สตันท์แมนหนัง "องค์บาก 2, 3" เคราะห์ร้าย วิวาทชกต่อยกับหนุ่มใหญ่บ้านตรงข้าม อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ คู่อริสู้ไม่ได้วิ่งกลับเข้าไปในบ้านหยิบปืน 11 มม. มาจ่อยิงหัว ตายคาที่ต่อหน้าต่อตาพ่อ-เมีย และเพื่อนบ้านจำนวนมาก ก่อนถือปืนยืนรอมอบตัว...

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.  พ.ต.ท.รัชพล เกลี้ยงอุทธา สารวัตรเวร สภ.เมืองสุรินทร์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสุรินทร์ มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ภายในซอยเทศบาลอนุสรณ์ ชุมชนเทศบาลอนุสรณ์ เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นเขตชุมชนหนาแน่น ข้างถนนหน้าบ้านเลขที่ 27 พบศพนายสมพงษ์ มั่นยืน อายุ 24 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพสตันท์แมนภาพยนตร์ไทยเรื่อง "องค์บาก" ของ จา-พนม ยีรัมย์ นอนหงายเสียชีวิต มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขาด 11 มม. กระสุนเข้าที่หางคิ้วซ้ายทะลุออกศีรษะด้านหลัง ใกล้กันพบปลอกกระสุนตกอยู่ 1 ปลอก และกระสุนด้าน 2 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ข้างศพมีนางนงเยาว์ สกุลเตียว อายุ 21 ปี ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และนายสมโภชน์ มั่นยืน อายุ 52 ปี พ่อผู้ตายยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนมือปืน คือ นายชาญชัย ใจร่วม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127  ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำอยู่ตรงข้ามกันบ้านผู้ตาย ถือปืนรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสอบ

ด้านนายสมโภชน์ พ่อผู้ตายที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า มีลูกเพียงเดียว เป็นสตันท์แมนหนังองค์บาก ภาค 2 และ 3 และอยู่ระหว่างรับงานแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง แต่ต้องมาจบชีวิตเสียก่อน ขณะที่ภรรยาตั้งท้องได้ 5 เดือน ก่อนเกิดเหตุลูกชายและนายชาญชัย ได้ชกต่อยกัน ตนและเพื่อนบ้านได้ช่วยกันแยกคนทั้งสองออก  โดยผู้ตายได้ขอโทษนายชาญชัย แต่นายชาญชัย กลับวิ่งเข้าไปในบ้าน นำปืนมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด แล้วหันกระบอกปืนมาทางลูกชายลั่นไกแต่กระสุนด้านจึงดึงลูกเลื่อนคัดกระสุนทิ้ง 2 นัด แล้วตรงมาจ่อยิงจนลูกชายล้มลงเสียชีวิต เหตุเกิดต่อหน้าเพื่อนบ้านหลายคน

พ.ต.ท.รัชพล เกลี้ยงอุทธา เปิดเผยว่า ทั้งคู่มีปัญหาไม่ลงรอยกันมาก่อน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกับนายชาญชัย มือปืนซึ่งบ้านเปิดร้านขายของชำอยู่ตรงข้าม แต่มือปืนที่อายุมากกว่าสู้ไม่ได้จึงวิ่งเข้าไปในบ้านหยิบปืนออกมายิงผู้ตาย จนเสียชีวิต หลังก่อเหตุได้รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ยิ่ง มือปืนรับสารภาพ จึงดำเนินคดีในข้อหาเจตนาใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย.

ข่าวจาก ไทยรัฐ