยกล่าวคือ นายอภิเชษฐ์ ไชยปัญญา หรือ แม็ก ครูฝึกสอนและนักศึกษาวิทยาลัยพลศึกษา จ.เชียงใหม่ ผู้ฝึกสอนและปลุกปั้น ด.ช.หม่อง ให้เดินทางไปสู่จุดหมายกลับไม่ได้ออกมาเปิดเผยตัว และไม่ได้ถูกพูดถึง ไม่ได้รับการสรรเสริญยกย่องในฐานะโค้ช หนำซ้ำเวลานี้เขายังต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องด้วยการไปรับจ้างเป็นครูสอนทำอาหารในโรงเรียนสอนทำอาหารแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ล่าสุด "คม ชัด ลึก" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ความรู้สึกของเขาว่า รู้สึกอย่างไรบ้าง น้อยเนื้อต่ำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่
อภิเชษฐ์ เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของเขาก่อนก้าวสู่การเป็นโค้ชว่า ระหว่างเรียนอยู่ชั้นปี 4 ที่วิทยาลัยพลศึกษา จ.เชียงใหม่ ได้เข้าไปเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 จนถึงเดือนมีนาคม 2552 ช่วงที่ฝึกสอนอยู่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) มาดูงานที่โรงเรียน นำโปสเตอร์การแข่งขันเครื่องบินพับกระดาษ จัดขึ้นที่ มช.ในเดือนกรกฎาคมมาให้ จึงปรึกษากับผู้บริหารเพื่อขออนุญาตพานักเรียนไปร่วมการแข่งขัน หลังได้รับอนุญาตจึงชวนครูรุ่นพี่ที่สอนอยู่โรงเรียนบ้านห้วยทราย ช่วยกันคัดตัวเด็ก ๆ ในโรงเรียน โดยนำเด็กนักเรียนทุกชั้นมาฝึกพับเครื่องบินกระดาษและร่อนในอากาศให้นานที่สุด จนได้ตัวแทนไปแข่งขันประมาณ 20 คน ซึ่งรวมถึง ด.ช.หม่อง ที่ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้น ป.3
"ครั้งแรกที่พาลูกศิษย์ไปแข่งขันไม่ได้คาดหวังรางวัล แต่ต้องการให้เด็ก ๆ มีกิจกรรมทำเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีประสบการณ์ใหม่ ๆ เด็ก ๆ กว่า 20 คนที่ผ่านการคัดเลือกไปแข่งขัน มีหลายคนที่ฉายแววเก่ง แต่ ด.ช.หม่องจะโดดเด่นกว่าเพื่อน ๆ ทุกคนในกลุ่ม หม่องเป็นเด็กที่มีความตั้งใจ ทะเยอทะยาน มีแววตาที่เด็ดเดี่ยว มีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว แม้จะไม่ใช่เด็กเรียนเก่งแต่เวลาลงมือทำอะไร หม่องก็ทำเต็มที่ มีสมาธิมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ไม่วอกแวก วันนั้นหม่องได้รางวัลชนะเลิศ" อภิเชษฐ์เล่าด้วยเสียงที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ
หลังจากก้าวแรกแห่งชัยชนะทำให้ ด.ช.หม่อง เป็นตัวแทนไปแข่งขันเครื่องบินพับกระดาษในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่กรุงเทพฯ ครั้งนั้น อภิเชษฐ์ มีโอกาสได้ทำหน้าที่พี่เลี้ยงและโค้ช และก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินพับกระดาษระดับชาติมาได้ และหลังจากนั้นไม่นาน ด.ช.หม่อง ได้รับเชิญจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นผู้แทนของประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19 - 20 กันยายน ที่ผ่านมา แม็ก เป็นคนหนึ่งที่เอาใจช่วยลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาให้มีโอกาสเดินทางไปแข่งขัน เพราะเชื่อว่า ด.ช.หม่อง จะทำได้
"ในฐานะครูคนหนึ่งเราให้โอกาสลูกศิษย์ทุกคนไม่แบ่งแยกว่า เด็กคนนั้นจะมีเชื้อชาติหรือสัญชาติอะไร สิ่งที่ผมหยิบยื่นให้หม่องไม่ต่างจากเด็กที่มีสัญชาติไทย เมื่อทราบข่าวว่าหม่องมีปัญหาเรื่องสัญชาติอาจไม่ได้เดินทางไปญี่ปุ่น ก็รู้สึกเห็นใจ แต่เวลานั้นผมไม่ได้ฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านห้วยทรายแล้ว จึงช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากนัก และตัวเองเวลานั้นก็ยังตกงานอยู่ด้วย แต่พอเขาสามารถเดินทางไปแข่งได้ ผมก็ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด ซึ่งพอเขากลับมาถึงพร้อมกับชัยชนะ เขาก็โทรมาหาผมทันที" อภิเชษฐ์กล่าว
ความสำเร็จของเด็กไร้สัญชาติคนนี้ สร้างความภาคภูมิใจให้ครูฝึกสอนผู้อยู่เบื้องหลังอย่างมาก ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาระรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างเพราะไม่ได้รับการสรรเสริญยกย่องในฐานะโค้ชมือหนึ่งก็ตาม แต่ความสำเร็จของลูกศิษย์ก็ทำให้เขาพลอยดีใจ อีกทั้งคำพูดที่ออกมาจากปาก ด.ช.หม่อง ที่พูดกับเขาว่า ยังจดจำและคิดถึงครูแม็กอยู่เสมอ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ใกล้ชิดและมีโอกาสเรียนกับครู แต่ครูได้ถ่ายทอดวิชาความรู้และสอนวิธีพับเครื่องบินกระดาษให้ รวมทั้งพาไปแข่งขันจนได้รางวัลกลับมา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|