| • ประวัติของเพลงชาติไทย มีที่มาที่ไปอย่างไร |
|
โพสต์โดย thailnad , วันที่ 03 มี.ค. 59 เวลา 19:55:39 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เพลงชาติไทยนับเป็นหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญของความเป็นไทยที่เราทุกคนต่างรู้จักคุ้นเคยดี แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เชื่อว่าหากเมื่อกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทยแล้ว คงมีน้อยคนทราบ ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งหากเราทุกคนในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งจะละเลยให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้รากเหง้าความเป็นมาของตนเอง สำหรับโอกาสนี้จึงขอใช้พื้นที่เล็ก ๆ ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของเพลงชาติไทย เพื่อแบ่งปันความรู้ซึ่งกัน
กำเนิดเพลงชาติสยาม
เพลงชาติและธรรมเนียมนิยมในการร้องเพลงชาติ เป็นสิ่งที่นานาอารยประเทศปฏิบัติใช้สืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สังคมโลกเริ่มมีการจัดความสัมพันธ์ต่อกันภายใต้ระบบรัฐ-ชาติแต่ละชาติต่างก็มักนิยมกำหนดเพลงประจำชาติขึ้นมาเพื่อเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง ส่วนประเทศสยาม (ชื่อเดิมของประเทศไทย) ในอดีตนั้นยังไม่มีเพลงประจำชาติ เมื่อถึงคราวต้องร่วมพิธีอันเป็นสากลจึงมักถือเอาเพลงสรรเสริญพระบารมีมาใช้เป็นเพลงชาติไปด้วยเรื่อยมา
สืบเนื่องมาถึงช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ด้วยคณะผู้ก่อการปฏิวัติ (คณะราษฎร) ซึ่งต่อมายกฐานะเป็นผู้นำประเทศ และมีแนวความคิดที่ว่าประเทศสยามควรมีเพลงประจำชาติไว้เพื่อแสดงถึงความมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ จึงได้ริเริ่มให้มีการประพันธ์เพลงชาติสยามขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยทาบทามให้พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง ขณะที่ในระหว่างนั้นก็ได้ประกาศใช้เพลงชาติมหาชัย ที่ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเพลงชาติเป็นการชั่วคราวไปก่อน ซึ่งหลังจากนั้นเพียง 7 วัน ทำนองเพลงชาติที่ประพันธ์ขึ้นใหม่ก็เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์และถูกประกาศใช้เป็นเพลงชาติในที่สุด ดังนั้น หากไม่นับรวมเพลงสรรเสริญพระบารมีหรือเพลงชาติมหาชัย ซึ่งเป็นเพลงชาติที่ใช้เพียงในคราวเฉพาะหน้า ก็นับได้ว่าเพลงชาติสยามได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เอง
จากเพลงชาติสยามสู่เพลงชาติไทยในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะให้การผลักดันส่งเสริมจนเกิดเป็นทำนองดังที่ได้เรียนไปแล้ว รัฐบาลก็ยังมีความตั้งใจเพิ่มเติมคำร้องของเพลงชาติ โดยให้มีเนื้อหาที่สื่อถึงความเป็นรัฐของประชาชน ตามหลักประชาธิปไตยที่สากลโลกยอมรับ ทั้งยังช่วยให้สามารถนำมาใช้เป็นเพลงประจำชาติที่ประชาชนสามารถขับร้องได้ จึงได้ทาบทามให้ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ประพันธ์เนื้อเพลงชาติสยามขึ้น แต่ผลสุดท้ายบทประพันธ์ฉบับขุนวิจิตรมาตรากลับไม่ได้รับการยอมรับหรือยกฐานะเป็นเพลงชาติแต่อย่างใด เนื่องจากยังคงมีเนื้อหาที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
จากความล้มเหลวดังกล่าว ส่งผลให้ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 รัฐบาลได้ลองพยายามอีกครั้ง โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปส่งบทประพันธ์เนื้อเพลงชาติเข้าประกวด ซึ่งในคราวนั้นชัยชนะจากการประกวดได้ตกเป็นของนายฉันท์ ขำวิไล ส่งผลให้บทประพันธ์ของเขาถูกหยิบยกมาปรับแก้เล็กน้อยก่อนประกาศใช้เป็นเพลงชาติอย่างเป็นทางการ
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงปี พ.ศ. 2482 ประเทศสยามได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย รัฐบาลจึงได้จัดประกวดบทประพันธ์เนื้อเพลงชาติไทยขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยยังคงยึดเอาทำนองเดิมของพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) แต่กำหนดให้เนื้อหามีความยาวเพียง 8 วรรค และใช้คำว่าไทยแทนคำว่าสยาม ในครั้งนี้ผู้ชนะการประกวด ได้แก่ พันเอกหลวงสารานุประพันธ์ บทประพันธ์ชิ้นดังกล่าวจึงได้รับการประกาศใช้เป็นเพลงชาติของไทย และยังคงใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
เนื้อร้องของเพลงชาติแต่ละยุคสมัย
เนื้อเพลงฉบับขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) (2475)
..แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย บางสมัยศัตรูจู่มารบ ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่ ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า เอกราษฎร์คือเจดีย์ที่เราบูชา เราจะสามัคคีร่วมมีใจ ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสสระเสรี ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้ เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย สถาปนาสยามให้เทิดชัยไชโย
..
เนื้อเพลงฉบับนายฉันท์ ขำวิไล (2477)
..เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต รักษาสิทธิ์อิสสระณแดนสยาม ที่พ่อแม่สู้ยอมม้วยด้วยพยายาม ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา แม้ถึงภัยไทยด้อยจนย่อยยับ ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า ควรแก่นามงามสุดอยุธยา นั้นมิใช่ว่าจะขัดสนหมดคนดี เหล่าเราทั้งหลายเลือดและเนื้อเชื้อชาติไทย มิให้ใครเข้าเหยียบย่ำขยำขยี้ ประคับประคองป้องสิทธิ์อิสสระเสรี เมื่อภัยมีช่วยกันจนวันตาย จะสิ้นชีพไว้ชื่อให้ลือลั่น ว่าไทยมั่นรักชาติไม่ขาดสาย มีไมตรีดียิ่งทั้งหญิงทั้งชาย สยามมิวายผู้มุ่งหมายเชิดชัยไชโย
..
เนื้อเพลงฉบับพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (2482)
..ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
..
หลังจากที่รับชมเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงชาติไทยกันมาพอสมควรแล้ว ตั้งแต่เริ่มเท้าความถึงเพลงชาติไทยสมัยก่อน พัฒนาการของเพลงชาติไทย เนื้อเพลงที่ปรับเปลี่ยนจนมาสู่ยุคปัจจุบัน หวังว่าจะเป็นสาระความรู้ที่มีประโยชน์สำหรับทุกท่าน ส่วนท่านใดที่รู้สึกสนใจอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถสืบค้นได้ไม่ยาก เพราะเรื่องราวของเพลงชาติล้วนถูกบันทึกความเป็นมาไว้โดยละเอียดทุกยุคสมัย จึงสามารถเข้าถึงได้จากแหล่งข้อมูลแทบทุกประเภท
https://www.youtube.com/watch?v=_7HjjIjWKXw
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 670 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย thailnad
IP: Hide ip
, วันที่ 03 มี.ค. 59
เวลา 19:55:39
|
