นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดแถลงข่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวมายังสมาคมฟุตบอลฯเมื่อวันที่ 29 เมษายน โดยปรับให้ไทยแพ้ ปาเลสไตน์ ในนัดแรก 0-3 จากที่ไทยชนะ 1-0 ทำให้รวม 2 นัดไทยต้องตกรอบแรกไป
โดย เอเอฟซีระบุว่า สุจริต ถูกใบแดงในศึกชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2008 นัดพบกับ อุซเบกิสถาน ในเกมรอบแรกนัดสุดท้าย ทำให้ต้องถูกห้ามลงสนาม 1 นัด แม้จะมีการแจ้งจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไปว่า สุจริตได้ชดใช้โทษแบนในเกมนัดแรกกับ ปากีสถาน ในฟุตบอลชาย กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 เมื่อปี 2010 และเอเอฟซีได้แจ้งต่อไปยังสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า)ไปแล้ว ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากเจ้าของเกมไม่ใช่เอเอฟซี แต่เป็นสภาโอลิมปิคแห่งเอเชีย (โอซีเอ) เอเอฟซีจึงไม่นับรวม
นายองอาจ กล่าวต่อว่า เป็นความผิดของเอเอฟซีที่ไม่ได้แจ้งผ่านแมตช์คอมมิชชั่นเนอร์ (ผู้ควบคุมการแข่งขัน) ชาวมัลดีฟส์ในเกมนัดแรกกับปาเลสไตน์ เพื่อแจ้งในการประชุมผู้จัดการทีม เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ควบคุมการแข่งขันอยู่แล้วที่จะต้องตรวจรายละเอียด เหล่านี้ ดังเช่นที่เคยทำในเกมฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ควบคุมการแข่งขันแจ้งว่า ดัสกร ทองเหลา ที่บินกับทีมไปด้วย ติดโทษแบนไม่สามารถลงสนามได้ และทีมชาติไทยก็ไม่ได้ส่งลงสนาม ส่วนการแก้ไขปัญหาหลังจากนี้ จะเร่งประสานกับผู้บริหารระดับสูงของเอเอฟซีต่อไปอย่างเร็วที่สุด
” นายวรวีร์ มะกูดี (นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ) จะโทรศัพท์หารือเรื่องนี้กับ โมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี ถึงความเป็นไปได้ในทบทวนข้อพิจารณาดังกล่าว โดยโอกาสที่เราจะได้สิทธิในการเล่นรอบคัดเลือก รอบที่สองเหมือนเดิมนั้น ยังตอบไม่ได้ โดยคงต้องรอให้กระบวนการร้องเรียนเสร็จสิ้นเสียก่อน” นายองอาจกล่าว
ด้าน “บิ๊กกาเซ็ม” นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ (ภาพซ้าย) ผู้จัดการทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิคกล่าวว่า วันนี้ได้เรียกนักเตะชุดปรีโอลิมปิคมารายงานตัวแต่ไม่ได้มีการฝึกซ้อมจนกว่า จะได้รับคำตอบของข้อร้องเรียนจากเอเอฟซี.
ขอบคุณข่าว-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304387487&grpid=&catid=07&subcatid=0702